อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 570 มองไม่เห็นว่าข้าได้รับบาดเจ็บหรือ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 570 มองไม่เห็นว่าข้าได้รับบาดเจ็บหรือ?
กู้ชูหน่วนเอายันต์เหาะเหินแปะไว้บนตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ตบลำตัวของมัน เอ่ยว่า “ตื่นๆ เคลื่อนไปตามแผนที่ด้วยความเร็วเต็มที่” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น บ่นพึมพำด้วยแววตาง่วงนอนสะลึมสะลือ “คนอื่นเขายังง่วงอยู่นี่นา”
“หมูย่างสิบตัว เพียงแค่เจ้าช่วยไปส่งข้าที่แดนเหนือสุดบนแผนที่ได้ในเวลาอันสั้นที่สุด ข้าจะย่างหมูสิบตัวให้เจ้ากิน”
“มากกว่านี้อีกได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
“มากขึ้นอีกแค่หัวเดียว”
กู้ชูหน่วนเอามะเหงกให้มันอย่างไม่เกรงใจ “ถ้ากล้าต่อรองอีก ตอนนี้ข้าจะเอาเจ้าไปย่างซะ”
“ฟ่อฟ่อฟ่อ……”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ประท้วงไปพลาง ยืดเอวบิดขี้เกียจไปพลาง ด้วยความเร็วที่สังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากงูตัวเล็กเหมือนสร้อยข้อมือ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นงูเก้าหัวตัวใหญ่ยาวหลายร้อยเมตร
เดิมทีความเร็วของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เร็วอยู่แล้ว แล้วมียันต์เหาะเหินบนตัวอีก ความเร็วก็เพิ่มขึ้นถึงที่สุดในพริบตา ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่รู้ว่าไปได้ไกลกี่ลี้แล้ว
“ฟ่อ……ความเร็วนี้……เวินเส้าหยี ยันต์เหาะเหินสามารถใช้ได้กี่ครั้ง”
เวินเส้าหยีถูกลมที่เร็วปานลมกรดพัดจนลืมตาไม่ขึ้น
ในสายลมคำราม กู้ชูหน่วนได้ยินเวินเส้าหยีพูดประโยคหนึ่งรางๆว่า “ครั้งเดียว”
เพียงครั้งเดียว’’’
อายุขัยสั้นเกินไปแล้ว
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้พักผ่อนสามวันสามคืนเต็มๆ เหาะเหินอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง จนถึงคืนวันที่สามกว่าจะได้หยุดลง
กู้ชูหน่วนและเวินเส้าหยีถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะเทือนจนกระดูกทั้งตัวแทบจะกระจุย
คนสองคนงูหนึ่งตัวนอนหอบอยู่บนหิมะอย่างไร้เรี่ยวแรง
สิ่งที่เห็นทั้งหมดในสายตา ที่นี่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน นอกจากหิมะที่ลอยปลิวในอากาศ ก็ไม่มีวี่แววของพลังสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพืชพันธุ์สีเขียว
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลายไปเป็นงูตัวน้อยอีกครั้ง เลียแก้มของกู้ชูหน่วน กล่าวออดอ้อนน้ำลายไหล “นายหญิง หมูย่างสิบตัวของ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ล่ะ”
“ตรงไหนอากาศเย็นก็ไปอยู่ตรงนั้นซะ สถานที่มีหิมะตกเช่นนี้ เอาหมูย่างมาจากไหน แต่งูย่างน่ะกลับมีอยู่ตัวหนึ่ง”
“ท่านสัญญาว่าจะย่างหมูสิบตัวให้ข้า”
ถ้าไม่ใช่เพราะหมูสิบตัวนั้น มันจะพาพวกนางพุ่งมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ได้พักผ่อนสามวันสามคืนหรือ?
“หามุกมังกรเม็ดที่หกเจอแล้วค่อยย่างให้เจ้ากิน”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่สน หากว่านายหญิงไม่ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะละทิ้งหน้าที่ไม่ทำแล้ว”
“เฮอะ ไม่สั่งสอนไม่กี่วัน เจ้ายังจะมีนิสัยของงูอีก”
กู้ชูหน่วยยกมือขึ้นอยากจะเอามะเหงกให้มันอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาน้อยใจของมัน คิดได้ว่าสามวันสามคืนนี้มันก็พยายามเต็มที่อย่างสุดหัวใจแล้วจริงๆ ยกมือขึ้นเปลี่ยนเป็นหยิกใบหน้าเล็กๆอันอ้วนท้วนของมันแทน
“เวินเส้าหยี เจ้าไปหาดูว่ามีหมูป่ากระต่ายป่าพวกนั้นหรือไม่ จับมาย่างให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินสักหน่อย”
เวินเส้าหยีพิงต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวต้นหนึ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวด้วยความอ่อนล้าว่า “สถานที่พรรคนี้ เจ้าคิดว่าจะมีอาหารป่าหรือ?”
“หากว่าไม่มีอาหารป่าก็ตัดสองมือและสองเท้าของเจ้าออก ดูเจ้าผิวพรรณอิ่มเอิบ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็น่าจะชอบมากเป็นแน่”
ดวงตาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปล่งประกายทันที พยักหน้าสุดแรง
เขาเคยเป็นยอดฝีมือระดับหก กินเลือดเนื้อของเขา ไม่เพียงรสชาติดี ยังช่วยเพิ่มพลังให้มันได้อีกด้วย
ก็ยังเป็นนายหญิงที่ดีกับมันนะเนี่ย ไม่เสียแรงที่มันเดินทางบากบั่นอย่างเหนื่อยยากลำบากมาสามวันสามคืน
เวินเส้าหยีมุมปากกระตุก “เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าบาดเจ็บหนักขนาดนั้น?”
เดิมทีก็บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ยังจะไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมาสามวันสามคืนอีก ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเดินทางรอนแรม เขาก็สงสัยแล้วว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขาแล้ว
“ข้าเห็นเพียงเจ้าเป็นนักโทษของข้า”
เวินเส้าหยีหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเย่อหยิ่ง
กู้ชูหน่วนจับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา โยกไปมาตรงส่วนล่างของเขา “เห้อ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอ๊ย คนอื่นเขาไม่ยอมไปหาอาหารป่า ไม่งั้น เจ้าก็กินขาที่สามของเขาไปก่อนเละกัน ตรงนั้นนุ่มที่สุด ถูกปากที่สุด กรุบๆกรอบๆเชียวล่ะ รอให้กินขาที่สามเสร็จแล้ว ค่อยกินมือสองข้างและขาสองข้างของเขาก็ไม่สาย”