อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 565 เชื่อไม่เชื่อ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 565 เชื่อไม่เชื่อ
“มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ทางเจียงหนาน”
เสียงของเวินเส้าหยีรีบร้อน
หากเขาเปิดปากช้าไปหนึ่งวินาที กริชของกู้ชูหน่วนจะต้องทำให้เขาเป็นขันทีแน่
โชคดีที่กู้ชูหน่วนหยุดทันเวลา
แม้จะนอนอยู่บนเตียงน้ำแข็ง เหงื่อ ก็ยังไหลอาบแก้มของเวินเส้าหยีลงมา
“ทางเจียงหนาน อยู่ที่ไหนของทางเจียงหนาน?” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม
“ไม่รู้ ข้าได้ยินหัวหน้าเผ่าและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่คุยกันโดยบังเอิญ ตอนนี้เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกข้าก็ไม่รู้ว่ามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ตรงไหนของเจียงหนาน รู้เพียงแค่เผ่าเทียนเฟิ่นได้ส่งคนจำนวนมากไปที่เจียงหนานแล้ว”
“เช่นนั้นพวกเจ้ารู้ได้จากอะไรว่ามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ที่เจียงหนาน?”
กู้ชูหน่วนพูดพลางเอื้อมมือลูบไปทางเวินเส้าหยี ค้นตัวโดยตรง
“ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ เจ้ารีบหยุดมือ”
การเคลื่อนไหวของนางไม่หนัก ทั้งยังค่อนข้างเบาอีกด้วย ทุกที่ที่ลูบคลำ ล้วนทำให้เขาจั๊กจี้จะไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้เขาสวมใส่ผ้าชีฟองโปร่งๆเพียงชิ้นเดียว จุดที่ควรปิด ก็ไม่ได้ปิดโดยสิ้นเชิง
เวินเส้าหยีอายจนแทบจะหาที่มุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นหอมของหญิงสาวที่วนเวียนอยู่ตรงปลายจมูกของเขา
ค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง กู้ชูหน่วนก็ไม่พบอะไรเลย เห็นเพียงไข่มุกเม็ดหนึ่งที่แขวนอยู่บนคอของเวินเส้าหยี มุกเม็ดนั้นเป็นสีขาวดั่งหิมะ มองไม่ออกว่าเป็นวัสดุอะไร ทว่าลูบแล้วคล้ายกับเข็มทิศเปิดฟ้าเล็กน้อย
นางเอ่ยถาม “นี่คืออะไร?”
“หัวหน้าเผ่ามอบให้ข้า เป็นเพียงมุขธรรมดาเม็ดหนึ่งเท่านั้น”
“จริงหรือ? ในเมื่อเป็นเพียงมุกธรรมดา เช่นนั้นก็มอบให้ข้าละกัน” กู้ชูหน่วนเอาเก็บไว้ในแหวนมิติอย่างไม่เกรงใจ
เวินเส้าหยีซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วแทบจะเป็นลมหมดสติ
มุกเม็ดนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหามุกมังกร
แต่นางก็แย่งมุกของเขาไปเช่นนี้
“เจ้ายังรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับมุกมังกรอีกบ้าง ลองพูดออกมาให้ฟังหน่อย”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ?”
“แม้ว่าเจ้าจะตอนข้า คำตอบก็ยังเหมือนเดิม”
“ดูรูปร่างของเจ้า ไม่มีไขมันส่วนเกินสักนิด ลูบแล้วทั้งสบายทั้งให้ความรู้สึก ข้าจะทำใจตอนเจ้าได้ยังไงล่ะ หากว่ามัดตัวเจ้ากลับไป ทำเป็นคนรักตัวน้อยๆของข้า เจ้าจะว่าตื่นเต้นเร้าใจหรือไม่?”
“กู้ชูหน่วน เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“อุ้ย แค่นี้ก็โมโหแล้วเหรอ? ให้ข้าเดาซิว่าตอนนี้เจ้าคิดอะไรอยู่? เจ้าคิดอยากจะฆ่าข้าถูกต้องหรือไม่?”
เวินเส้าหยีหันหน้าหนี ไม่สนใจนาง
“ไม่ใช่ว่าความสามารถของเจ้าแข็งแกร่งมากหรือ? ทำไมยังไม่ลงมืออีก? คงจะไม่ใช่ว่าขยับไม่ได้สินะ?”
ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้
ไม่ใช่ว่านางมองออกตั้งนานแล้วหรือไง
หากว่าเขาสามารถขยับได้ ยังจะปล่อยให้นางยโสเช่นนี้หรือ
“รูปร่างของเจ้าดีขนาดนี้ คิดว่าหน้าตาก็คงไม่แย่สินะ ให้ข้าดูใบหน้าของเจ้าก่อน”
กู้ชูหน่วนขึ้นหน้าไปทีละก้าว เอื้อมมือไปหยิบหน้ากากผีเสื้อของเขาออก แต่ราวกับหน้ากากของเขาจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับใบหน้าของเขาเช่นนั้น ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร ก็ไม่มีทางถอดออกมาได้
เวินเส้าหยีกล่าว “เจ้าถอดหน้ากากของข้าออกไม่ได้”
“ทำไม?”
“ถูกหัวหน้าเผ่าร่ายมนตร์ไว้ นอกจากหัวหน้าเผ่าจะเป็นเอาออกด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นผู้ใดก็เอาออกไม่ได้”
“ใช่หรือ แต่เผอิญข้าไม่เชื่อน่ะสิ”
“ไม่เชื่อก็ช่าง”
“กริชเล่มนี้ของข้า ทำด้วยเหล็กเย็นพันปี เจ้าว่า กรีดไปบนใบหน้า หน้ากากของเจ้าจะหลุดลงมาหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนถือกริชที่เปล่งประกายแสงเย็นยะเยือก