อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 506 เผ่าหยกปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 506 เผ่าหยกปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
ที่ดีใจได้เพียงหนึ่งเดียวคือ เย่จิ่งหานกับจอมมารยังนับว่ารู้จักประมาณ รู้จักต่อสู้ตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ไกลออกไปอีกหน่อย
พวกสีชิ่นกับไป๋จิ่นแยกเย่จิ่งหานกับจอมมารอย่างยากลำบาก ในดวงตาล้วนเป็นการครุ่นคิด
งานประเดิมหลอมยาเริ่มแล้ว เนื่องจากหุบเขาตันหุยเกรงว่าทักษะการหลอมยาจะถูกขโมยเรียน ดังนั้นจึงทำกำแพงกั้นหลังหนึ่ง นอกจากเห็นเตาหลอมแล้ว ทุกคนในงานต่างไม่เห็นส่วนผสม
นี่เท่ากับ…ต้องนั่งอยู่ตรงนี้รอยาออกจากเตาหลอม
แม้เช่นนี้ ทุกคนก็ยังคอยืดคอยาว อยากดูนักหลอมยาว่าหลอมยาอย่างไร หากได้ศึกษาแม้เพียงเล็กน้อย ต้องมีชื่อเสียงระบือทั่วหล้าแน่
“ผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าแห่งเผ่าหยกมาถึงแล้ว…”
ประโยคเดียว ดึงดูดจุดรวมสายตาของทุกคนในงานอีกครั้ง
โดยเฉพาะเผ่าเทียนเฟิ่นเป็นหลัก
ครั้นคนของเผ่าเทียนเฟิ่นได้ยินคำว่า ‘เผ่าหยก’ ในดวงตาของทุกคนล้วนบังเกิดจิตสังหาร
แม้รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะปกปิดอย่างไร แต่ก็ปิดจิตสังหารบนตัวไม่อยู่
เผ่าน้ำแข็งเลิกคิ้ว มองเผ่าหยกในตำนานด้วยความสนใจ
หอหนึ่งในหล้าก็เช่นกัน
เพราะเผ่าหยกหายสาบสูญไปนานขนาดนั้น
นานจนแทบทำให้คนนึกว่าเผ่าหยกสาบสูญไปแล้ว
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันสะดุ้ง รีบลุกขึ้นไปต้อนรับด้วยตัวเอง “ไอ้หยา ผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า พวกท่านมาได้ พวกเราหุบเขาตันหุยก็พลอยได้เกาะชายบารมีไปด้วย”
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดดื่มสุราหนักขนาดนั้น เนื้อตัวเมาตุปัดตุเป๋ หากไม่ใช้คนในเผ่าหยกสองคนพยุงไว้ เกรงว่าจะล้มไปนานแล้ว
ผู้อาวุโสหกเอ่ย “ระหว่างทางมีเหตุนิดหน่อย จึงทำให้มาช้า ขอเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันโปรด…”
ผู้อาวุโสหกกล่าวพลางกวาดมองรอบงาน เมื่อเห็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนพลัน
“ทำไมเผ่าเทียนเฟิ่นจึงอยู่ที่นี่?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงเอ่ยสืบ “ทำไมเผ่าหยกจึงอยู่ที่นี่?”
แช้งๆๆ…
นอกจากเวินเส้าหยีแล้ว เผ่าเทียนเฟิ่นทั้งหมดก็ลุกขึ้น เผชิญหน้ากับเผ่าหยก ทั้งสองฝ่ายชักอาวุธตั้งท่า
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันปวดศีรษะอีกครั้ง
ได้ยินว่าเผ่าเทียนเฟิ่นและเผ่าหยกมีความแค้นเป็นตาย ไม่อยู่ร่วมกัน บัดนี้เห็นแล้วเป็นจริงดังว่า
ตอนที่พวกเขาส่งเทียบเชิญไปให้เผ่าหยก ก็คิดไม่ถึงว่าเผ่าหยกจะมาจริงๆ เพราะพวกเขาส่งไปทุกปี แต่เผ่าหยกก็ไม่มีสักปี เผ่าเทียนเฟิ่นก็เช่นกัน
บัดนี้ดีเลย เผ่าเทียนเฟิ่นมาแล้ว เผ่าหยกก็มาด้วย เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร?
อริพบหน้า ดวงตาเคียดแค้นกว่าปกติ โดยเฉพาะอารมณ์ของผู้อาวุโสหกและรองหัวหน้าเผ่าซือคงยิ่งมุทะลุกว่าเดิม ประมือกันทันที ไม่ไว้หน้าเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันสักนิด
“เผ่าหยกเป็นเต่าหดหัวมาหลายสิบปี วันนี้กล้าโผล่หัวออกมาสักที เฮอะ…ในเมื่อออกมาแล้ว เช่นนั้นก็เตรียมตัวตายเสียเถอะ!” รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าว
ผู้อาวุโสหกหัวเราะเย็นเสียงหนึ่ง “กำแหง วันนี้หากข้าชกหัวเจ้าให้เละไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่ผู้อาวุโสหกของเผ่าหยก!”
“ปังๆๆ…”
เห็นเพียงเงาคนแวบปราด ท้องนภาเปลี่ยนสีเพราะพวกเขา ฟ้าครามเมฆขาวที่แต่เดิมสดใส กลับมีเมฆดำบดบัง ประกายไฟวิบวับกลางเวหาเป็นสายๆ เป็นภาพชวนให้อกสั่นขวัญผวา
คนจำนวนมากในงานตกใจจนลุกขึ้นยืน
วรยุทธ์ผู้อาวุโสหกของเผ่าหยกจะสูงเกินไปแล้วกระมัง
ถึงกับทำให้ทั้งเวหาเปลี่ยนสีได้
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าที่สามารถประมือกับเผ่าเทียนเฟิ่นได้ต้องไม่ธรรมดาแน่
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าเผยแววตากังวล
แม้วรยุทธ์ผู้อาวุโสหกล้ำเลิศ แต่ประมือกับรองหัวหน้าเผ่าซือคง เกรงแต่จะเสียเปรียบ
เขาวางผู้อาวุโสเจ็ดลง กำชับคำหนึ่ง “ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าไปจะเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
ร่างกายฟิ่วเสียงหนึ่ง ขึ้นจากพื้นทะยานเข้าร่วมสมรภูมิทันที