อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 576 แดนเหนือสุด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 576 แดนเหนือสุด
“เช่นนั้นข้าจะให้คนส่งเจ้าไปแดนเหนือสุด”
“เช่นนั้นก็ดียิ่งนักเพคะ”
ทั้งสองมีมติเป็นเอกฉันท์
คนหนึ่งแทบอยากส่งกู้ชูหน่วนไปเสียเดี๋ยวนี้ จะได้ไม่ขวางหูขวางตา
อีกคนก็แทบอยากถึงแดนเหนือสุดเสียเดี๋ยวนี้ หามุกมังกรเม็ดที่หกพบ
“เช่นนั้นน้องชายข้าก็ฝากพระองค์แล้ว อย่าลืมเข้าห้องหอกับเขาไวๆ นะเพคะ เขาจะได้ไม่ร้อนใจเป็นไฟและขวยอายที่จะแสดงออก”
“แน่นอนๆ ข้าจะเข้าห้องหอกับเขาคืนนี้แหละ”
“คืนนี้? เร็วเช่นนั้นเลยหรือเพคะ?”
“เร็วดีกว่าช้าอย่างไรเล่า”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเลิ่กลั่ก ฉวยตอนที่ทุกคนไม่สนใจ จี้จุดเวินเส้าหยี หัวเราะร่าพลางกล่าว “น้องชายเด็กดี ยากนักที่องค์ราชินีจะชื่นชมเจ้า เจ้าต้องปรนนิบัติพระนางดีๆ อย่าเอาแต่ใจล่ะ”
เวินเส้าหยีถลึงตามองกู้ชูหน่วน
หากสายตาสามารถพิฆาตคนได้ เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะถูกฆ่าไปกี่หนแล้ว
“ราชินี น้องชายข้าน่ะ บาดเจ็บหนักเล็กน้อย สมองก็กระทบกระเทือนหน่อยๆ เกรงว่าหลายวันนี้จะขยับเขยื้อนไม่ได้ แต่ไม่ส่งผลกับการเข้าห้องหอ เอาไว้ทั้งสองข้าวสารเป็นข้าวสุกแล้ว อ้อไม่ รอหลังจากเข้าห้องหอแล้ว ถ้าเขากล่าววาจาสามหาวอะไร หรือว่าทำอะไรที่เกินเลยไปบ้าง พระองค์ก็มัดเขาอีกครั้งก็พอแล้วเพคะ”
ว่าแล้วนางก็หันไปกะพริบตาเจ้าเล่ห์กับองค์ราชินี ยิ้มกล่าวอย่างมีนัย “ผู้ชายน่ะนะ ต้องสั่งสอนทั้งนั้นแหละเพคะ”
ครั้นองค์ราชินีได้ฟัง กรอบดวงตาก็มีน้ำตาร้อนทันที “พี่สาวนี้ ช่างดีนัก”
เมื่อกล่าวอำลาเสร็จ กู้ชูหน่วนก็พาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จากไปด้วยการนำทางขององครักษ์ ทิ้งเวินเส้าหยีที่ถูกแคว้นคนแคระล้อมไว้
ก่อนจาก กู้ชูหน่วนหันไปมองทางเวินเส้าหยี แต่กลับเห็นสายตาเขาซับซ้อน
มีความผิดหวัง เสียใจ ปวดใจ คาดหวัง…
ทว่าขณะที่นางจะจากไปอย่างเด็ดขาด ความคาดหวังนั้นก็กลายเป็นความสิ้นหวัง
ระหว่างทาง กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่พันอยู่ตรงข้อมือนาง เอ่ยเสียงคับอก “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าว่าเราทำแบบนี้จะเกินไปหน่อยไหม?”
“เนี่ยหรือ…ก็เกินไปนิดๆ ล่ะนะ แต่พวกเขาทำร้ายเผ่าหยกจนอเนจอนาถขนาดนั้น นายหญิงก็แค่ทำโทษนิดหน่อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีข้อเสนอยิ่งใหญ่หนึ่ง”
“ว่ามา”
“รอให้องค์ราชินีกินเขาจนเรียบแล้ว เอาร่างกายของเขามาย่างให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้หรือไม่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดถึงกลิ่นบนตัวเขา”
กู้ชูหน่วนปลิ้นตาขาวใส่
เจ้างูโง่ตัวนี้
ตอนนั้นนางแค่ล้อเล่นว่าจะเอาแขนขาให้มันกิน คิดไม่ถึงว่ามันจะจำใส่ใจ
“ถ้าเจ้ากล้ากินเขา ข้าจะกินเจ้าก่อน”
“นายหญิง ท่านเห็นผู้ชายดีกว่างู!”
