อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 599 เย่จิ่งหานมาถึง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 599 เย่จิ่งหานมาถึง
กู้ชูหน่วนคลำหาอยู่ในโพรงน้ำแข็ง หวังจะหามุกมังกรเม็ดที่หกได้โดยเร็วที่สุด
ที่นี่มีหมาป่าหิมะ และมีแมงมุมพิษสูงเป็นเมตร กู้ชูหน่วนเกรงว่าจะพบสัตว์ร้ายน่ากลัวอื่นอีก ดังนั้นจึงย่องเบาตลอดทาง ระมัดระวังเป็นที่สุด
หลังจากอ้อมหลายทางแยก ตาแหลมของกู้ชูหน่วนก็พบ จุดหนึ่งด้านหน้ามีแมงมุมพิษนอนอยู่สิบกว่าตัว แต่ละตัวล้วนใหญ่กว่านางสองคน
การโจมตีแมงมุมพิษหนักมาก พิษก็ร้ายแรง แม้แต่มือสังหารชุดดำและเวินเส้าหยียังถูกทำร้ายเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าทำพวกมันตื่นจริง นางมีสิบชีวิตก็ยังไม่พอถูกเด็ด
กู้ชูหน่วนค่อยๆ เดินย้อนกลับไป
ก็ไม่รู้ว่าเลี้ยวลดอยู่ในโพรงน้ำแข็งนานเท่าไร ถึงกับทำตัวเองมึนได้สำเร็จ
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบมุกมังกร ที่นี่ประหนึ่งเขาวงกตขนาดใหญ่ ไม่ว่านางจะเดินอย่างไรก็ไม่มีสิ้นสุด
กู้ชูหน่วนนั่งลงพึ่บ ย้อนคิดเส้นทางที่เพิ่งเดินมาโดยละเอียด
ปากทางแยกที่แมงมุมแต่ละตัววนเวียน วนเวียนอยู่ในสมองนางไม่หยุด กู้ชูหน่วนลืมตาขึ้นพึ่บ ในดวงตาเผยรอยยิ้มแห่งความยินดี
เข็มทิศเปิดฟ้า…
ทางแยกเหล่านี้เหมือนเส้นถี่ยิบในเข็มทิศเปิดฟ้าเหลือเกิน
กู้ชูหน่วนหยิบเข็มทิศเปิดฟ้าออกมา นอกจากดูแผนที่แล้ว ยังดูเส้นสายในเข็มทิศเปิดฟ้าอย่างละเอียด
นิ้วมือขาวเนียนของนางเคลื่อนผ่านเส้นสายทีละเส้น สุดท้ายก็หยุดอยู่กับหัวใจเข็มทิศเปิดฟ้า
กู้ชูหน่วนหรี่ดวงตา เลือกทางแยกหนึ่ง พกพาโชคชะตา แล้วขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
ตลอดทาง นางอ้อมฝูงหมาป่าหิมะ อ้อมเยติ(*สัตว์มีขนขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายมนุษย์หรือลิงขนาดใหญ่ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในส่วนที่สูงๆ) และอ้อมเสือดาวหิมะ สุดท้ายมาถึงที่กว้างนำไปสู่น้ำตกโดยสวัสดิภาพ
บนธารน้ำแข็ง น้ำตกพันจั้งทอดตัวลงล่าง ลักษณะน้ำรวดเร็ว ในธารน้ำแข็งติดลบหลายสิบองศา กลับไม่แข็งตัว แต่เป็นน้ำตกเคลื่อนไหว โอฬารจนต้องเดาะลิ้น
ที่ทำให้กู้ชูหน่วนตะลึงคือ บนสระน้ำตกที่อยู่ไม่ไกล ห้อยมุกมังกรอยู่เม็ดหนึ่ง มุกมังกรประกายวิบวับเม็ดหนึ่ง
ความปรีดาแวดล้อมหัวใจกู้ชูหน่วน
หามาตั้งนาน ในที่สุดก็หามุกมังกรพบ
กู้ชูหน่วนเดินหน้าคิดจะไปเอามุกมังกร แต่ไม่รู้คิดถึงอะไร นางจึงหยุดฝีเท้า
แต่โบราณมา ที่ที่มีวัตถุดิบฟ้าสมบัติประหลาด มักมีสัตว์วิเศษปกปักรักษา
มุกมังกรล้ำค่ายิ่งว่าวัตถุดิบฟ้าสมบัติประหลาดพันหมื่นเท่า จะให้นางได้มาง่ายๆ ขนาดนั้นได้อย่างไร
พวกเขาก็บอกแล้ว ว่าที่นี่มีมังกรน้ำแข็งระดับเจ็ด
กู้ชูหน่วนมองซ้ายแลขวาตรวจสอบ ก็หามังกรน้ำแข็งไม่พบ แม้แค่กลิ่นอายมังกรน้ำแข็งสักนิดก็ไม่ได้กลิ่น
หรือว่า…
มังกรน้ำแข็งจะหลับลึกอยู่ก้นแอ่งน้ำ?
