อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 533 มาถึงเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างคาดไม่ถึง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 533 มาถึงเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างคาดไม่ถึง
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนตกลงไปอย่างแรง เจ็บจนนางคิดว่ากระดูกทั้งร่างคงจะแตกหักหมดแล้ว
พอลืมตาขึ้นมอง ที่นี่เป็นถ้ำ ข้างกายนาง นอกจากเย่จิ่งหานที่บาดเจ็บสาหัส คนอื่นๆไม่รู้ว่าถูกดูดไปที่ไหน
เย่จิ่งหานนั้นสลบอยู่ กู้ชูหน่วนประคองเขาขึ้นมา จับชีพจรของเขา เพิ่งจะพบว่าอาการบาดเจ็บของเย่จิ่งหานสาหัสกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก
อาการบาดเจ็บภายในสาหัสมาก อวัยวะภายในแทบจะเคลื่อนที่ไปหมด ยังมีกระดูกอีกหลายซี่ที่หักไปแล้ว
แม้แต่อาการบาดเจ็บเก่าๆที่ยากจะควบคุมเอาไว้ได้ ก็เริ่มส่อแววจะปะทุขึ้นอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนรีบทำการฝังเข็มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เย่จิ่งหานจึงลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“ที่นี่คือที่ไหน”เย่จิ่งหานกุมบริเวณหน้าอกเอาไว้อย่างเจ็บปวด ตรงนั้นเป็นจุดที่ถูกอสูรเขาเดียวทำร้าย ปวดแสบปวดร้อน
“โลกคนเป็น เพิ่งจะดึงท่านกลับมาจากท่านยมบาล เย่จิ่งหาน ข้าเสียแรงไปมาก จึงจะปกป้องชีวิตของท่านไว้ได้ หากท่านยังรีบร้อนจะไปพบท่านยมบาลอีก ข้าจะไม่ดึงท่านกลับมาอีกแล้ว”
“กุญแจดอกนั้น เหมือนกับที่เจ้าเอากลับมาจากแดนต้องห้ามของหุบเขาตันหุยเลย”
กู้ชูหน่วนมองตามสายตาของเขาไป ก็พบว่าข้างหน้าที่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีแท่นหินวางอยู่ บนแท่นหินมีกุญแจรูปดาวหนึ่งดอก ซึ่งเป็นกุญแจรูปดาวดอกที่สามที่นางกำลังตามหาอย่างยากลำบากนั่นเอง
กู้ชูหน่วนยากที่จะควบคุมความตื่นเต้นในใจ ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าไป วิเคราะห์กุญแจรูปดาวดอกนั้นอย่างละเอียดทีละจุด
กุญแจรูปดาวดอกที่สามอยู่ที่ยอดเขากุยหยุนของเผ่าเทียนเฟิ่นไม่ใช่หรือ ทำไมจึงอยู่ที่นี่
หรือว่าพวกเขาจะอยู่ที่ยอดเขากุยหยุน
หุบเขาตันหุยอยู่ห่างไกลจากเผ่าเทียนเฟิ่นมาก แต่แค่ชั่วพริบตาเดียว พวกเขาจะจากหุบตันหุยมาถึงยอดเขากุยหยุนได้อย่างไร
แต่ว่าลวดลายบนกุญแจดอกนี้ เหมือนกับอีกสองดอกที่อยู่กับนางเลย ไม่เหมือนของปลอม
แล้วมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีอันตรายใดๆ และไม่มีค่ายกลใดๆด้วย
เย่จิ่งหานฝืนลุกขึ้นยืน วรยุทธของเขาค่อยๆเริ่มฟื้นฟูแล้ว ใช้พลังภายในของตนเองช่วยรักษาตนเอง
พลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีค่ายกล”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า ยื่นมือไปหยิบเอากุญแจรูปดาวดอกที่สามออกมา
นางจ้องมองกุญแจรูปดาวดอกที่สามด้วยอาการนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ากุญแจรูปดาวดอกที่สามจะได้มาอย่างง่ายดายขนาดนี้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีเย่จิ่งหานอยู่ตรงนี้ด้วย กู้ชูหน่วนอยากจะวางกุญแจทั้งสามดอกนี้เข้าไปในเข็มทิศเปิดฟ้าทันที จะได้ตรวจสอบว่ามุกมังกรเม็ดที่หกอยู่ที่ใด
ทันใดนั้น เย่จิ่งหานก็เอ่ยด้วยเสียงนิ่งขรึมว่า “เหมือนพวกเราจะมาในที่ที่ไม่ควรจะมา”
“กลัวอะไร พวกเราก็มักจะไปในที่ที่ไม่ควรไปอยู่เสมอไม่ใช่หรือ”
“ที่นี่คือเผ่าเทียนเฟิ่น”
เฮือก……
เมื่อพูดออกไป กู้ชูหน่วนเหมือนกับถูกทุบเข้าที่ศีรษะหนึ่งที
“เผ่าเทียนเฟิ่น”
อยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่นจริงหรือ
แล้วพวกเขามาที่เผ่าเทียนเฟิ่นอย่างประหลาดใจได้อย่างไร
“ก่อนหน้านี้พวกเราถูกดูดเข้าไปในน้ำวน ใจกลางน้ำวนน่าจะเป็นค่ายกลขนส่ง เป็นค่ายกลขนส่งจากหุบเขาตันหุยไปถึงเผ่าเทียนเฟิ่น”
เย่จิ่งหานจ้องมองภาพวาดเปลวไฟที่ร้อนแรงบนกำแพงเขม็ง ในใจมีคลื่นความคิดที่ถาโถมขึ้นมาอย่างไม่สิ้นสุด
มีความแค้น มีความตื่นตะลึง มีความสงสัย ทุกอารมณ์รวมอยู่ด้วยกัน
แต่ไหนแต่ไรหุบเขาตันหุยกับเผ่าเทียนเฟิ่นไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน ทำไมในจุดที่ลึกสุดของแดนต้องห้ามจึงมีค่ายกลขนส่ง
ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ ที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในแดนต้องห้ามของเผ่าเทียนเฟิ่นกระมัง
“ข้างนอกมีคนเข้ามาแล้ว”
กู้ชูหน่วนพลางพูด พลางดึงเขาไปยังจุดที่ลับสายตา
“ตุบตุบตุบ……”
เสียงฝีเท้าหลายเสียงค่อยๆใกล้เข้ามา พร้อมกับเสียงพูดคุยของพวกเขา
“ได้ยินหรือยัง หัวหน้าเผ่าน้อยของพวกเรา แล้วก็รองหัวหน้าเผ่าซือคงต่างก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก โดยเฉพาะหัวหน้าเผ่าน้อย บาดเจ็บจนเรียกได้ว่าสาหัสมาก ท่านหัวหน้าเผ่ากับผู้อาวุโสอีกหลายท่านทำการรักษาทั้งคืน จนถึงตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย”
“ไม่ใช่กระมัง หัวหน้าเผ่าน้อยกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงต่างก็มีวรยุทธสูงส่ง บนโลกนี้ยังมีใครสามารถต่อกรกับพวกเขาได้อีก”