อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 539 ไม่ลำบากให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 539 ไม่ลำบากให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วง
ผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำล่ำสันหลายคนเข้ามาล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ หนึ่งในนั้นหัวเราะเยาะพลางพูดว่า “ไม่เห็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้หญิงคนนี้มีวรยุทธแค่ระดับสอง ข้าจัดการกับนางเอง แค่นี้เหลือเฟือ”
ส่วนยอดฝีมือระดับสูงคนอื่นๆต่างก็จ้องมองไปที่เย่จิ่งหานอย่างระแวง ขอเพียงเย่จิ่งหานลงมือ พวกเขาก็จะเคลื่อนไหวทันที จับตัวเย่จิ่งหานให้ได้
กู้ชูหน่วนวิเคราะห์ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าและกำลังมองนางด้วยสายตาดูถูก
ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุสี่สิบต้นๆ มีใบหน้าบูดบึ้ง มีกล้ามเนื้อเต็มตัว คาดคะเนด้วยสายตาแล้วน่าจะอยู่ในระดับสาม
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะอาศัยตัวเจ้าเอง”
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร จะให้คนอื่นๆในพวกเราลงมือฆ่าเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า ราวกับกำลังถอนหายใจที่เขาไม่เจียมกำลังตนเองเสียเลย
แววตาหยิ่งยโสนี้ทำเอาชายกำยำล่ำสันคนนั้นโมโหขึ้นมาในชั่วพริบตา
เขาใช้ค้อนใหญ่ทุบลงไปอย่างรุนแรง ราวกับอยากจะยับยั้งกู้ชูหน่วนในค้อนเดียว และจับตัวนางไว้
ค้อนนี้ทรงพลังมาก ใบไม้ที่อยู่รอบๆต่างก็ร่วงหล่นเพราะพลังของมัน ราวกับพายุลมในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ให้ปลิวว่อน
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าชอบใจราวกับดูเรื่องตลก
แม้ว่าหวังเมิ่งจะมีพลังที่ไม่สูงมาก แต่ความทรงพลังของเขานั้นเป็นที่ขึ้นชื่อในเผ่าเทียนเฟิ่น
ยอดฝีมือระดับสี่ทั่วไป ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต้านรับการโจมตีสุดพลังของเขาได้ และค้อนนี้ของเขา เห็นได้ชัดว่าใช้แรงสุดกำลัง ไม่ปรานีเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ระดับสอง จะหลบได้อย่างไร
ทุกคนต่างก็รอดูกู้ชูหน่วนถูกทุบแบนเป็นขนมแป้งทอดไส้เนื้อ
มีเพียงเย่จิ่งหานเท่านั้น ที่เชื่อมั่นในตัวของกู้ชูหน่วน เพียงแต่สองมือของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำเอาไว้จนแน่น
แต่แล้ว
หลังจากถูกทุบด้วยค้อน คนที่ล้มลงกลับไม่ใช่กู้ชูหน่วน
แต่เป็นหวังเมิ่ง
ค้อนนั้นได้หลุดจากมือของเขาไปแล้ว กระแทกไปยังกำแพงหินอย่างรุนแรง กำแพงหินรับน้ำหนักไม่ไหว ล้มลงทันที
หวังเมิ่งก็ล้มลงไปที่พื้นเหมือนคนใกล้ตาย แม้แต่ยังมีชีวิตหรือตายก็ดูไม่ออก
แล้วมองไปที่กู้ชูหน่วนที่ยืนหลังตรง ยืนอยู่อย่างมั่นคง ยิ้มอย่างสดใส ท่าทีสง่างาม
นี่มัน……
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
“นางปีศาจ เจ้าใช้วิธีอะไร หรือว่ามีใครช่วงเจ้า”
“เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเจ้าประกาศตัวว่าเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่งมิใช่หรือ ข้าใช้วิธีการอะไร พวกเจ้าดูไม่ออกหรือ มีคนช่วยเหลือหรือไม่ พวกเจ้าก็ดูไม่ออกหรือ”
ทุกคนได้ยินสิ่งที่นางพูด ต่างก็รู้สึกอายไปตามๆกัน
ฉากเมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วมาก พวกเขาไม่ทันมองเห็นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
มีเพียงรองหัวหน้าเผ่าซือคงกับผู้อาวุโสทั้งหลายเท่านั้นที่เห็นชัดเจน ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
ผู้หญิงคนนี้แม้จะมีพลังแค่ระดับสอง แต่วิชาตัวเบาของนางดีมาก ใช้ความเร็วปานสายฟ้าแลบหลบค้อนที่หมายเอาชีวิตได้ อีกทั้งยังใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่ง ฉวยโอกาสขณะที่หวังเมิ่งหยิ่งผยอง ล้มเขาลงกับพื้น
ไม่พูดไม่ได้ว่า หญิงสาวคนนี้มีทั้งความกล้าและความรุนแรง
ขอเพียงความเร็วของนางช้าลงอีกหน่อย ก็คงต้องตายอย่างแน่นอน แต่นางก็ยังเดิมพัน เดิมพันกับความดูถูกศัตรูของหวังเมิ่ง
“ให้ข้าประลองกับเจ้าเอง”และก็เป็นผู้ชายกำยำล่ำสันอีกคนที่เดินออกมา ผู้ชายคนนี้ถือทวนวงเดือนกรีดนภา ขมับทั้งสองข้างนูนออกมา อย่างน้อยก็มีพลังอยู่ในระดับสาม
กู้ชูหน่วนพูดเสียงเรียบว่า “ทำไม พวกเจ้าคิดจะเวียนกันสู้หรือ”
“หึ จัดการเจ้า พวกเราต้องเวียนกันสู้ด้วยหรือ”
“ในเมื่อพวกเจ้ามั่นใจขนาดนั้น ไม่สู้พวกเรามาพนันกันสักตั้ง ตัดสินจากผลแพ้ชนะในสามครั้ง ถ้าหากข้าชนะ พวกเจ้าปล่อยพวกเราไป ถ้าข้าแพ้ พวกเจ้าจัดการพวกข้าได้ตามต้องการ เป็นอย่างไร”
“เจ้า แค่เจ้าคนเดียว”
ทุกคนต่างก็มองไปทางเย่จิ่งหาน
แม้ว่าเย่จิ่งหานจะได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงกลัวอยู่ดี
“ใช่ แค่ข้าคนเดียว”
“เด็กน้อย เจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดว่าคนในเผ่าเทียนเฟิ่นตายกันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ อาศัยเจ้าคนเดียวก็สามารถเอาชนะได้แล้วหรือ”
“นั่นมันเรื่องของข้า ไม่ลำบากพวกเจ้าให้เป็นห่วง”