อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 55 เจ้าเห็นว่าข้าตายไปแล้วหรือ
แต่คำพูดเหล่านี้ พวกนางจะกล้าพูดกับกู้เฉิงเซี่ยงได้อย่างไร อนุภรรยาห้าพูดสะอึกสะอื้น “นายท่าน ข้าเองก็มารู้ในภายหลัง ที่แท้ท่านพ่อยังเก็บเงินห้าแสนตำลึงไว้ให้พวกเรา นายท่านเฉียบแหลม ให้พวกเราอาจหาญเพียงไร พวกเราก็ไม่กล้าหลอกลวงนายท่าน ตอนที่ข้ารู้ว่าท่านพ่อยังทิ้งเงินไว้ห้าแสนตำลึง ข้าก็อยากจะส่งมอบให้นายท่าน แต่ไม่รู้คุณหนูสามรู้ตอนไหนว่าในมือหลันเอ๋อร์มีเงินห้าแสนตำลึง จึงตกหลุมพรางหมดสิ้น”
“ท่านพ่อ ลูกรู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านยกโทษให้ลูกนะเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มเย็น “พูดได้น่าฟังจริงๆ ภายหลังถึงได้รู้? ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เกรงว่าคงไม่มีภายหลังไปตลอดกาลกระมัง? ท่านจางตายไปนานหลายปีแล้ว หรือเขาโดดขึ้นมาจากใต้ดินเอาเงินให้พวกเจ้าอีกห้าแสนตำลึง”
ได้ยินเช่นนี้ กู้ชูหลันก็รีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่เช่นนั้น คือ…”
“เพี้ยะ…”
กู้เฉิงเซี่ยงสะบัดฝ่ามือใส่กู้ชูหลันหนึ่งฉาดอย่างแรง กำลังแรงนั่น ตบจนกู้ชูหลันฟันหลุดไปซี่หนึ่ง
ต่อจากฝ่ามือนั้นของกู้เฉิงเซี่ยง ยังมีคำด่าทอใส่หน้าเต็มๆของเขาอีก
“พอได้แล้ว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงแผนชั่วที่พวกเจ้าสองคนแม่ลูกกระทำในหลายปีมานี้ เรื่องบางเรื่อง ข้าสามารถหลับตาข้างหนึ่งได้ แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับกล้ามาเล่นบนหัวข้า พวกเจ้าเห็นข้าเป็นตัวโง่งมหรืออย่างไร?”
กู้ชูหลันตกใจจนสั่นเทาไปทั้งตัว กุมปากเอาไว้แน่น
อนุภรรยาห้าก็ตกใจเข้าแล้ว
นางไม่เคยเห็นกู้เฉิงเซี่ยงมีโทสะถึงเพียงนี้มาก่อน
ท่ามกลางความเลือนราง นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก
กู้เฉิงเซี่ยงยิ่งด่าทอยิ่งกราดเกรี้ยวดังคาด “ข้าเตือนกี่ครั้งแล้ว สูญเสียความบริสุทธิ์ก็อย่าก่อเรื่อง เจ้าก็ไม่ฟัง จะต้องเดินอวดเบ่งไปทั่ว ตอนนี้คนทั่วหล้าล้วนรู้เรื่องน่าอายที่คุณหนูห้าจวนเฉิงเซี่ยงกระทำกับอันธพาลท้องถิ่นหลายคนแล้ว แม้แต่ฝ่าบาทยังตกพระทัย ใบหน้าแก่ๆของข้า นับว่าถูกพวกเจ้าทำเสียหน้าหมดสิ้นแล้ว”
อนุภรรยาห้าพูดเสียงสั่น “นายท่าน หลันเอ๋อร์ถูกคนวางแผนให้ร้ายนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่สนว่านางจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ ข้ารู้เพียงหน้าตาของจวนเฉิงเซี่ยงถูกเจ้าทำลายย่อยยับแล้ว หากไม่ใช่เพราะนาง อวิ๋นเอ๋อร์จะถูกยกเลิกสิทธิ์ในงานชุมนุมแข่งขันบทประพันธ์รอบชิงชนะเลิศได้อย่างไร? มีบุตรสาวไร้ยางอายเช่นนี้ เป็นจุดด่างพร้อยชั่วชีวิตของจวนเฉิงเซี่ยง”
อนุภรรยาห้ากับกู้ชูหลันแหงนหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“นายท่าน (ท่านพ่อ) คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
หรือว่า…เขาคิดจะสังหารหลันเอ๋อร์?
