อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 581 พระราชวังกากเต้าหู้
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 581 พระราชวังกากเต้าหู้
ภาพเช่นนี้น่าขันยิ่งนัก สตรีนางหนึ่งลากบุรุษเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยกระหย่องกระแย่งซ้ายขวา ราวกับใต้เท้ามีหินตำเท้าเกลื่อนกล่น
ด้านหลังพวกเขา มีกองทัพใหญ่อึกทึกครึกโครมทะมึนตามอยู่
“พลั่ก…”
พอไม่ทันระวัง กู้ชูหน่วนก็ชนกับกำแพงวัง
กำแพงวังเหล่านั้นคล้ายกากเต้าหู้ ชนนิดเดียวก็ถล่มทลาย
คนแคระที่อยู่ใต้ตำหนักหลบหลีกไม่ทัน ถูกทับระนาว บาดเจ็บล้มตายเกลื่อนกลาด
กู้ชูหน่วนใคร่ร้องไห้ไร้น้ำตา
นางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
แต่เพราะกำแพงวังที่พวกนางสร้างขึ้นเป็นวิศวกรรมกากเต้าหู้
เพราะเกรงจะเหยียบถูกพวกนาง นางกับเวินเส้าหยีกระย่องกระแย่ง ราวกับตัวตลก
ด้วยวรยุทธ์ของพวกเขา อยากเผ่นแนบก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่รูปร่างของพวกเขา ‘สูงใหญ่’ เกินไปโดยแท้ อยู่ในพระราชวังเป็นอย่างกับอนุสาวรีย์หินตัวเบ้อเริ่มสองตัว อยากให้พวกเขาไม่สังเกตก็ไม่ได้
“เจ้าจะหน้าตาดีขนาดนั้นทำไม ถ้าเจ้าอัปลักษณ์หน่อย อ้วนหน่อย ยังต้องเกิดเรื่องพวกนี้อีกไหม?” กู้ชูหน่วนกล่าว
สมองเวินเส้าหยีมึนๆ งงๆ เกือบหกคะเมนไปหลายรอบ
ครั้นได้ยินถ้อยคำกู้ชูหน่วน ก็ได้แต่ใช้คำว่าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีมาบรรยาย
อยู่ดีๆ ก็โดนกล่าวหา
ถ้านางไม่มาแล้วจะได้เจอเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ไหม?
คิดถึงปีนั้น เขาก็ทุ่มเทสุดตัวถึงสลัดหลุดจากพวกนางได้
“ฆ่า…ฆ่า…ฆ่า…”
ไฟสงครามเจิดจ้า เสียงฆ่าสนั่นหวั่นไหว ก็ไม่รู้ว่าแคว้นคนแคระเหล่านี้มีองครักษ์เท่าใดกันแน่ มุดออกมาจากทุกซอกทุกมุมแน่นขนัด
กู้ชูหน่วนจนปัญญา ได้แต่แตะปลายเท้า อาศัยตำหนักกากเต้าหู้พาเวินเส้าหยีวิ่งออกนอกวังไม่หยุด
น้อยนักที่นางจะหนีอย่างหัวซุกหัวซุนขนาดนี้
เพราะเจ้าเตี้ยพวกนั้นยิงลูกศรเย็นอยู่ด้านหลัง
มีหลายดอกที่ปักอยู่ตรงหลังนาง เจ็บจนนางกัดฟันกรอด
หนึ่งเดียวที่ดีใจได้คือ ลูกศรเหล่านั้นไม่มีไฟ
มิเช่นนั้นพวกเขาต้องถูกเผาตายอยู่ในแคว้นคนแคระนี่แล้ว
วิ่งโร่ตลอดทาง คนแคระก็ไล่บี้ตลอดทาง ภูเขาหิมะอันเนืองแน่นมีแต่เงาคนทุกหนทุกแห่ง
“ปัดโถ่…คนพวกนี้เป็นมดหรืออย่างไร? ทำไมถึงเกาะกลุ่มรวมกัน?”
“คนที่นี่ให้กำเนิดเก่ง แต่ละท้องอย่างน้อยก็สี่ห้าคน แถมพวกนางใครให้กำเนิดมากยังถือเป็นเกียรติอีก จึงทำให้…แคว้นคนแคระอะไรก็ไม่เยอะ แต่คนเยอะที่สุด…”
“ไม่มีคนคุมการวางแผนครอบครัวบ้างหรือไร?”
“วางแผนครอบครัว?”
เวินเส้าหยีฟังไม่ค่อยชัด ตัวก็ถูกกู้ชูหน่วนลากเข้าถ้ำหนึ่งไปแล้ว
ถ้ำไม่ใหญ่ พอให้พวกเขาสองคนอยู่ได้พอดี
กู้ชูหน่วนปิดปากถ้ำอย่างมือไม้พัลวัน เห็นคนแคระเหล่านั้นตามไปอีกทางหนึ่งแล้วจึงจะเพลาใจ
“จะผ่านแคว้นคนแคระไปได้อย่างไร?” กู้ชูหน่วนหอบหนัก
เวินเส้าหยีพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนล้า เสียงต่ำอย่างมด
“ยากมาก”
“เช่นนั้นปีนั้นเจ้าออกไปได้อย่างไร?”
เวินเส้าหยีนิ่งเงียบ ราวกับไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้น
“คงไม่ได้ใช้หน้าตาหลอกล่อกระมัง?”
“เจ้าคิดว่าทุกคนจะไร้ศีลธรรมเหมือนอย่างเจ้าหรือ?”
เวินเส้าหยีกระเพื่อมขึ้นลง นึกถึงเรื่องที่กู้ชูหน่วนทำกับเขาตลอดทาง เขายังเคืองจนถึงวันนี้
“ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น เจ้าร้อนตัวอะไร”
กู้ชูหน่วนจับมือตรวจสอบเส้นชีพจรเขา
“เจ็บภายในหนักมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ตาย ที่เจ้าหมดแรงทั้งตัวเพราะหิวเกินไป”
“น่าเสียดาย อาหารของข้าถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้างูจอมตะกละตัวนั้นแทะไปหมดแล้ว อยากได้อาหารก็ต้องออกไปหาแล้ว”
เวินเส้าหยีเบือนหน้า ตั้งสมาธิรวบรวมกำลัง พยายามให้ตัวเองฟื้นฟูพลัง
“ไม่อย่างนั้น เจ้าก็ออกไปหาอะไรกิน จะได้ไม่ทำตัวเองหิวตาย”
เวินเส้าหยีเกือบนึกว่าตัวเองหูฝาด
ตอนนี้แม้แต่เดินเขายังซวนเซ ล้มตึงได้ทุกเมื่อ บวกกับวรยุทธ์ถูกสกัด คนแคระของแคว้นคนแคระก็จัดการลำบาก
ถ้าเขาออกไปมิต้องถูกจับกลับไปหรือ?