เจอมังกรน้ำแข็งระดับเจ็ด ด้วยการบำเพ็ญของนาง ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่นางต้องได้มุกมังกรมาให้ได้
กู้ชูหน่วนหมดหนทาง ถึงที่นี่จะมีอันตรายร้อยแปด ก็ได้แต่เสี่ยงสักครั้ง
นางลูบแผลตรงท้องที่ยังเจ็บนิดๆ กัดฟัน ฉุกวิชาตัวเบาขึ้นถึงขีดสุด แตะปลายเท้าก็คิดเอามุกมังกร
อย่างไม่ทันระวัง นางเพิ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ ขาขวาก็ถูกฉุดกลับมาแล้ว
เสียงโมโหอันคุ้นเคยดังขึ้น “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ มุกมังกรจะให้เจ้าเอาได้ง่ายๆ อย่างนั้นได้อย่างไร?”
กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะมอง ที่ตวาดเสียงต่ำใส่นางหาใช่ใครอื่น แต่เป็นเย่จิ่งหาน
สีหน้าเย่จิ่งหานขาวซีด มองออกว่าอาการบาดเจ็บเขายังไม่หาย เนื่องจากเดินทางไกล เนื้อตัวของเขาจึงมีฝุ่นลมมอมแมม พกพาความอ่อนล้านิดๆ
“เจ้ามานี่ได้อย่างไร?”
“นั่นต้องถามเจ้า”
พูดถึงพวกเผ่าเทียนเฟิ่น นางตีเขาสลบ ให้คนบังคับพาเขาออกไป ส่วนตัวเองกลับมาเสี่ยงอันตรายที่นี่ ดวงใจเย่จิ่งหานมีไฟอยู่เต็มทรวง
ถ้าเขามาช้าอีกนิด กู้ชูหน่วนต้องตายแบบไม่ต้องสงสัย
ผู้หญิงคนนี้ ชอบให้คนเป็นห่วงขนาดนั้นหรือ?
“มุกมังกรอยู่ตรงนั้น ข้าต้องเอามาให้ได้”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเย่จิ่งหานมาถึงแดนเหนือสุดในเวลาอันสั้นอย่างนั้นได้อย่างไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ที่แดนเหนือสุด
ยามนี้นางต้องการเพียงมุกมังกรเม็ดนั้น
“ล่อมังกรน้ำแข็งออกไปก่อน” เย่จิ่งหานบ่งบอกให้นางหาที่หลบไกลหน่อย
ตัวเองหาหินน้ำแข็งก้อนหนึ่ง โยนลงไปในแอ่งน้ำแรงๆ
“จ๋อม…”
แอ่งน้ำกระเซ็นน้ำขึ้นมา คลื่นน้ำแผ่ขยายเป็นวง สุดท้ายก็หายไป
มังกรน้ำแข็งก้นแอ่งน้ำไม่ได้ปรากฏตัว
และไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ที่นี่เงียบสงบจนน่ากลัว
เย่จิ่งหานยังคงไม่วางใจ หาน้ำแข็งก้อนใหญ่กว่าเดิมโยนลงไป สุดท้ายก็ยังเป็นเหมือนก่อนหน้านี้
กู้ชูหน่วนค่อยๆ เดินออกมา ท่าทีแข็งกร้าว “อยากได้ของสิ่งหนึ่ง ก็ต้องทุ่มเท มุกมังกรเม็ดนี้ข้าต้องได้มาให้ได้”
“เย่จิ่งหาน เจ้าไม่ควรมาที่นี่ ฉวยโอกาสตอนนี้ที่มังกรน้ำแข็งยังไม่ตื่น เจ้ารีบไปเถอะ”
“น่าขัน! เจ้าเป็นชายาที่ข้าแต่งตามประเพณี เจ้าไม่ไป ทำไมข้าต้องไป”
กู้ชูหน่วนย่ำเท้า
“เจ้าหาที่ตายเอง เกิดมาตายที่นี่จริงก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”
ว่าแล้วนางก็คิดไปเอามุกมังกร
เย่จิ่งหานกดบ่านาง “เจ้าถอยไป เข้าจะไปเอามุกมังกรเอง”
กู้ชูหน่วนมองเขาอย่างสงสัย ในดวงตามีการประเมิน
