อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 486 งานชื่นชมยาชั้นเลิศ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่486 งานชื่นชมยาชั้นเลิศ
พอนึกถึงความเร็วของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กู้ชูหน่วนก็โล่งอกแล้ว
ขอแค่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยอมให้นางขี่ ถ้าจะลงภูเขาก็เร็วมาก
“ท่านผู้เฒ่า นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของข้า ไม่ทราบว่าจะแลกของกินกับท่านได้หรือไม่”
กู้ชูหน่วนเอาเงินออกมาจากแหวนมิติ แล้วยื่นให้คนแก่คนนั้น
หมู่บ้านอยู่ในที่ลับตาคน ชาวบ้านจะแบกผักที่ตัวเองปลูกออกไปขายเป็นระยะ รวมไปถึงฟืนที่ตัดเอาออกไปขายด้านนอก แต่ก็ขายได้ไม่เยอะเท่าไหร่
พวกเขาไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้ แต่ละคนตาลายไปหมด
“แม่นางเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราอยู่ในหมู่บ้านไกลโพ้น ไม่มีของกินดีๆหรอก ถ้าแม่นางไม่ว่าล่ะก็ บ้านข้ามีหมั่นโถวอยู่เล็กน้อย พวกเราขายตามราคาตลาดให้แม่นางก็พอแล้ว ไม่ต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้หรอก”
“ถ้า งั้นก็ขอบใจท่านผู้เฒ่ามากนะเจ้าคะ”
ชาวบ้านคนอื่นๆเห็นดังนี้แล้ว ก็อยากเอาอาหารแลกเงินกับนางบ้าง ต่างก็วิ่งไปเอาอาหารในบ้านตัวเองออกมา
ทันใดนั้น มีคนตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ปีศาจ! ปีศาจ! มีปีศาจ!”
คำว่าปีศาจทำเอาทุกคนในหมู่บ้านฮือฮากันไปหมด เหมือนมีระเบิดมาลงที่นี่ยังไงยังงั้น
“ปีศาจอยู่ไหน?”
“ปีศาจอยู่ที่นี่!”
มีคนชี้ไปยังซือโม่เฟยที่เดินเข้าหมู่บ้านช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชาวบ้านมองไปตามที่เขาชี้ พอได้เห็นแล้วต่างก็ตกใจกันหมด
ดวงตาของผู้ชายคนนี้ ข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีม่วง
ชาวบ้านสามัคคีกันมาก ต่างก็หยิบจอบกับไม้คานขึ้นมา แล้วพุ่งไปยังซือโม่เฟยอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนเร็ว ตีเจ้าปีศาจนี่ให้ตายกัน”
ซือโม่เฟยทำหน้าบึ้งตึง ความเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย
กู้ชูหน่วนรีบห้าม “ช้าก่อน เขาไม่ใช่ปีศาจ เขาเป็นแค่คนธรรมดาก็เท่านั้น”
“เจ้ามาพร้อมกับเขา เจ้าก็คงเป็นปีศาจด้วยล่ะสิ ดวงตาของเขามีสองสี เจ้าก็ดีไม่ถึงไหนหรอก”
“ข้าก็แปลกใจอยู่ หมู่บ้านของเราไม่เคยมีคนแปลกหน้ามาเลยสิบกว่าปี วันนี้ทำไมถึงมีคนนอกเข้ามากะทันหัน สรุปแล้วพวกเจ้าก็เป็นปีศาจนี่เอง”
“พี่น้องทั้งหลาย พวกเรารวมพลังกัน ตีสองคนนี้ให้ตายไปเลย จะได้ไม่เป็นภัยอันตรายต่อโลกมนุษย์”
ฟิ้ว……
แรงอาฆาตหนึ่งแผ่ซ่านออกมา
ซือโม่เฟยเลิกแขนเสื้อ ยกมือขึ้นอยากจะฆ่าพวกเขาให้หมด
กู้ชูหน่วนรีบเข้าไปดึงมือเขาไว้ก่อน แล้วพาเขาออกจากหมู่บ้านไป
“ชาวบ้านพวกนี้อยู่ในหุบเขาลึกมานานหลายปี เจออะไรมาน้อย เจ้าอย่าไปโกรธพวกเขาเลย”
กู้ชูหน่วนกลัวว่าซือโม่เฟยจะโกรธจริงๆ
แรงอาฆาตเมื่อกี้ของซือโม่เฟย นางรับรู้และสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน
ถ้าเขาฆ่าคนขึ้นมา คนทั้งหมู่บ้านอาจจะไม่พอให้เขาฆ่าก็ได้
“ข้าเกลียดคนอื่นวิจารณ์ดวงตาของข้าที่สุด” ซือโม่เฟยพูด
“นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เห็นคุณค่าไง ข้ายังอยากมีดวงตาที่สวยเหมือนเจ้าเลย”
กู้ชูหน่วนวิ่งไปด้วย และพูดปลอบใจไปด้วย
แรงอาฆาตของจอมมารลดลงไปเรื่อยๆ
เวลาที่พี่สาวมองเขา ในสายตาไม่เคยมีความรังเกียจเลย แต่กลับเป็นความแปลกใจและความชื่นชอบ เป็นเพราะแบบนี้ไง เขาถึงชอบพี่สาวคนนี้มาก
เขาก้มหน้ามองกู้ชูหน่วนที่จับมือเขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าเขาจะถูกทำร้าย จนอยากจะพาเขาออกห่างจากชาวบ้านพวกนั้น
จอมมารหัวเราะเสียงเบา วิ่งตามไปพร้อมกับนาง
พวกชาวบ้านมีแรงเยอะมาก วิ่งตามพวกเขาอยู่นานกว่าจะยอมแพ้
“เห้อ……”
กู้ชูหน่วนเหนื่อยจนทรุดตัวลงไปนั่งข้างต้นไม้แล้วหายใจหอบถี่
จอมมารยื่นขวดน้ำเข้ามา
กู้ชูหน่วนรีบดื่มน้ำเอื้อก แล้วพูดอย่างเคยชินว่า “ขอบใจนะ”
“พี่สาวไม่โกรธข้าเหรอ?”
กู้ชูหน่วนก็ถึงรู้ตัว
นางยังไม่หายโกรธเลย
“พี่สาว ข้ายอมทำตามที่พี่สาวบอก ไม่ฆ่าพวกเขา พี่สาวอย่าโกรธข้าเลยดีไหม”
จอมมารยื่นแขนเสื้อออกไป เช็ดน้ำที่กระเด็นบนใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีประสบการณ์อะไร ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วย รอกลับไปแล้ว ข้าจะไปเรียนกับพ่อครัวดีๆ”
“ช่างเถอะ ยังไงเจ้าก็ไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้ว แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นไปเรียนทำอาหารหรอก”
นางอยากบอกว่า เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่คำพูดสุดท้าย นางกลับไม่ได้พูดออกไป กลัวพูดออกไปแล้วจะทำร้ายจิตใจของเขา
“อาโม่รู้ว่าพี่สาวดีที่สุดเลย”
กู้ชูหน่วนผลักเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ “ลุกขึ้นมาได้แล้ว พาพวกเราลงภูเขาก่อน ยังไม่ได้ทำเรื่องสำคัญเลย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หาว พูดอย่างไม่สดชื่นว่า “เจ้านาย ข้าทั้งหิวทั้งง่วง”
“รอลงจากภูเขาแล้ว ข้าจะซื้อหมูย่างสิบตัวให้เจ้ากิน”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากกินที่เจ้านายย่างเอง”
“ได้ ต้องรอให้ข้ามีเวลาว่างก่อน ข้าจะย่างให้เจ้ากินเองกับมือ”
“เจ้านายหรอกงูทุกครั้งเลย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหัว ปากก็พึมพำไม่หยุด แถมยังใช้หางนับไม่หยุด สักพักใหญ่ก็พูดว่า “เจ้านาย ท่านติดหนี้หมูย่างข้าหกสิบเจ็ดตัวนะ”
“เยอะขนาดนั้นเชียว”
“ใช่ ครั้งก่อนตอนอยู่จวนอ๋องหาน ท่านตกลงให้หมู่ย่างสิบตัวกับข้า สุดท้ายก็ไม่ได้ให้ข้า ครั้งก่อนตอนอยู่เผ่าหยกก็ตกลงให้ข้าอีกสามตัว……”
“ได้ๆ เจ้าหยุดนับก่อน หกสิบเจ็ดก็หกสิบเจ็ด เจ้าพาข้าลงจากภูเขาก่อน”
“ไม่มีแรง”
“ถ้าตอนนี้เจ้าไม่พาลงไป งั้นหมูย่างหกสิบเจ็ดตัว เจ้าอย่าคิดที่จะได้กินสักตัวเลย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เบะปาก
งูที่แท้จริงต้องยอมลดราวาศอกได้ชั่วคราว
ช่างเถอะ เจ้านายมีรับสั่ง ก็เป็นงูที่ดีเถอะ
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กำลังจะกลายร่างเดิม จอมมารกลับเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้สึกคุ้นกับที่นี่มากเลย เหมือนเคยมาหลายครั้งแล้ว?”
