อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 545 สู้ด้วยชีวิต
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 545 สู้ด้วยชีวิต
ดาบบุปผาเริงระบำ งดงามเหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์โปรยดอกไม้ลงมาครอบคลุมทั้งร่างของซ่งอวี่ พลานุภาพยิ่งใหญ่ แม้แต่ผู้คนที่ดูอยู่ข้างก็อกสั่นขวัญแขวน
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นล้วนหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ความสามารถเช่นนี้ ระดับสองก็สามารถทำออกมาได้จริงหรือ?
ดวงตาอันอบอุ่นของซ่งอวี่จริงจังทันที มือที่ถือดาบยกขึ้น รวบรวมกำลังภายในสะเทือนดาบบุปผาที่เริงระบำอย่างบ้าคลั่งให้ถอยไป
แล้วในขณะที่เขาเพ่งสมาธิสะเทือนดาบบุปผาออกไป กู้ชูหน่วนคนและดาบรวมเป็นหนึ่ง พุ่งไปทางช่วงล่างลำตัวของซ่งอวี่อย่างฉับพลันทันที รวดเร็วเป็นที่สุด
“ซืด……”
ผู้ชายที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยกุมช่วงล่างของตัวไว้โดยปริยาย ราวกับว่าดาบนั้นทิ่มแทงไปทางพวกเขาเช่นนั้น
ความเร็วของกู้ชูหน่วนเร็วเกินไป ตำแหน่งที่โจมตีก็เจ้าเล่ห์ขี้โกง หากว่าดาบนี้แทงลงไปจริง แม้ว่าจะไม่ตาย ทั้งชีวิตนี้ซ่งอวี่ก็เป็นผู้ชายไม่ได้แล้ว
ซ่งอวี่ภายใต้ความกระวนกระวาย เก็บกำลังภายในกลับคืน ปกป้องช่วงล่างของตัวเองไว้ ก็เพราะเหตุนี้ เขาจึงถูกดาบบุปผาทำร้าย เส้นผมและมุมเสื้อล้วนถูกเผาไหม้ไปส่วนหนึ่ง
เป็นหญิงสาวผู้หนึ่งในสนามประลอง คิดไม่ถึงว่าจะใช้อุบายสกปรกเช่นนี้ออกมาได้ ซ่งอวี่ไม่เคยได้ยินได้พบเห็นมาก่อน หน้าดำคร่ำเครียดลงไปมากในพริบตา
สิ่งที่ทำให้เขารำคาญใจยิ่งกว่าคือ กู้ชูหน่วนโจมตีส่วนล่างของเขาไม่สำเร็จ ก็กลับไปโจมตีที่ก้นของเขาอย่างคาดไม่ถึง
หากเขาตอบโต้กลับ เรื่องที่จะยอมอ่อนข้อให้เจ็ดกระบวนท่า เขาก็กลืนคำพูดแล้ว ทันทีที่กลืนคำพูด การประลองสนามนี้ เขาก็แพ้แล้ว
หากเขาไม่ต่อสู้กลับ กระบวนท่านี้ต่อไป เขาไม่มีมีอันตรายถึงชีวิต แต่ชื่อเสียงของเขาก็จบเห่แล้ว
ทุกคนล้วนรอว่าเขาจะตอบโต้อย่างไร
ซ่งอวี่ใช้ดาบค้ำยันพื้นไว้อย่างกะทันหัน ดึงขึ้นมาพุ่งขึ้นไป หลบไปอย่างหวุดหวิด
“ฉึบ……”
เส้นผมพลิ้วไหว
ลูกผมช่อหนึ่งของซ่งอวี่ถูกตัดขาดด้วยปราณดาบของกู้ชูหน่วน ปลิวอยู่ในอากาศ ก่อตัวเป็นทิวทัศน์อันงดงามอย่างหนึ่ง
เอ่อ……
นี้……
ซ่งอวี่แพ้แล้ว?