เย่จิ่งหานหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง ปล่อยให้นางประเมินอย่างเปิดเผย “มุกมังกรเม็ดเดียว ข้ายังเสียดายหรือ ได้มาแล้วก็จะส่งให้เจ้า”
ได้ยินดังนั้นกู้ชูหน่วนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
เย่จิ่งหานช่วยด้วยชีวิตหลายครั้งหลายครา นางมีเหตุผลอะไรสงสัยเขา
“ไม่ต้อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า หลบให้ดีล่ะ”
“ฮ่าๆๆ…สามีภรรยารักลึกซึ้งดี วันนี้พวกเจ้าสองคนไม่ว่าใครก็อย่าคิดเอามุกมังกรไป!”
เสียงหัวเราะดังกังวานดังขึ้น เสียงหัวเราะดูสูงวัยเล็กน้อยแต่กลับมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม
เขายังอยู่อีกไกล แต่เสียงถึงก่อนแล้ว คาดว่าต้องเป็นยอดฝีมือแห่งยุคแน่
“ฟิ่วๆๆ…”
ไม่นาน ตรงหน้ากู้ชูหน่วนกับเย่จิ่งหานก็ปรากฏผู้เฒ่าสองนาม
ผู้เฒ่าคนหนึ่งอายุมากกว่าหกสิบ คนหนึ่งมากกว่าเจ็ดสิบ
คนชราทั้งสองมีชีวิตชีวา แค่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ก็มีความน่าเกรงขามแลใต้หล้าแล้ว แม้แต่อากาศก็ตึงเครียดหลายส่วน
พวกเขาหาใช่ใครอื่น คือรองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่แห่งเผ่าเทียนเฟิ่นนั่นเอง
สีหน้ากู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานเปลี่ยนเล็กน้อย
“เป็นพวกเจ้า พวกเจ้ารู้ที่นี่ได้อย่างไร?”
“เฮอะ…พวกเจ้าหามาถึงที่นี่ได้ ไยเราจะไม่ได้?”
กู้ชูหน่วนมองทางเย่จิ่งหาน ใช้สายตาสื่อความ หรือเขาถูกสะกดรอยตาม
เย่จิ่งหานส่ายหน้า
เรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาจะประมาทถึงขนาดให้คนสะกดรอยตามได้อย่างไร
กู้ชูหน่วนทำงานไม่มีเหตุผล มักทำงานลึกลับ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจส่วนหนึ่ง ส่งคนสนิทสะกดรอยตาม
ภายหลัง นางเร็วเกินไป ลูกน้องเขาตามไม่ทัน รีบรายงานเขา เขาครุ่นคิดหลายตลบ ถึงสงสัยว่านางจะมาแดนเหนือสุด
ขณะมาแดนเหนือสุด เขายังไม่กล้ามั่นใจว่านางอยู่ที่นี่
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ยกรอยยิ้มจาง
“ที่แท้พวกเจ้าก็สะกดรอยตามเวินเส้าหยีนี่เอง”
“อ้อ…ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าเราสะกดรอยตามเวินเส้าหยีล่ะ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกับสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่มองมุกมังกรที่ห้อยอยู่บนน้ำตกด้วยความละโมบ สนใจถ้อยคำของกู้ชูหน่วนนิดหน่อย
“ง่ายมาก พวกเขาเพิ่มกลิ่นดอกบัวบนตัวเวินเส้าหยี เมื่อก่อนกลิ่นดอกบัวของเขาบางๆ จางๆ แต่มาแดนเหนือสุดครั้งนี้ กลิ่นบนตัวเขาฉุนกว่าเดิมมาก”