อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 564 เจ้ายังหน้าไม่อายได้กว่านี้อีกไหม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 564 เจ้ายังหน้าไม่อายได้กว่านี้อีกไหม
“โลกกลมจริงๆ คิดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่ก็ยังจะสามารถเจอเจ้าได้อีก”
กู้ชูหน่วนลูบคาง มองไปทางเวินเส้าหยีอย่างมีเลศนัย สังเกตมองอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า และหยุดนิ่งเป็นเวลานานโดยเฉพาะช่วงล่างเอวของเขา ในปากก็มีเสียงจึจึ
“จึจึจึ มองไม่ออก รูปร่างของเจ้าดีมาก โดยเฉพาะตรงนั้น”
ราวกับว่าเวินเส้าหยีจะไม่รู้ว่านางชี้ตรงไหน กู้ชูหน่วนยังตั้งใจบุ้ยปาก ก็เหลือแค่เพียงเข้าใกล้ไปสังเกตอย่างละเอียดเท่านั้น
ใบหน้าของเวินเส้าหยีร้อนผ่าวขึ้นในพริบตา แทบอยากจะกุมตัวเองไว้แน่นๆ แต่เผอิญทั้งร่างกายของเขาก็ขยับไม่ได้ ทำได้เพียงมองตาปริบๆด้วยความร้อนใจ
เวินเส้าหยีเอ่ยว่าด้วยความอ่อนแรง “เจ้ายังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่า?”
หากว่าไม่ใช่นาง เขาก็คงไม่ถูกอสูรเขาเดียวแห่งแดนมายาทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จนแทบจะตาย
หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนมาโจมตี ตอนที่เขากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการรักษา หัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสใหญ่ไม่กี่คนก็คงไม่ถูกลอบทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
เขาก็คงไม่ถึงขึ้นถูกถอดเสื้อผ้าทั้งตัว นอนรักษาอาการบาดเจ็บบนเตียงน้ำแข็ง
“นี่ มีหน้าอกมีเอวมีรูปร่าง ข้าจะไม่ใช่ผู้หญิงได้ยังไง? กลับเป็นเจ้า เจ้าว่า ข้าตัดตรงนี้ของเจ้า เจ้ายังจะเป็นผู้ชายอีกหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนยกฝ่ามือขึ้น กริชด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที
กริชเปล่งแสงเย็นยะเยือก สะท้อนรอยยิ้มอันชั่วร้ายของกู้ชูหน่วนออกมา
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เวินเส้าหยีรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
“ทำอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าสงสัยความสัมพันธ์ของข้ากับเผ่าหยกมาตลอดหรือ? พวกเจ้าทำร้ายเผ่าหยกซะจนน่าเวทนาขนาดนั้น เช่นนั้น ข้าเก็บดอกเบี้ยแทนเผ่าหยกนิดหน่อย ก็ไม่มากเกินไปสินะ?”
“เจ้าเป็นคนเผ่าหยกหรือ? เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่ได้มีอาการในวันขึ้นสิบห้าค่ำพระจันทร์เต็มดวง?”
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรเป็นห่วงหรือ?” กู้ชูหน่วนบุ้ยปากไปทางช่วงล่างลำตัวของเขาอีกครั้ง เตือนเขาว่าควรรวมความสนใจไว้บนตัวของตัวเอง
เวินเส้าหยีทั้งโมโหทั้งโกรธ
นี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน?
มองผู้ชายคนหนึ่งอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางก็ไม่อายซะบ้างเลย? ?
ที่น่าหงุดหงิดใจที่สุดคือ นางจ้องตรงไหนไม่ดี ดันจ้องมองเพียงตรงนั้น?
นางไม่เคยเห็นผู้ชายมาเป็นเวลานานแล้วหรือไงกัน?
แม้ว่าเวินเส้าหยีจะเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น แต่เขารักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยแปดเปื้อนกับผู้หญิงคนใด ยิ่งไม่เคยให้ผู้ใดเห็นร่างกายมาก่อน ตอนนี้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เขาโกรธ
“ข้าสั่งเจ้า ให้หันหน้าไป ห้ามมองอีก”
“เหอะ…..น่าขัน ข้าไม่ใช่ทาสของเจ้าสักหน่อย เจ้าใช้ฐานะอะไรมาสั่งข้า? เวินเส้าหยี ข้าดูเจ้ามาจนถึงตอนนี้ ก็ยังแยกแยะความสำคัญอย่างแรกอย่างรองกับความเป็นจริงไม่ได้สินะ งั้นให้ข้าสอนเจ้าจะดีกว่า”
กู้ชูหน่วนกล่าวพลาง ยกมีดขึ้น จ่อไปที่ส่วนล่างของเขา มุมปากปรากฏเป็นรอยยิ้มอันโหดร้าย แล้วคิดจะเฉือนลงไปอย่างโหดเหี้ยม
อาจจะเป็นเพราะกลิ่นอายบนตัวของนางเย็นยะเยือกเกินไป เวินเส้าหยีตกใจจนเหงื่อออกหมดแล้ว “หยุดมือ กู้ชูหน่วน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีดนี้ลงไป หมายความว่าอย่างไร?”
“รู้สิ ก็แค่เป็นขันทีไปทั้งชีวิต วางใจได้ เป็นแค่ขันทีเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่เอาชีวิตน้อยๆของเจ้า เจ้าว่าเจ้าเป็นผู้ชายมาตั้งนานแล้ว ก็น่าจะทำมาพอแล้ว ควรจะลิ้มรสความสนุกของขันทีดูสักหน่อย”
“เจ้าคิดจะทำอะไร พูดมาตรงๆเถอะ” เหงื่อผุดที่ฝ่ามือของเวินเส้าหยี
ผู้หญิงคนนี้ทำการไร้เหตุผล ไม่ค่อยลงไพ่ตามกฎเกณฑ์ เขาก็กลัวว่าหากเส้นประสาทไหนของนางผิดปกติขึ้นมา จะตอนเขาจริงๆ
กู้ชูหน่วนเก็บมีดขึ้นช้าๆ “รีบพูดหน่อย พวกเราก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลามากมายเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ต้องกลัวจนฉี่ราดออกมาแล้ว”
เวินเส้าหยีร้อนใจด้วยความโกรธ
เขากลัวจนฉี่ราดเมื่อไหร่กัน?
นางยังหน้าไม่อายมากกว่านี้ได้หรือเปล่า?
“เจ้ามีข่าวคราวของมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดใช่หรือไม่?”
“ไม่มี” เวินเส้าหยีปฏิเสธไปตรงๆโดยไม่แม้แต่จะคิด
กู้ชูหน่วนก็ขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระ ยกกริชขึ้นไปทางส่วนสำคัญช่วงล่างลำตัวของเขาอีกครั้ง ปาดลงไปอย่างโหดเหี้ยม