“ไสหัวไปนอน!”
องครักษ์ที่นำทางอยู่ข้างหน้าได้ยินกู้ชูหน่วนพึมพำ อดหันมาถามไม่ได้ “แม่นาง ไม่ทราบท่านกำลังพูดอะไร…”
“ไม่มีอะไร ที่นี่ยังห่างจากแดนเหนือสุดอีกเท่าไร?”
“ไม่ไกล ข้ามภูเขาหิมะห้าลูกก็ถึงแล้วล่ะ”
ข้ามภูเขาหิมะห้าลูก?
ภูเขาหิมะนี้ทั้งสูง ทั้งชัน ทั้งใหญ่ อย่าว่าแต่คนแคระพวกนี้ ถึงเป็นนางก็เดินทางยาก
“ข้ามภูเขาหิมะห้าลูกต้องใช้เวลาเท่าใดหรือ?”
“ประมาณสามเดือนกระมัง”
“สามเดือน?”
เสียงกู้ชูหน่วนขึ้นสูงทันที
จะถึงวันเพ็ญสิบห้าอยู่นี่แล้ว
นางรอสามเดือนได้ที่ไหน
รอสามเดือนค่อยกลับไป พี่เฉินเฟยก็เดี้ยงไปนานแล้ว
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ไม่ต้องนอนแล้ว แบกพวกเราไปแดนเหนือสุดเดี๋ยวนี้”
“นายหญิง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทั้งหนาวทั้งง่วง”
“นี่คือคำสั่ง!”
นางหิ้วหางของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา บังคับให้มันตื่น
งูตัวนี้นี่ ไม่กินก็นอน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พันข้อมือนางราวกับงอแง
กู้ชูหน่วนโยนมันลงพื้นโดยตรง “ถ้าเจ้าไม่แบกเราไป ต่อไปก็อย่ามาตามข้า ไปเป็นงูป่าจรจัดเถอะ”
“เช่นนั้นท่านให้หมูย่างข้าอีกยี่สิบตัว ที่นี่หนาวเกินไปแล้ว ยิ่งไปต่อก็ยิ่งหนาว ข้าจะแบกไม่ไหวแล้ว”
“ขอเพียงเจ้าช่วยข้าหามุกมังกรเม็ดที่หกพบ อย่าว่าแต่ยี่สิบตัว สองร้อยตัวก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าหามุกมังกรเม็ดที่หกไม่พบ ตัวเดียวเจ้าก็อย่าหวังได้กิน”
“ใจกว้างขนาดนี้เชียว?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แสดงออกว่าไม่เชื่อ
นายหญิงจะหลอกเก่งไปกันใหญ่แล้ว
แต่ด้วยความสำคัญของการหามุกมังกร ถึงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่สมัครใจอย่างไรก็ยังแปลงกายอย่างรวดเร็ว
จากใหญ่เท่าตะเกียบข้างหนึ่ง เป็นสิบเมตร ยี่สิบเมตร ห้าสิบเมตร หนึ่งร้อยกว่าเมตร…
หัวนั้นก็เปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสาม หก สุดท้ายเปลี่ยนเป็นเก้าหัวใหญ่
“ผะ…ผี….”
