อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 488 มีคนที่ชอบหรือไม่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่488 มีคนที่ชอบหรือไม่
รอนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เข้าไปในหุบเขาตันหุยได้แล้ว
จอมมารนั่งอยู่ในเกี้ยวตลอด มองดูใบหน้าหลับของนางอย่างเหม่อลอย มุมปากกระตุกยิ้มตลอดเวลา
กู้ชูหน่วนขยี้ตา “ที่นี่ที่ไหนเหรอ?”
“หุบเขาตันหุย”
“ข้าหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“สองชั่วโมงเอง”
กู้ชูหน่วนออกจากเกี้ยว ที่เห็นตรงหน้าคือห้องเก็บของ และมีเกี้ยววางเรียงรายอยู่สิบกว่าคัน
ด้านนอก แสงไฟสลัวสาดส่องมา ลูกศิษย์หุบเขาตันหุยกำลังเดินลาดตระเวนเป็นแถวๆ
หุบเขาตันหุยใหญ่มาก โดยมีตำหนักติดต่อกันยาวไปเรื่อยๆ และด้านบนสุดของทุกตำหนักก็ยังมีเครื่องหมายหยินหยางด้วย
“จ๊อกๆ……”
ไม่รู้ว่าท้องใครร้องขึ้นอย่างไม่เกรงใจคนข้างๆเลย
จอมมารกวาดตามองท้องของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาวคงจะหิวแล้วแน่เลย ข้าไปหาของกินมาให้พี่นะ”
“ได้ ระวังตัวด้วยนะ อย่าทำให้คนของหุบเขาตันหุยจับได้เชียว”
“รับทราบขอรับ พี่สาวรอข้าที่นี่ได้เลย ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
จอมมารยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นดูสะอาดและบริสุทธิ์มาก
เห็นเพียงแสงสีขาวแวบออกไป จอมมารที่อยู่ตรงหน้าก็หายตัวไปแล้ว
กู้ชูหน่วนพูด “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าไปสำรวจหุบเขาตันหุยดูก่อน กลับมาบอกให้ข้าฟัง ข้าจะวาดแผนที่ ดูว่าที่ไหนจะมีโอกาสหากุญแจรูปดาวได้”
เสียงตอบรักที่กู้ชูหน่วนได้คือความเงียบและความเหงา
กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองข้อมือตัวเอง
กลับเห็นว่าข้อมือตัวเองว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ล่ะ?
ไปวิ่งเล่นที่ไหนอีกแล้ว?
คงไม่ได้ตกลงไประหว่างทางหรอกนะ หรือว่าแอบไปขโมยกินที่ไหนอีก
กู้ชูหน่วนแทบกระอัก
ก่อนหน้านี้อยู่จวนอ๋องหาน มันก็แอบออกไปกินเนื้อในห้องครัวตอนดึกๆหลายทีแล้ว
จวนอ๋องหานรู้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง ทุกคนจึงไม่ได้ว่าอะไรมาก
แต่ที่นี่เป็นหุบเขาตันหุย ถ้าถูกจับได้จริงใครจะยอมปล่อยมันไปล่ะ ถึงแม้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะวิ่งเร็วแค่ไหน ก็คงทำให้คนทั้งหุบเขาตันหุยตกใจอยู่ดี
รออยู่ในห้องสักพักใหญ่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังไม่กลับมา จอมมารก็ด้วย
เห็นว่าดึกมากแล้ว กู้ชูหน่วนทนรอต่อไปไม่ไหวแล้วด้วย
แค่ไปหาของกิน จำเป็นต้องไปสองชั่วโมงเต็มไหม เดินรอบหุบเขาตันหุยก็ควรกลับมาได้แล้วไหม
กู้ชูหน่วนผลักประตูออกไป เดินไปยังห้องครัวด้วยการใช้ประโยชน์จากความมืด อยากจะออกไปหาจอมมารกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก่อน
หุบเขาตันหุยใหญ่มาก ตรงหน้ามีทหารลาดตระเวนเดินมาอีกแถวแล้ว
ด้วยความรีบ นางจึงหลบเข้าไปในห้องนอนอันหรูหราห้องหนึ่ง
เสียงแอ๊ดดังขึ้น……
นางเพิ่งเข้าไปหลบได้ไม่นาน ก็มีเสียงคนผลักประตูเดินเข้ามา และมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“เจ้าหุบเขาใหญ่ ไม่ทราบว่าดึกขนาดนี้แล้ว ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใดหรือ?”
เสียงนี้ ทำไมถึงคุ้นหูจังเลยนะ?
เหมือนเป็นเสียงของน่าหลันหลิงลั่วเลย
กู้ชูหน่วนชะโงกหัวออกไปมองเล็กน้อย คนที่พูดอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ใช่น่าหลันหลิงลั่วแล้วจะเป็นใครอีกล่ะ
นอกจากน่าหลันหลิงลั่วแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนอีกคน
ชายวัยกลางคนร่างกายสูงโปร่ง รอบกายรายล้อมไปด้วยอำนาจและอิทธิพล ดูแล้วต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่
“ได้ยินว่าพ่อเจ้าหาคู่สมรสให้เจ้าแล้ว สาวงามคนนั้นทั้งสวยและมากความสามารถ มีชื่อเสียงมากในพระนคร”
สีหน้าของน่าหลันหลิงลั่วเปลี่ยนไป
“เจ้าหุบเขาใหญ่ ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”
“ทำไมล่ะ? ขายพวกลูกศิษย์ไปสืบดูแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ยอดเยี่ยมไปหมด นางคู่ควรกับเจ้ามากเลยนะ เราก็อายุมากแล้ว คนแต่งงานแล้วล่ะ”
“ถึงข้าจะแต่งงาน ก็ไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ดีตรงไหน?”
“ภายนอกและภายในของนางต่างกัน ความคิดชั่วร้าย มีใจอิจฉาริษยา และยังดูถูกข้าด้วย ให้ข้าแต่งงานกับนาง ฆ่าข้าเลยซะยังจะดีกว่า”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
พวกเขาพูดถึงผู้หญิงคนไหนกัน?
เจ้าหุบเขาใหญ่ลูบเคราสีขาว ตอนแรกคิดว่าจะได้เห็นเขาแต่งงานแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะต่อต้านสาวงามคนนั้นขนาดนี้
“งั้นเจ้ามีคนที่ชอบหรือไม่?”