ผู้คนเผ่าเทียนเฟิ่นอดที่จะด่าทอไม่ได้ “กู้ชูหน่วน เจ้าขี้โกง”
“หน้าไม่อายเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้”
“ก็ใช่น่ะสิ หน้าตาของลูกผู้หญิงถูกนางทำให้อับอายหมดแล้ว”
“นางก็ไม่ได้อับอาย ตีตรงไหนไม่ได้ จะต้องตีตรงนั้นของคนอื่นให้ได้”
“การประลองสนามนี้ไม่นับ รองหัวหน้าเผ่า สุดยอดผู้อาวุโส พวกเราขอให้ประลองใหม่อีกครั้ง”
จอมมารค่อยๆลูบผมสีดำขลับของตัวเองอย่างช้าๆ มุมปากพูดรางๆว่า “แพ้ก็แพ้แล้ว หรือแม้แต่ผู้หญิงคนเดียวเผ่าเทียนเฟิ่นก็แพ้ไม่……”
ยังพูดไม่ทันจบ จอมมารก็หยุดแล้ว
เพราะในมือของซ่งอวี่กำอะไรไว้อยู่แน่น
ไม่ช้า เขาก็คลายมือ ในนั้นกลับเป็นผ้าผูกผมสีขาวของกู้ชูหน่วนรวมทั้งเส้นผมสลวยช่อหนึ่งที่เล็กมากๆ
สถานการณ์ชะงักในพริบตา
กู้ชูหน่วนเผาแขนเสื้อของเขา เผาเส้นผมของเขา และตัดเส้นผมอันสวยงามของเขา
แต่ซ่งอวี่ก็ได้ผ้าผูกผมและเส้นผมของนางมาด้วยเช่นกัน
เช่นนี้เดิมทีก็เสมอกัน ผู้ใดก็ไม่ได้เอาเปรียบผู้ใดนี่นา
อีกทั้งเจ็ดกระบวนท่าก็ผ่านไปแล้ว
ซ่งอวี่สามารถตอบโต้กู้ชูหน่วนได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ถูกกระทำเช่นนั้นแล้ว
สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อกู้ชูหน่วนเป็นอย่างยิ่ง
คนเผ่าเทียนเฟิ่นล้วนพากันโห่ร้องเสียงดัง มีเพียงสีชิ่นและคนอื่นๆที่นิ่งเงียบ
ซ่งอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มอันสุภาพอ่อนโยน “แม่นาง ล่วงเกินแล้ว”
กู้ชูหน่วนยกมุมปากขึ้นขยับริมฝีปากสีแดงเบาๆ “หากว่าท่านไม่อยากล่วงเกินข้า ไม่เช่นนั้นก็เห็นแก่หน้าข้า แพ้ข้าให้ตรงๆก็ได้แล้ว”
ซ่งอวี่ตะลึง
เขาเพียงแค่พูดด้วยมารยาทเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่านางจะหน้าด้านขนาดนี้ จะให้เขายอมแพ้ต่อหน้าทุกคนจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจภาพพจน์ของตัวเองแม้แต่น้อยเลยหรือ?
ลูกศิษย์ส่วนหนึ่งของเผ่าเทียนเฟิ่นยิ่งมองดูกู้ชูหน่วน ก็ยิ่งไม่พอใจ
“นี่เป็นผู้หญิงอะไร ทำไมหน้าไม่อายขนาดนี้ คำพูดเช่นนี้ก็พูดออกมาได้ ชั่งไม่มีการศึกษาเกินไปแล้วนะ”
“เพี๊ยะ……”
ศิษย์คนนั้นเพิ่งจะพูดจบ มุมปากก็โดนตบไปฉาดหนึ่งอย่างรุนแรง กระทั่งยังมีฟันสองซี่และเลือดไหลลงมา เจ็บจนเขาร้องโอ๊ยๆอย่างน่าเวทนา
ทุกคนเพ่งมองไปทางเย่จิ่งหานด้วยความไม่พอใจ แรงสังหารปรากฏขึ้น
“เย่จิ่งหาน ท่านกล้าเมินเฉยต่อการประลองสนามนี้?”
เย่จิ่งหานหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง ท่าทีเต็มไปด้วยความดูหมิ่นดูแคลน “ข้าก้าวก่ายการประลองของพวกเขาแล้วงั้นหรือ?”
“นี่……”
“คนบางคนปากเหม็นเกินไป ข้าไม่ถือสาที่จะช่วยเขาล้างทำความสะอาด”
พูดจบ เขากล่าวเตือนทุกคนอย่างเย็นชา “พระชายาของข้าจะมีการศึกษาหรือไม่ ก็ถึงไม่คราวให้พวกเจ้าพูดสอดขึ้นมา หากยังมีคนกล้าด่าว่าพระชายาของข้าอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่าหรือรองหัวหน้าเผ่า ข้าก็จะตีโดยไม่ให้พลาดเด็ดขาด”
ยโส
ยโสเกินไปแล้ว
นี่เป็นถึงเผ่าเทียนเฟิ่น เขาตัวคนเดียว ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้าบ้าอำนาจเพียงนี้
เขาไปเอาความสามารถมาจากไหน?
คนเผ่าเทียนเฟิ่นปรากฏความคิดที่จะฆ่าขึ้นโดนสมบูรณ์
ไป๋จิ่นกล่าวอย่างช้าๆสบายๆ “หากเขาไม่ได้เอ่ยปากออกมาพล่อยๆ เทพสงครามก็คงไม่เดือดดาลขนาดนี้ ดูเหมือนเดิม ไม่ว่าใครก็อย่าก้าวก่ายการประลองของพวกเขา และอย่าพูดว่ากล่าวร้ายส่งเดชอีกจะดีซะกว่า”
ไม่รอให้บรรดาผู้คนพูด
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสดใส พูดพลางสังหารเข้าไปพลาง “พี่ใหญ่ซ่ง การประลองยังไม่จบเลยนะ ท่านจะเผลอไม่ได้เชียว”
“ปังปังปัง……”
“ตูม…..”
