อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 487 เข้าสู่หุบเขาตันหุย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่487 เข้าสู่หุบเขาตันหุย
“ก็ถูกของเจ้านะ”
“ดึกมากแล้ว พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ เดี๋ยวจะโดนทำโทษอีก พรุ่งนี้ยังต้องไปรับคนอีก วันมะรืนนี้ก็จะเป็นวันงานชื่นชมยาชั้นเลิศแล้วด้วย”
พวกเขาว่าแล้วก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาพวกเขา
กู้ชูหน่วนกวาดตามองรอบๆ นั่นเป็นเด็กหนุ่มอายุเจ็ดแปดขวบ สวมเสื้อสีเทาเหมือนกัน บนเสื้อยังมีคำว่า“ตัน”ปักไว้ตัวใหญ่ ยังมีภาพเครื่องหมายหยินหยางด้วย
มองจากการแต่งกายและบทสนทนาของพวกเขาแล้ว คนพวกนี้ก็คงเป็นคนของหุบเขาตันหุย
กู้ชูหน่วนกลอกดวงตาสีดำขาวขึ้นลง
จอมมารเขยิบห่างจากนาง “เจ้าจะทำอะไร?”
สายตาแบบนี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านางกำลังจะทำอะไรไม่ดีนะ
“เจ้าทำบัตรเชิญมัวใช่หรือไม่?”
“ชะ……ใช่ มัวจนติดไม่ได้แล้ว ข้าไม่เก่งพอที่จะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรอกนะ”
“เจ้าไม่ต้องทำหรอก จัดการคนเจ็ดแปดคนนั้นไม่มีปัญหาหรอก” กู้ชูหน่วนชี้ไปยังลูกศิษย์หุบเขาตันหุยเจ็ดแปดคนตรงหน้า
“พี่สาว ข้าเห็นแผนการในสายตาของพี่”
“ไปให้พ้นเลย แผนการอะไรกัน หุบเขาตันหุยเชิญเจ้าไป แต่เจ้าทำบัตรเชิญเสีย ดังนั้นเจ้าจึงเข้าไปไม่ได้ชั่วคราว ตอนนี้ขอแค่พวกเราเล่นลูกไม้นิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง แบบนี้ก็ไม่เกินไปนี่ เพราะยังไงเจ้าก็ควรจะไปอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว”
“เจ้าจะให้พวกเราปลอมตัวเป็นพวกเขาแล้วเข้าไปเหรอ?”
“หุบเขาตันหุยต้องตรวจเข้มแน่ ปลอมตัวเป็นพวกเขาไม่ได้หรอก พวกเขายกเกี้ยวอยู่คันหนึ่งนี่ พวกเราเข้าไปนั่งในเกี้ยวของพวกเขาสิ”
“แต่นั่นก็จะโดนตรวจสอบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงเวลาก็ลงมือเมื่อมีโอกาส ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า จะต้องพาข้าเข้าไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ใช่ไหม?”
กู้ชูหน่วนยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำเอาซือโม่เฟยขนลุกซู่
พูดซะ เหมือนถ้าเขาพานางเข้าไปไม่ได้ ก็จะเสียหน้าน่ะสิ?
“ไปเถอะ ข้าจะรอเจ้า” กู้ชูหน่วนกะพริบตา ส่งสายตาเป็นกำลังใจให้กับเขา
จอมมารหัวเราะอย่างเหนื่อยใจ แขนเสื้อยกขึ้นเบาๆ พายุทรายก็โหมกระหน่ำเข้าไป ลูกศิษย์หุบเขาตันหุยเจ็ดแปดคนถูกลมพัดจนลืมตาไม่ขึ้น
ในขณะเดียวกัน จอมมารโอบเอวบางของกู้ชูหน่วน แล้วบิน ‘ฟิ้ว’ ขึ้นไปในเกี้ยว
หลังจากลมพัดหายไปแล้ว ลูกศิษย์หุบเขาตันหุยก็พูดขึ้นว่า “แปลกจัง อากาศดีๆ ทำไมถึงมีลมพัดกะทันหันล่ะ”
“คงไม่ใช่ว่าฝนจะตกอีกแล้วใช่ไหม พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
ทุกคนยกเกี้ยวแล้วรีบวิ่งกลับไป
มีลูกศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “แปลกจัง ทำไมเกี้ยวนี้ถึงหนักจัง”
“ข้าก็รู้สึกเหมือนหนักขึ้นนะ”
หัวหน้าพวกลูกศิษย์ก็อดไม่ได้ตบหัวพวกเขาไปคนละที
“แค่ให้พวกเจ้าช่วยกันยกเกี้ยว ก็เอาแต่บ่นมาตลอดทางแล้ว รีบยกไปเลยนะ อย่ามาเล่นไม้นี้อีก”
พวกคนยกเกี้ยวทุกข์ใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
ก่อนหน้านี้พวกเขาแอบขี้เกียจเลยบอกว่าหนักก็จริง แต่ตอนนี้มันหนักจริงๆนะ
ภายในเกี้ยว จอมมารเขยิบตัวเข้าเรื่อยๆ สูดดมกลิ่นหอมจากสมุนไพรบนร่างกายของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาวรู้สึกไหมว่าพวกเราเหมือนอยู่บนเกี้ยวแต่งงานเลย”
กู้ชูหน่วนมองค้อนเขา
“หยุดความคิดทุเรศของเจ้าซะ”
เกี้ยวโซซัดโซเซไปตลอดทาง
เดินนานถึงสองชั่วโมง กว่าจะถึงหน้าประตูม่านอาคมของหุบเขาตันหุย
เดินทางติดต่อกันหลายวัน กู้ชูหน่วนก็เหนื่อยจนจะตายอยู่แล้ว
นางรู้ว่าถ้าถึงหุบเขาตันหุยแล้ว คงจะมีศึกที่ดุเดือดรออยู่แน่นอน จึงงีบหลับในเกี้ยวซะเลย เอาเรื่องที่ยุ่งยากทั้งหมดเกี่ยวกับการบุกหุบเขาให้จอมมารแทน
ถ้าแค่หุบเขาตันหุยยังเข้าไม่ได้ งั้นเขาก็คู่ควรกับตำแหน่งของจอมมาร