อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 512 เปล่งประกายแยงตาสุนัขพวกเขาบอด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 512 เปล่งประกายแยงตาสุนัขพวกเขาบอด
“เหมือนว่าจะเป็นยาเผยหยวนเหมือนกัน แต่ประณีตมากกว่ายาเผยหยวนของเตาเมื่อครู่นั้น”
“สวรรค์! ยาเผยหยวนเม็ดนี้ใกล้เคียงกับระดับสองแล้วกระมัง?”
“เจ้าสำนักสงยาเผยหยวนในมือท่านเม็ดนี้ให้พวกเราได้ไหม? ท่านให้ราคามา จะไม่ให้ท่านเสียเปรียบเด็ดขาด”
“มิได้ ในสำนักเราก็มีศิษย์จำนวนมากที่ต้องการยาเผยหยวนอย่างเร่งด่วน หรือเจ้าสำนักหลินจะท่านรออีกสักหน่อย บางทีอาจมียาที่ดีกว่า อีกอย่าง เหล่าผู้อาวุโสหุบเขาตันหุยยังไม่เริ่มหลอมยาเลย ยาที่พวกเขาหลอมออกมาต้องดีกว่ายาเผยหยวนเม็ดนี้แน่นอน”
เจ้าสำนักหลินเชอะเสียงเย็นทีหนึ่ง ท่าทีดูถูก
ไม่ให้ก็ไม่ให้สิ ข้ออ้างที่ไหนมากมายขนาดนี้
ยาที่ผู้อาวุโสหุบเขาตันหุยหลอม อย่าว่าแต่คุณลักษณะดีขนาดนี้เลย แม้ไม่ ก็ประมูลราคาเทียมฟ้าได้ งานชื่นชมยาชั้นเลิศครั้งที่แล้วทุกคนแย่งชิงกันอย่างไร เขาประจักษ์มากับตา
ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ “ดวงของเจ้าสำนักสงจะดีเกิดไปแล้วกระมัง พริบตาได้ยาเผยหยวนถึงสองเม็ด ครั้งนี้ศิษย์ในสำนักของเจ้าสำนักสงต้องมียอดฝีมือชั้นยอดปรากฏอีกสองคนแน่”
“ก็นั่นนะสิ ต่างจากศิษย์ข้า นรลักษณ์เพียบพร้อมมากมาย แต่ขาดยาสองสามเม็ดเท่านั้น จึงทำให้ก้าวขึ้นระดับหนึ่งไม่ได้สักที”
หลายเตาหลอมติดกันล้วนมียาที่ขึ้นรูป ความเชื่อมั่นของทุกคนกลับมาอย่างห้ามไม่อยู่
ประมูลได้ยาขึ้นรูป นั่นราคาถูกกว่ายาสำเร็จมากเลยทีเดียว ในงานมีคนดีใจ มีความเสียใจ อารมณ์บนเครื่องหน้าต่างกัน
ฮัวฉีหลัวกล่าวอย่างไม่อินังขังขอบ “ก็แค่ยาระดับล่างไม่กี่เม็ด ต้องดีใจขนาดนี้เชียวหรือ? พี่ไป๋จิ่น ครั้งนี้ข้าออกมาแล้วถึงได้รู้ว่าคนข้างนอกข้นแค้นเพียงไร”
หากไม่ใช่เพราะคนอย่างพวกเย่จิ่งหานและซือโม่เฟยที่ฝีมือน่าครั่นคร้ามจนวิปริต นางยังเกือบนึกว่าผู้คนภายนอกล้วนไม่มีฝีมือ
ไป๋จิ่นยิ้มบางไม่เอ่ย
เดิมทียาก็หายากอยู่แล้ว
แต่ที่เผ่าน้ำแข็งมียามากขนาดนั้น ส่วนมากล้วนเป็นสิ่งที่ธิดาเทพหลอมขึ้น
สองปีนั้นก็ไม่รู้ว่าธิดาเทพกำลังหลอมยาอะไร หลอมไม่หยุดไม่หย่อน แต่เป็นอันต้องล้มเหลวทุกครั้ง
ของล้มเหลวเหล่านั้นของเผ่าน้ำแข็ง มีระดับสามเป็นอย่างต่ำ
อีกทั้งส่วนมากยังถึงระดับสี่ระดับห้า บ้างกระทั่งถึงระดับหก
ก็เพราะมียาเหล่านั้นที่ธิดาเทพทิ้งไว้ ฝีมือเผ่าน้ำแข็งของพวกนางจึงพัฒนาขึ้นฮวบ
เสี่ยวฉีเอ๋อร์กินยาที่ธิดาเทพหลอมแต่เล็ก วรยุทธ์เพิ่มพูนตามเวลา กอปรกับธิดาเทพสอนวรยุทธ์นางด้วยตนเอง ดังนั้นเสี่ยวฉีเอ๋อร์อายุน้อยๆ ก็อยู่ในระดับยอดฝีมือแนวหน้าแล้ว นอกเสียจากพบยอดฝีมือระดับหกขึ้นไป มิเช่นนั้นเสี่ยวฉีเอ๋อร์ล้วนสามารถต่อสู้ได้
ครั้นนึกถึงธิดาเทพ จิตใจไป๋จิ่นก็เจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย
ปีนั้นจู่ๆ ธิดาเทพก็หายตัวไป แม้แต่ถ้อยคำเล็กน้อยก็ไม่ทิ้งไว้ หากไม่ใช่เพราะตะเกียงเจ็ดสีแสดงว่าธิดาเทพยังมีชีวิตอยู่ กลัวแต่พวกนางต้องนึกว่าธิดาเทพไม่อยู่แล้วแน่
“ระดับสอง…สวรรค์! ถึงกับเป็นยาสวรรค์ระดับสอง! ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?!”
