อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 567 ระวังจะเอาเจ้าไปทิ้งที่หอนางโลม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 567 ระวังจะเอาเจ้าไปทิ้งที่หอนางโลม
เวินเส้าหยีคิดว่านางพูดเล่นเท่านั้น
คิดไม่ถึงกู้ชูหน่วนใช้เข็มทองปิดผนึกจุดฝังเข็มหลักทุกจุดของเขา แบกเขาขึ้นมาโดยตรง และเดินไปที่ทางเข้าของเส้นทางลับ
วิธีการใช้เข็มทองปิดผลึกจุดฝังเข็มนี้ เขาไม่เคยได้ยินไม่เคยได้เห็นมาก่อน คิดอยากจะแก้ กลัวแค่เพียงสิบวันครึ่งเดือนก็คงแก้ไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธเคืองที่สุดคือ กู้ชูหน่วนแบกเขาเหมือนกับแบกสิ่งของเช่นนั้น ทั้งยังจะตีก้นเขาอยู่บ่อยๆอีกด้วย
“ดูก้นกลมๆเล็กๆนี่สิ หากว่าเป็นหญิงสาว ก็จะต้องให้กำเนิดเกิดเด็กน้อยตัวอ้วนเป็นครอกแน่ๆ”
เวินเส้าหยีเค้นคำพูดออกมาจากซอกฟันประโยคหนึ่ง “กู้ชูหน่วน ความแค้นนี้ข้าจะ
ชำระล้าง”
“ทำไมคำพูดนี้ถึงคุ้นเคยขนาดนี้ อ๋อถูกแล้ว เหมือนว่าเย่จิ่งหานจะเคยพูด แต่หลังจากนั้นข้ากับเย่จิ่งหานก็กลายมาเป็นสามีภรรยากันแล้ว สำหรับเจ้าน่ะ หิ้วรองเท้าให้ข้าก็ไม่คู่ควร ทิ้งไว้ที่หอเหวินเซียงให้ผู้ชายอ้วนๆเหล่านั้นย่ำยีละกัน”
“เจ้ากล้าโยนข้าเข้าไปที่หอเหวินเซียง ระวังข้าจะเอาเจ้า……”
“เพี้ยะ……”
กู้ชูหน่วนตบลงไปที่ก้นของเขาอย่างรุนแรงอีกฝ่ามือหนึ่ง
“จะทำยังไงกับข้า? เจ้าไม่คิดให้ดีๆว่าจะเอาอกเอาใจผู้ชายอ้วนๆเหล่านั้นยังไง ยังจะฝันกลางวันอยู่อีก”
“คนเลว……”
“เพี้ยะเพี้ยะเพี้ยะ……”
กู้ชูหน่วนตบก้นเขาไปอีกสองสามที “ข้าไม่เอาเจ้าไปทิ้งไว้ที่ค่ายทหารก็ไม่เลวแล้ว ยังจะเลือกมากอีก”
“ห้ามตีตรงนั้นของข้า” เวินเส้าหยีตะคอก แทบจะทำให้ตัวเองกระอักเลือดแล้ว
“ทำไมถึงห้ามตีล่ะ? ก้มอันเย้ายวนกลมนุ่มเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเจ้าสกปรกเกินไป ข้าก็อยากขึ้นไปแล้วล่ะ”
“ฟู่ว…..”
ครั้งนี้ เวินเส้าหยีถูกทำให้โกรธแล้วจริงๆ โกรธจนกระอักเลือดออกมา
เดิมทีเขาก็บาดเจ็บสาหัส จะทนต่อการกระตุ้นเช่นนี้ได้อย่างไร จึงสลบไปตรงนั้นทันที
“นี่ก็เป็นลมไปแล้วเหรอ?”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเปล่งประกายเล็กน้อย
นางก็ไม่ได้ต้องการทำเช่นนี้กับเวินเส้าหยี
แต่เรื่องที่เผ่าเทียนเฟิ่นทำ ช่างทำให้คนแค้นเคืองมากจริงๆ
คิดจะโจมตีเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างหนัก ก็ต้องหยามเกียรติหัวหน้าเผ่าน้อยของพวกเขา
หลังจากที่กู้ชูหน่วนและผู้อาวุโสสวีรวมตัวกัน ก็ยังไม่เห็นจอมมารและฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่
นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าลูกหมานั่นยังไม่กลับมาอีกหรือ?” นี่ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย?
“ไม่มีขอรับ ข้าน้อยรออยู่ที่นี่มานานแล้ว ก็ไม่พบผู้ใดเลย เจ้าสำนัก ท่านจับหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นมาหรือ?”
“อืม”
“เผ่าเทียนเฟิ่นทำร้ายเผ่าหยกอย่างน่าอนาถขนาดนั้น สวรรค์มีตา ทำให้เวินเส้าหยีตกอยู่ในมือพวกเรา เจ้าสำนัก ข้าน้อยขอให้เจ้าสำนักได้โปรดสังหารเวินเส้าหยีด้วยเถอะขอรับ”
กู้ชูหน่วนก้มศีรษะลงไปชำเลืองมองเวินเส้าหยีที่หมดสติอยู่แวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นเบาๆ “ตอนนี้เขายังตายไม่ได้ ให้เขาอยู่มีประโยชน์ต่อข้า” “วิทยายุทธของเขาสูงส่งแข็งแกร่ง หากไม่ฆ่าตอนนี้ อนาคตจะฆ่าเขา ก็ยากแล้วขอรับ”
“วางใจเถอะ จุดฝังเข็มของเขาถูกข้าใช้เข็มทองคำปิดผนึกไว้ แก้ไม่ได้หรอก”
กู้ชูหน่วนมองไปตรงทางเข้าด้วยความกังวล ในนั้นมืดมิด ความเคลื่อนไหวสักนิดก็ไม่มี
ผู้อาวุโสสวีกล่าวว่า “ลานจิ้งหยุนก็ห่างจากที่นี่ไม่ไกล และพวกเขาก็ยังมีแผนที่ของถนนเส้นเล็กอีก ตามหลักน่าจะกลับมานานแล้วถึงจะถูก หรือว่าเกิดเหตุอะไรฉุกเฉิน เจ้าสำนัก ข้าน้อยออกไปดูละกันขอรับ”
“กำลังมีคนเข้ามาใกล้ที่นี่ ลมปราณแข็งแกร่งมาก”
ผู้อาวุโสสวีใช้จิตใจสัมผัสได้ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
ด้านนอกมีสายตาอันทรงพลังสองสายตาจับตามองดูตรงทางเข้าติดๆ ราวกับว่าจ้องมองพวกเขาเป็นเหยื่อเช่นนั้น ทำให้พวกเขาหาทางหนีรอดไม่ได้
พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเพียงรองหัวหน้าเผ่าและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่กับยอดฝีมือระดับวิปริตที่สุดต่างๆเท่านั้นถึงจะสามารถมีได้
หากมีเพียงสายตาเดียว ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นจอมมาร แต่สองสายตานี้ก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดแล้ว
โชคดีที่ พลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองนั่นจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็จากไปแล้ว และไม่รู้ว่าพวกเขาสังเกตเห็นทางเข้าหรือไม่
“พวกเราน่าจะถูกค้นพบแล้ว จำเป็นต้องออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”