พยัคฆ์ยังไม่กินลูกตนเอง เขาน่าจะไม่ถึงกับกระทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้กระมัง?
อนุภรรยาห้ารีบคลานมาหน้ากู้เฉิงเซี่ยง ดึงรั้งแขนเสื้อของเขา ร้องไห้พลางวิงวอนขอร้อง หยาดน้ำตาในดวงตาราวกับสายน้ำในเขื่อนทำนบ จนคนอดที่จะชำเลืองมองไม่ได้
“นายท่าน หลันเอ๋อร์เสียความบริสุทธิ์เรื่องนี้ จะต้องมีคนคิดกระตุ้นปลุกปั่นเป็นแน่ นายท่านโปรดอภัยให้หลันเอ๋อร์สักครั้งเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะสั่งสอนนางให้ดีอย่างแน่นอน ไม่ให้นางทำเรื่องขัดต่อศีลธรรมอันดีงามอีกเป็นอันขาด”
บนหลังคา อี้เฉินเฟยยิ้มเบาบาง เป็นความสง่างามแห่งยุคโดยแท้ “เจ้ามาทวงเงิน หรือมาชมความครึกครื้นกันแน่?”
กู้ชูหน่วนคาบหญ้าหางสุนัข ยิ้มพลางพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “สิ่งนี้น่ะหรือ ความลับสวรรค์มิอาจแพร่งพราย”
เซียวหยู่เซวียนแบะปาก “ก็แค่อนุชื่อเสียงเหม็นโฉ่ผู้หนึ่ง หากเจ้าเห็นนางขัดตา ข้ามีหนทางจัดการนาง เหตุใดพวกเราต้องมาเสียเวลากับนางด้วย? ข้าว่า พวกเรารับเงินแล้วก็ไปดีกว่า”
กู้ชูหน่วนนั่งไขว้ขา ดูคล้ายมีแผนอยู่ในใจ “เกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร?” หรือคิดว่าเขาจัดการอนุผู้หนึ่งไม่ได้?
อี้เฉินเฟยอธิบายอย่างใจดี “กู้เฉิงเซี่ยงรักหน้าตาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้าอนุภรรยาห้ากับคุณหนูห้าคงทำเรื่องนอกกรอบไปมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลต่อผลประโยชน์ของเขา ครั้งนี้ไม่ว่าจะเงิน หรือเรื่องถูกทำลายความบริสุทธิ์ ล้วนทำให้กู้เฉิงเซี่ยงเสียหน้าทั้งสิ้น กู้เฉิงเซี่ยงไม่มีทางเก็บพวกนางไว้ข้างกายต่อไปแน่”
“หา? หรือเขาคิดจะฆ่าสตรีกับบุตรสาวของตนเอง?”
“ที่อนุภรรยาห้าได้รับความรักใคร่เอ็นดู ก็เป็นเพราะนางมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่เสียชีวิตไปแล้วของกู้เฉิงเซี่ยง ดังนั้นกู้เฉิงเซี่ยงถึงได้อดทนกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถึงจะหน้าตาคล้ายคลึง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนเดียวกัน เมื่อกู้เฉิงเซี่ยงตระหนักได้ อนุภรรยาห้าก็สูญสิ้นความโปรดปรานโดยสิ้นเชิง ไม่มีประโยชน์แล้ว ตอนนี้กู้เฉิงเซี่ยงอาจจะได้สติกลับมาแล้วก็ได้”
เซียวหยู่เซวียนกลืนน้ำลาย “เช่นนั้น…กู้เฉิงเซี่ยงคิดจะฆ่าพวกนางจริงๆหรือ?”
“จากที่ข้าดู กู้เฉิงเซี่ยงคงไม่สังหารพวกนาง หากว่าสังหารพวกนาง เขาก็จะได้รับชื่อเสียงไม่ดีว่าเป็นคนสังหารสตรี”
เซียวหยู่เซวียนกลอกตาใส่เขา แล้วบ่นพึมพำ “พูดอยู่ครึ่งค่อนวัน เหมือนกับไม่ได้พูด”
“แม้จะไม่อาจสังหารพวกนาง แต่…บางทีอาจจะส่งพวกนางไปที่ห่างไกล แล้วกักขังไว้จนตาย”
“พูดราวกับว่าเจ้าเป็นเหมือนกับกู้เฉิงเซี่ยง”
อี้เฉินเฟยยิ้มบางไม่พูดอะไร
กู้ชูหน่วนชำเลืองมองอี้เฉินเฟย
ข้างกายมีชายหนุ่มฉลาดทั้งยังหล่อเหลาติดตาม ดูเหมือนว่า…ไม่เลวทีเดียว
“ใครอยู่บนหลังคา?”