ในสนามประลองเสียงของการต่อสู้ปะทะกันของนักสู้เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ละกระบวนท่าของกู้ชูหน่วนบีบคั้นเข้าไป แต่ละดาบโหดเหี้ยม
แต่ก็สัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งชายเสื้อของซ่งอวี่ ทุกครั้งซ่งอวี่ก็สามารถหลบเลี่ยงไปได้อย่างง่ายดาย
นี่คือความแตกต่างระหว่างขั้นสูงสุดระดับสี่และระดับสอง
ไม่ว่าระดับสองจะพยายามเพียงใด ก็ไม่สามารถแตะต้องขั้นสูงสุดระดับสี่ได้แม้สักนิด
พริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบร้อยกระบวนท่าแล้ว แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่มากไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงจุดสำคัญ ทั้งสองก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
รองหัวหน้าเผ่าซือคงยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่
“ซ่งอวี่ ข้าสั่งให้เจ้ารีบสู้รีบชนะ โจมตีให้นางแพ้เดี๋ยวนี้”
“ขอรับ…..”
ไม่ใช่ว่าซ่งอวี่ไม่อยากโจมตีให้นางพ่ายแพ้ แต่เพราะทุกกระบวนท่าของกู้ชูหน่วนแล้วทุ่มเทต่อสู้ด้วยชีวิต หากว่าเขาตอบโต้จริงๆ กู้ชูหน่วนไม่ตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุฉะนี้จะมากจะน้อยเขาก็ลงมือด้วยความปรานีเล็กน้อย
การปรานีของเขาไม่เพียงไม่สามารถทำให้กู้ชูหน่วนรู้ถึงความยากลำบากแล้วถอยไป กลับยังบีบคั้นเข้ามาทุกๆครั้ง
ก่อนหน้าการประลอง คำพูดของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสทุกท่านยังคงชัดเจน ซ่งอวี่ไม่กล้าขัดขืน
ทำได้เพียงกล่าวว่า “แม่นาง ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ยอมแพ้เถอะ จะได้ไม่ต้องเสียชีวิตอย่างไรความหมาย”
“ยอมแพ้? เหอะ ในพจนานุกรมของข้ากู้ชูหน่วน ไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้สองคำนี้”
“ปังปังปัง……”
เป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง ซ่งอวี่ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงตอบโต้กลับ
กระบี่และฝักชนกัน กำลังภายในอันแข็งแกร่ง สะเทือนกู้ชูหน่วนจนเลือดลมพุ่งขึ้นมา เลือดทะลักออกมาตรงมุมปาก
แม่งอ๊ย……
ขั้นสูงสุดระดับสี่ก็คือขั้นสูงสุดระดับสี่ ความสามารถแข็งแกร่งกว่านางเกินไป
“ตูม…..”
กระบวนท่าแรกไม่สำเร็จ กู้ชูหน่วนก็มาอีกกระบวนท่าหนึ่ง ซ้ำไปซ้ำมา
ในที่สุด……
นางปังเสียงหนึ่ง ถูกสะเทือนไปไกลมาก เจ็บปวดจนนางขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าน้อยๆเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน
จิตใจของจอมมารพะวงขึ้นมาทันที ลุกขึ้นทันใด ยกมือขึ้นก็คิดจะสังหารซ่งอวี่แล้ว
เย่จิ่งหานเคลื่อนฝีเท้าในพริบตา ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าของเขา กล่าวอย่างเย็นชา “นางคงไม่หวังให้เจ้ามาก้าวก่ายการประลองสนามนี้”
“เย่จิ่งหาน เจ้าไม่กล้าลงมือก็ไสหัวไปข้างๆ”
สีหน้าของเย่จิ่งหานดูไม่ได้
ความคิดที่เลวร้ายที่สุดก็คือตาย เขามีอะไรไม่กล้า เพียงแค่จากนิสัยของกู้ชูหน่วน หากวันนี้เขาลงมือก้าวก่าย กลัวว่านางคงจะเกลียดเขาไปจนตายเท่านั้น
กู้ชูหน่วนพ่นน้ำลายทีหนึ่ง พ่นเลือดสดที่อยู่ในปากทิ้ง คลานลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก กล่าวเบาๆ “เจ้าลูกหมา นี่เป็นการประลองระหว่างข้ากับเขา ไม่อนุญาตให้เจ้าแทรกแซง”