อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 562 ใครเจ้าเล่ห์กว่ากันแน่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 562 ใครเจ้าเล่ห์กว่ากันแน่
“รู้โดยประมาณแล้ว”
“อะไรเรียกว่ารู้โดนประมาณ เรื่องสำคัญยิ่งใหญ่ หากว่าล้มเหลวแล้ว พวกเราทั้งสองอาจจะต้องตายอยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่นนะ”
“น่าขัน ข้าเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ แค่แผนที่แค่นี้ ข้าจะจำไม่ได้หรือ? ไม่ใช่แค่เดินเส้นทางเล็กๆหรือไง ข้ารู้แล้ว”
คำพูดนี้พูดซะจน ทำไมนางถึงได้เป็นกังวลเช่นนี้นะ?
นางหาคนผิดไปแล้วใช่หรือไม่?
กู้ชูหน่วนพาจอมมารคลำทางไปด้านหน้าตลอดทาง หลังจากออกจากเส้นทางลับแล้ว ก็ตีลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นสลบไปสองคน เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของพวกเขา แล้วไปทางลานจิ้งหยุน
เผ่าเทียนเฟิ่นแสงไฟสว่างไสว เงาคนเป็นกลุ่มก้อน ดูเหมือนว่าจะหาอะไรบางอย่างอยู่
วันนี้เผ่าเทียนเฟิ่นเรียกได้ว่ามีเดินก้าวมีหนึ่งป้อมยาม สิบก้าวหนึ่งหน่วยรักษาการณ์ จากปากทางเส้นทางลับไปยังลานจิ้งหยุนมีการป้องกันแน่นหนา คิดจะผ่านด่านที่หนาแน่นนี้ไปยากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้มาก
“ในระยะร้อยเมตรข้างหน้า อย่างน้อยมีค่ายกลสามอัน หน่วยรักษาการณ์ลับสิบจุด ผู้อาวุโสแปดคน รวมทั้งลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นนับไม่ถ้วน ยังมีกับดักอยู่สามจุดกับมือธนูอีก” จอมมารกล่าวอย่างช้าๆ
กู้ชูหน่วนสูดหายใจด้วยความตะลึง “ในร้อยเมตรก็มีหลุมพรางมากขนาดนี้เชียว?”
ดูจากแผนที่ อย่างน้อยลานจิ้งหยุนก็ยังมีระยะทางอีกหลายพันเมตรเลยล่ะ นี่จะทำยังไง?
“เจ้ามีวิธีปะปนเข้าไปที่ลานจิ้งหยุนหรือไม่?”
“มีสิ แต่ว่าพาท่านไปด้วย คาดว่าคงผ่านไปไม่ได้”
“วิชาตัวเบาของข้าไม่แย่” กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างผ่าเผยจริงจัง
“ข้ารู้ว่าวิชาตัวเบาของท่านไม่แย่ แต่วิชาตัวเบาของท่านนับอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกผู้เฒ่าอมตะของเผ่าเทียนเฟิ่น เผ่าเทียนเฟิ่นนอกจากผู้อาวุโสหลายคน ก็ยังมีสุดยอดผู้อาวุโสอีกมากมาย พวกผู้เฒ่าอมตะเหล่านั้น แต่ละคนรับมือยากกว่าอีกคน ข้า……ข้าถูกพวกเขาตามเกาะกวนหลายครั้ง เกาะแกะรังควานไปทั้งตัว จนหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว”
“ดังนั้นวิธีของเจ้าคืออะไร?”
“ท่านเป็นเด็กดีอยู่ที่นี่รอข้า ข้าปะปนเข้าไปในลานจิ้งหยุนเองได้”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ ไปพาฮองเฮาฉู่มา น่าจะไม่ได้ปัญหาใหญ่อะไรหรอกนะ?”
จอมมารฝ่ามือสั่น สีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เพียงแค่เขาต้องการไปที่ลานจิ้งหยุน พวกผู้เฒ่าอมตะเหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่สามารถหยุดเขาได้เป็นแน่
แต่……
เขาไม่รู้ทางนี่นา?
เขาพูดเพียงแค่ว่าเขาสามารถปะปนเข้าไปที่ลานจิ้งหยุนได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเขารู้ทาง และเขาไม่ได้พูดว่าจะสามารถพาฮองเฮาฉู่ออกมาได้นี่
“ทำไม? หรือว่าเจ้ากลัวแล้ว?” กู้ชูหน่วนถามด้วยความสงสัย
“พูดเป็นเล่น ข้าเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ เพียงแค่เผ่าเทียนเฟิ่นจิ๊บจ้อย มีอะไรให้ข้ากลัว”
“งั้นเจ้ายังไม่รีบไปอีก ฟ้าจะสว่างอยู่แล้ว”
“พี่สาว แผนที่นั่น ท่านพูดอีกครั้งได้หรือไม่”
กู้ชูหน่วนเข้าใจได้ในทันที
นางก็รู้ คาดว่าเมื่อครู่เจ้าลูกหมาตัวนี้คงจะดูแผนที่ไม่เข้าใจ
กู้ชูหน่วนกางแผนที่ออก พูดอีกรอบด้วยความอดทนเป็นที่สุด ทั้งยังบอกถึงอันตรายแต่ละอย่างที่อาจเกิดพบเจอระหว่างทางกับเขาด้วย
“ก็ประมาณนี้ ฟังเข้าใจหรือไม่?”
จอมมารยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว
เดิมทีเขาก็สับสนอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ เขาก็สับสนยิ่งขึ้นไปอีก
เส้นเยอะแยะมากมายเหล่านั้น เขายังไม่เข้าใจ
กู้ชูหน่วนกัดฟัน พูดอีกครั้งอย่างอดทน “ฟังดีๆให้ละเอียดล่ะ ถ้าเจ้ายังไม่เข้าใจอีก หลังจากนี้พวกเราเลิกคบกันเถอะ”
ประโยคนี้พลังทำลายล้างรุนแรงมาก แม้ว่าจอมมารจะฟังไม่เข้าใจ ก็ฝืนพูดว่า “เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว พี่สาวพูดได้ดีกว่าตาเฒ่าบ้านั่นตั้งเยอะเลย”
ไม่สนใจแล้ว ยังไงซะถึงตอนที่หาทางไม่เจอ ก็ค่อยจับลูกศิษย์ของเผ่าเทียนเฟิ่นสักสองสามคนมาถาม
ตลอดทางที่เขาผ่านไป ก็ดูทางไว้หน่อย น่าจะสามารถกลับมาได้
“พี่สาว ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนเชียวล่ะ?”
“วางใจเถอะ หากว่าข้าไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็รอเจ้าอยู่ที่ทางเข้าเส้นทางลับ เจ้าระวังหน่อย”
“ได้เลย ข้าจะไปพาฮองเฮาฉู่มาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เบื้องหน้ายังจะมีเงาของจอมมารอีกที่ไหน
กู้ชูหน่วนอดทอดถอนใจไม่ได้ ระดับหกก็คือระดับหก
วิชาตัวเบาเช่นนี้ เทียบกับนางแล้วก็ดีกว่ามาก
มิน่าล่ะเจ้าลูกหมาถึงได้ดูถูกวิชาตัวเบาของนาง
เหลือบมองจอมมารที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กู้ชูหน่วนก็มีความกังวลใจมากขึ้นเล็กน้อย
ทำไมนางถึงรู้สึกไม่สบายใจขนาดนั้นนะ