สององครักษ์ที่นำทางตกใจจนหน้าซีดเผือด ล้มลุกคลุกคลานหนีลงเขา
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เพียงตวัดหาง ก็ม้วนพวกนางขึ้นตัวแล้ว
“ผีอะไร ข้าเป็นราชาแห่งหมู่มวลอสรพิษนะ งูทั่วหล้าล้วนอยู่ใต้อาณัติข้า”
ครั้นกระโดด กู้ชูหน่วนก็ปีนอยู่บนหลังของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กล่าวปลอบ “วางใจ นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ไม่กินคนหรอก ปลอดภัยมาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ไป”
กายใหญ่ยักษ์ของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เพิ่มความเร็ว เลื้อยเลี้ยวลดไปถึงยอดภูเขาหิมะภายใต้ความระส่ำหวาดกลัวของสององครักษ์
“อ๊า…อ๊า…อ๊า…”
สององครักษ์กอดกันตัวกลม แต่กลับไม่กล้าลืมตา ในใจขวัญผวาถึงที่สุด
กู้ชูหน่วนฉุดพวกนาง เป็นการบอกให้พวกนางเงียบ
“ภูเขาหิมะใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพวกเจ้าไม่นำทาง จะหลงทางได้ง่าย”
“ปะ ปะ ปะ ไป…ไปทางซ้าย ตระ…ตระตรงไปก็ถึงแล้ว”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร่งความเร็วถึงขีดสุด ข้าต้องการถึงแดนเหนือสุดอย่างเร็วที่สุด”
“ซี่ๆ…”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ประท้วงอย่างไม่พอใจ
เจ้าเตี้ยม่อต้อสองคนนั้น ปัสสาวะราดทำหลังมันเปียกแล้ว
“เปียกก็ล้างๆ ก็จบ บ่นอะไร”
“ซี่…”
งูยักษ์แล่นปราด พริบตาไม่รู้ว่าขึ้นหน้ากี่เมตรแล้ว
กู้ชูหน่วนจดจำภูมิศาสตร์ในจุดไกลๆ ไว้ในสมอง
แต่ในใจกลับนึกถึงสถานการณ์ของเวินเส้าหยี
ตามหลักแล้วเวินเส้าหยีเป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น เผ่าเทียนเฟิ่นใช้วิธีอำมหิตขนาดนั้นกับเผ่าหยก
นางไม่จำเป็นต้องเมตตาเขาเลย แต่ไม่รู้เพราะอะไร สายตาสิ้นหวังของเวินเส้าหยีตอนก่อนจากมาวนเวียนอยู่ในหัวนางไม่หยุด
องค์ราชินีของแคว้นคนแคระเนื้อตัวมีแต่ไขมัน ดวงตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย ขณะมองเวินเส้าหยีประสงค์ชั่ว ต้องได้มาให้ได้
ดูท่าคงจ้องเวินเส้าหยีอยู่นานแล้ว
ตกอยู่ในมือองค์ราชินี ไม่แน่ว่าชาตินี้เวินเส้าหยีจะจบสิ้นแล้วจริงๆ
นางลังเลจะกลับไปพาเวินเส้าหยีออกมาดีหรือไม่
ถ้าตอนนี้กลับไป ก็ต้องเสียเวลาอีกมาก
ประชาชนเผ่าหยกรอไม่ได้อีกแล้ว
หากไม่กลับไป…
กู้ชูหน่วนกำลังคิด เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หยุดลงแล้ว ร้องเรียกซี่ๆ “นายหญิง นี่ก็คือทางเข้าแดนเหนือสุดแล้ว”
สององครักษ์ลงจากตัวงูก็อาเจียนหนัก
กู้ชูหน่วนเงยหน้า ที่นี่นอกเหนือจากภูเขาหิมะที่สูงเสียดเมฆแล้วก็มีเพียงธารน้ำแข็ง
อาจเพราะตำแหน่งภูมิศาสตร์ค่อนข้างสูง อุณหภูมิที่นี่จึงต่ำลงมาก แม้นางมีกำลังภายในคุ้มกาย ก็ยังหนาวสั่นพั่บๆ
จุดทางเข้าเป็นธารน้ำแข็ง แคบมาก เดินเข้าไปได้คนเดียว ข้างในจะมีอะไรนั้นก็ดูไม่ออกจากภายนอก
“แม่…แม่นาง…นี่ก็คือทางเข้าแดนเหนือสุดแล้ว ท่านดูเสร็จแล้วก็รีบกลับ…กลับไปกับพวกเราเถอะ”
องครักษ์ทั้งสองหนาวจนสั่นหงึก แม้แต่คำพูดก็ไม่คล่อง กอปรกับวิงเวียนศีรษะ ยืนไม่ติด
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดออดอ้อน “ที่นี่ไม่มีเรื่องของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็บังคมทูลลาเถอะ ข้ากับนายหญิงจะเข้าไปหาหมูย่างกิน”