ไม่รู้ผู้ใดตะโกนประโยคนี้ออกมา คนรับใช้จวนเฉิงเซี่ยงพากันมาล้อมพวกเขาไว้
เซียวหยู่เซวียนสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ซวยแล้ว ต้องหลบหนีไหม?”
กู้ชูหน่วนดูถูก
มาที่นี่เพื่อทวงเงิน หนีไปแล้วจะทวงเงินอะไรได้?
ทิ้งหญ้าหางสุนัขที่คาบไว้ในปาก กู้ชูหน่วนจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นยืน ก้มมองทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยงจากที่สูง
“กู้ชูหน่วน เจ้ามาทำอะไร?” กู้ชูหลันสีหน้าเปลี่ยนไป
แม้นางจะจนตรอกยิ่งนัก แต่นางก็ไม่อยากถูกกู้ชูหน่วนเห็นเข้า
สีหน้าของทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยงล้วนไม่น่ามอง โดยเฉพาะกู้เฉิงเซี่ยง
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะได้ลำดับที่หนึ่ง แต่นางตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนเฉิงเซี่ยง อีกทั้งกู้ชูหน่วนยังเป็นบุตรสาวที่เขารังเกียจที่สุด
“เจ้าคงไม่ได้ลืมแล้วหรอกนะ เจ้ายังค้างเงินข้าอยู่ห้าแสนตำลึง ข้ามาที่นี่ ย่อมมาทวงเงิน”
กู้ชูหน่วนพูด แล้วโดดลงมาจากหลังคาอย่างผ่าเผย ท่วงท่าสง่างามนั่นคล่องแคล่วลื่นไหลดุจสายน้ำ ต่อเนื่องรวดเร็ว ทะยานกายครั้งหนึ่ง ก็ลงมาสู่พื้นได้อย่างฉับไว
หลังคาสูงหลายหมี่ แม้แต่ชายแข็งแรงกำยำก็ไม่แน่ว่าจะโดดลงมาได้
แต่นางกลับโดดได้อย่างสบาย
นางมีฝีมือเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
อนุภรรยาห้าแทบจะขอร้องอ้อนวอน “คุณหนูสาม แต่ก่อนเป็นพวกเราที่ผิด พวกเราไม่ควรรังแกท่าน ท่านจิตใจงดงาม ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับน้องสาวของท่านได้หรือไม่”
“อนุภรรยาห้า เกรงว่าเจ้าจะพูดผิดไปแล้ว ข้ากู้ชูหน่วนตัวคนเดียวลำพัง ไร้บิดามารดา ยิ่งไม่มีพี่ชายน้องสาว น้องสาวจากที่ใดกัน? ข้าน่ะ ไม่อยากจะพูดวาจาไร้สาระมากมาย เอาเงินห้าแสนตำลึงให้ข้า ข้าก็จะไปทันที ส่วนเรื่องในบ้านเจ้า พวกเจ้าก็จัดการกันเอง”
“คุณหนูสาม ข้าผิดไปแล้ว ขอขออภัยท่าน ข้าคุกเข่าให้ท่านดีหรือไม่ ในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ท่านชนะได้เงินมากเพียงนั้น คงไม่สนเงินห้าแสนตำลึงนี้ แต่เงินห้าแสนตำลึงนี้กลับสำคัญกับพวกเรายิ่งนัก ท่าน…”
“ฟังดูความหมายของอนุภรรยาห้า พวกเจ้าคิดจะเบี้ยวหนี้รึ?” กู้ชูหน่วนเอ่ยขัดอย่างเย็นชา
อนุภรรยาห้าร้อนใจจนหัวหมุน
ถ้าหากกู้ชูหน่วนยอมปล่อยเงินห้าแสนตำลึงนั่นไป บางทีนายท่านอาจจะไว้ชีวิตพวกนางสักครั้ง มิฉะนั้นชีวิตนี้ของหลันเอ๋อร์ก็จบสิ้นแล้ว
นางยังคิดว่าจะใช้วิธีใดทำให้กู้ชูหน่วนล้มเลิก
ทันใดนั้นกู้เฉิงเซี่ยงก็ตวาดดัง “ไร้บิดามารดา? เจ้าเห็นว่าข้าตายไปแล้วหรือ?”