กู้ชูหน่วนไม่สนใจเลย “เจ้าดูที่ไหนไม่คุ้นบ้างล่ะ? ครั้งนี้เจ้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าเป็นทางที่ไปหุบเขาตันหุย”
“ไม่ใช่ จากตรงนี้ตรงไปเรื่อยๆ ก็คือทางที่ไปหุบเขาตันหุยเลย ก่อนหน้านี้เสวียซาพาข้าไปหลายรอบแล้ว”
“หุบปากได้ไหม ทางลงเขาฟังข้า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ยังไม่รีบพาพวกเราลงไปอีก”
“ช้าก่อน ข้างหน้ามีคนมา” จอมมารกระดิกหู ทันใดนั้นก็พูดขึ้น
กู้ชูหน่วนตั้งใจฟังดีๆ มีเสียงม้าวิ่งดังมาจากที่ไม่ไกลมาก รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันรางๆ
กู้ชูหน่วนดึงจอมมารไปหาที่หลบซ่อน ตั้งใจฟังที่พวกเขาพูดดีๆ
“ไม่รู้ว่าเจ้าหุบเขาใหญ่คิดยังไง ในเมื่อจะเปิดงานชื่นชมยาชั้นเลิศ ก็ไปเปิดงานที่ป่าหยุนจงเหมือนปีก่อนๆก็ได้นี่ กลับดึงดันจะมาเปิดภายในหุบเขาตันหุย”
“นั่นน่ะสิ หุบเขาตันหุยของพวกเราซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกตลอด ไม่เคยสนใจโลกภายนอก ผู้คนภายในหุบเขาก็ไม่ค่อยออกไปไหนเลย และไม่ให้คนนอกเข้ามาในหุบเขาตันหุยของเราด้วย ครั้งนี้เปิดงานชื่นชมยาชั้นเลิศภายในหุบเขา ก็มีโอกาสให้คนนอกเข้ามาสำรวจหุบเขาตันหุยของพวกเราน่ะสิ?”
“พวกเจ้าหารู้ไม่ ได้ยินมาว่าครั้งนี้หุบเขาของพวกเราหลอมยาชั้นดีได้เยอะมาก เจ้าหุบเขาใหญ่กลัวว่ายาพวกนี้จะถูกขโมย ก็ถึงตัดสินใจจะเปิดในหุบเขากะทันหัน”
“ในเมื่อตัดสินใจว่าจะเปิดภายในหุบเขาแล้ว งั้นคนที่พวกเราเชิญมาก็ให้เข้ามาในหุบเขาเลยไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมต้องอ้อมไกลขนาดนี้ล่ะ ช่วงนี้ ข้าส่งคนพวกนั้นเข้าหุบเขา เอาซะข้าเหนื่อยจนไม่มีแรงแล้ว”
“เจ้าโง่ หุบเขาตันหุยเป็นสถานที่อะไร จะให้คนนอกเข้ามาง่ายๆได้เหรอ? ถ้าเกิดพวกเขาคิดไม่ซื่อล่ะ จะต้องปิดตาเอาไว้ แล้วพาพวกเขาเดินอ้อมเข้าไป”