“ไม่…ไม่ได้ดูผิด ระดับสองจริงๆ! เจ้าสำนักสงวันนี้ท่านดวงอุจจาระสุนัขหรือ? เตาหลอมได้ยาติดต่อกัน ยาเทียมฟ้านี้ท่านขายไหม? ข้าอยากซื้อ!”
เจ้าสำนักสงหัวเราะลั่น “พูดง่าย พูดง่าย อาจเป็นเพราะก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ไปสักการะบรรพชนมา บรรพชนคุ้มครอง เตาหลอมนี่ถึงได้…”
ทุกคนไม่อยากฟังคำพูดพล่ามของเขา ต่างคนต่างถามขึ้น “แล้วท่านจะขายหรือไม่ ถ้าขาย เท่าไร?”
เจ้าสำนักสงชะงัก แล้วถึงพบว่าตนเองถูกคนจำนวนมากล้อมอยู่ตรงกลาง
เขาเอ่ยอย่างภูมิใจ “ไม่ขายๆ”
เตาหลอมเปิดออกทีละใบๆ บัดนี้เหลือเพียงสามใบสุดท้ายเท่านั้น
ทุกคนจึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับเตาหลอมสามใบนี้ ภาวนาให้ได้ยาดีอีกสักสองสามเม็ด
ไม่…ไม่ใช่เตาหลอมสามใบ…
เตาหลอมของกู้ชูหน่วนโดยรวมเมินไปได้เลย นั่นไม่ได้ยาดีอะไรอยู่แล้ว
สำคัญยังอยู่ที่เตาหลอมด้านหน้าสองใบ
เหล่าคนรับใช้ค่อยๆ เปิดเตาหลอมออก กลิ่นอายฉุนถาโถมปะทะจมูก ร่างกายทุกคนสะดุ้งนิดๆ อย่างอดไม่อยู่
กลิ่นหอมฉุนมาก เตาหลอมนี้ต้องมียาที่ขึ้นรูปแน่กระมัง?
ทุกคนตื่นเต้นตามการเปิดกล่องของคนรับใช้ โดยเฉพาะเจ้าสำนักที่ประมูลเตาหลอมนี้
เปิดกล่องออก ที่ประทับอยู่ตรงหน้าทุกคน กลับเป็นยาเสริมพยัคฆ์ระดับสองขั้นสูง
ยา…ยาเสริมพยัคฆ์…
ระดับสองขั้นสูง…
สวรรค์ ถึงจะเป็นผู้อาวุโส ก็ยากจะหลอมได้ยาระดับสองขั้นสูงกระมัง?
ยาเสริมพยัคฆ์นี้สามารถเพิ่มตบะของผู้ที่พลังยุทธ์แข็งแกร่งได้ในเวลาอันสั้นที่สุด โดยรวมขาดตลาดแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นที่นี่
สายตาของทุกคนปรากฏความโลภ
บรรดานักหลอมยาและผู้อาวุโสของหุบเขาตันหุยต่างใช้แววตาชื่นชมและตกตะลึงมองจางอวี่ ผู้หลอมยาเสริมพยัคฆ์
ดวงหน้าจางอวี่มีรอยยิ้มเต็มประดา เบิกบานใจชื่นชมสีหน้าชมเชยของทุกคน
เฉินเชาที่อยู่ข้างเขากล่าวอย่างอิจฉา “ศิษย์พี่ ท่านเก่งจริง แม้แต่ยาเสริมพยัคฆ์ระดับสองขั้นสูงก็ทำออกมาได้”
เฉินเชาลูบคลำเตาหลอมของตัวเองใบนั้นอย่างหดหู่ ตื่นเต้นอย่างยิ่ง
เขาหวังว่าเตาหลอมของตัวเองใบนั้นจะขึ้นเป็นรูปได้ แต่เขาไม่มีความมั่นใจ
กู้ชูหน่วนเห็นดังนั้น “เปิดฝาด้านบนออก แล้วเติมผักคาวทองลงไปนิดหน่อย”
“หา…” เฉินเชาตะลึงครู่หนึ่ง ชี้ตัวเอง
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่เขา “ไม่พูดกับเจ้า หรือพูดกับผี? อยากให้ยาในเตาหลอมขึ้นรูปก็เชื่อข้า”
เนื่องจากห่างไม่ไกล จางอวี่จึงได้ยินการสนทนาของพวกเขาด้วย
เขาเอ่ยอย่างดูถูก “ศิษย์น้อง ฟังนางพูดเพ้อเจ้อให้น้อยหน่อย เปิดฝากลางคันไม่ได้ มิเช่นนั้นยาข้างในจะละลายไปหมด แถมผักคาวทองก็เป็นสมุนไพรธรรมดาเท่านั้น จะทำอะไรได้”
“เออ…”
เฉินเชามองกู้ชูหน่วนอย่างสับสน
ถึงเขาจะเชื่อกู้ชูหน่วน แต่เจ้าหุบกับศิษย์พี่ทั้งหลายก็บอก ว่ายาที่หลอมอยู่จะเปิดเตาหลอมไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเสียไปหมด
ตอนนี้มีสำนักต่างๆ มากมายอยู่ที่นี่ เขาจะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ต้องสำเร็จเท่านั้น
หลังจากเฉินเชาต่อสู้ในใจยกหนึ่งแล้ว ก็ยังเลือกเชื่อจางอวี่
กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ด้านข้าง ไขว่ห้างกระดกเท้า
มีใจชี้แนะเขา เขาไม่เชื่อ ช่างเถอะ ตามใจเขา แต่ก็น่าเสียดาย เขามีพรสวรรค์ในการหลอมยามาก จัดตัวยาก็ละเอียด เสียแต่ใช้ผิดวิธี ดังนั้นในเตาหลอมใบนั้นของเขาจึงไม่มียาสักเม็ดที่ขึ้นรูป
ยาเสริมพยัคฆ์ที่จางอวี่ทำขึ้นเม็ดนั้นแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งทั้งงาน ให้ราคาสูงไม่หยุด ทีแรกเจ้าสำนักผู้นั้นไม่คิดขาย แต่จนใจที่ขาดเงิน จึงได้แต่กัดฟันขายไปเสีย ได้กำไรก้อนใหญ่
เรื่องยาเสริมพยัคฆ์เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างหวังกับเตาหลอมใบสุดท้ายใบนั้นของเฉินเชา
ทุกคนมองคนที่เปิดเตาหลอมด้วยความคาดหวังเต็มประดา ครั้นหยิบกล่องแล้วเปิดออก
ทว่า…
ข้างในว่างเปล่า
เฉินเชาตึงเครียด ใบหน้าซีดขาวทันที
เขากุมมือแน่น ภาวนาให้อีกกล่องจะมียาที่ขึ้นรูป
ทุกคนต่างกล่าว “มีชี่ทิพย์ของยา เตาหลอมใบนี้ต้องมียาที่ขึ้นรูปแน่”
“ข้ากล้าพนัน ยาที่ขึ้นรูปต้องไม่ใช่แค่เม็ดเดียวแน่ แถมไม่ใช่ระดับต่ำเด็ดขาด”
“ข้าก็รู้สึกว่าต้องได้ยา”
ตามการเปิดออกกล่องแล้วกล่องเล่า ด้านในกล่องถ้าไม่ว่างเปล่าก็เป็นก้อนดำ แม้แต่ยาสักเม็ดก็ไม่มี
จิตใจของเฉินเชาแตกเป็นเสี่ยงๆ ทรมานถึงที่สุด
ทุกคนต่างแยกย้ายด้วยความผิดหวัง
“เฮอะ ยังนึกว่าเป็นยาดีอะไร สุดท้ายไม่มีแม้แต่ลมผาย!”
“ก็นั่นนะสิ ยังทำข้าตื่นเต้นอยู่ตั้งนาน”
“ไปเถอะๆ งานชื่นชมยาชั้นเลิศรอบแรกจบแล้ว ไปหวังเอารอบที่สองก็แล้วกัน”
ทุกคนต่างพากันแยกย้าย กลับเข้าที่นั่งของตัวเอง
ฮัวฉีหลัวร้อนรน “พวกเจ้าไปทำไม เตาหลอมใบนั้นของพี่กู้ข้ายังไม่ได้เปิดเลย”
“ช่างเถอะ เตาหลอมใบนั้นชี่ทิพย์ฉุนขนาดนั้นยังไม่ได้ยาสักเม็ด นางจะหลอมยาอะไรได้”
“พี่กู้ ข้าขอเปิดเตาหลอมเอง เรามาทำให้ตาสุนัขพวกเขาบอดด้วยกันเถอะ ดูสิว่าพวกเขายังกล้าใช้ตาสุนัขดูถูกคนหรือไม่!”