อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 600 พบศัตรูคู่อาฆาตสองคน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 600 พบศัตรูคู่อาฆาตสองคน
“อีกอย่าง เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น ถึงเผ่าเทียนเฟิ่นจะเจอกับศัตรูตัวฉกาจ ถึงพวกเจ้าจะซ่อนเขารักษาบาดแผลบนเตียงน้ำแข็งในห้องลับ แต่การรักษาแผลไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียความสามารถในการเดินเหินกระมัง”
“พวกเจ้ารู้ว่าข้าเห็นเวินเส้าหยีต้องลักพาตัวไปแน่ พวกเจ้ารู้เรื่องทางลับทางนั้นอยู่แล้ว แต่พวกเจ้าไม่ได้ฆ่าล้างให้สิ้นซาก แต่จงใจปล่อยพวกเราไป พวกเจ้าอยากปล่อยสายยาวล่อปลาใหญ่ ข้าเดาไม่ผิดกระมัง”
กู้ชูหน่วนกล่าวอีกมาประโยคหนึ่ง สีหน้าของเย่จิ่งหานก็ตึงขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
จิตสังหารที่มีต่อกู้ชูหน่วนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
เย่จิ่งหานกล่าวด้วยโทสะ “กู้ชูหน่วน เจ้ารู้กลิ่นบนตัวเวินเส้าหยีชัดอย่างนั้นได้อย่างไร?”
กู้ชูหน่วนผงะ
ราวกับคิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานจะเกรี้ยวกราดฟ้าผ่าเช่นนี้
นางยกมือสาบาน “ข้าขอสาบาน ที่ข้ารู้กลิ่นบนตัวเขา แค่เพราะข้าเป็นหมอคนหนึ่งเท่านี้ หมอมีความจำพิเศษกับกลิ่น”
“แก้ตัว เช่นนั้นเจ้าลักพาตัวเขาไปทำอะไร? หรือว่าเห็นเขารูปงาม อยากเก็บเขาเอาไว้”
“ฟ้าดินมโนธรรม ข้ามีเจ้าคนเดียวยังเหนื่อยไม่พออีกหรือ ทำไมต้องหาเรื่องมาใส่ตัวด้วย เวินเส้าหยีคนนั้น เขาวิเศษหรือไร? ข้ายังอยากอยู่ต่ออีกหลายๆ ปีนะ”
อีกอย่าง ด้วยสัมพันธ์ของเผ่าหยกกับเผ่าเทียนเฟิ่น นางจะชอบใครก็ไม่มีทางชอบเวินเส้าหยีไหม
เย่จิ่งหานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ?”
จริงเสียยิ่งกว่าจริง
“ข้าเหนื่อยมากหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่ข้ายังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรือ ข้าคนงามใจเมตตา อ่อนโยนเอาใจเป็นที่สุด เด็กดี ลูบขนให้เจ้า อย่าโมโหอีกเลย พิษจะได้ไม่กำเริบ ข้าจะปวดใจนะ”
แม้รู้ว่านางมดเท็จทั้งเพ สีหน้าเย่จิ่งหานยังกลายเป็นดีมากขึ้นไม่น้อย
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกับสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ต่างหัวเราะเยาะ
“จะตายอยู่รอมร่อ ยังเกี้ยวพาราสีอันอีก วันนี้พวกเจ้าสองคนใครก็อย่างรอดไปจากนี่ได้”
ยิ้มที่เหยียดยิ้มออกของกู้ชูหน่วนพลันหายไป มองทางพวกรองหัวหน้าเผ่าซือคงด้วยความเย็นชา
“ข้าขอเดาอีก ที่พวกเจ้ามานี่ หัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นคงไม่รู้กระมัง? พวกเจ้าไม่เพียงคิดกำจัดข้า บางทีอาจยังคิดกำจัดเวินเส้าหยีด้วย ชิงอำนาจของเผ่าเทียนเฟิ่น”
“ฟิ่ว…”
จิตสังหารของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่พลุ่งพล่านออกมาอย่างไม่ปกปิด
“จุๆๆ พวกเจ้าว่า พวกเจ้าอายุปูนนี้แล้ว แต่ละไม่มีเมียมีลูก ลงดินครึ่งตัวแล้ว ยังจะชิงอำนาจอะไรอีก เบื้องหลังเผ่าเทียนเฟิ่นลึกมากละสิ อยากควบคุมเผ่าเทียนเฟิ่นทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกระมัง ถึงพวกเจ้าจะชิงอำนาจมาได้ แล้วยังอยู่ได้อีกกี่วัน?”
“ถ้าข้าเป็นพวกเจ้า หาคู่สักคนใช้ชีวิตรักๆ ใครๆ มั่นคง ทำตามหน้าที่ดีกว่า เกิดวันไหนตายขึ้นมาจะไม่มีใครเก็บศพพวกเจ้า”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกระทืบเท้า น้ำแข็งที่ห้อยอยู่ในถ้ำน้ำแข็งสะเทือนตามไปด้วย พุ่งมาทางกู้ชูหน่วนฟิ่วๆๆ
เย่จิ่งหานเพ่งสายตา ขลุ่ยหยกขาวในมือขวาง เสียงขลุ่ยดังขึ้นอย่างปราศจากคนบรรเลง
เสียงขลุ่ยเสนาะนั้นกลายเป็นชี่ทิพย์แข็งแกร่งสายหนึ่ง กระแทกน้ำแข็งที่พุ่งมาถึงตรงหน้ากู้ชูหน่วนปลิว
สองฝ่ายระวังเชิง
ฝีมือรองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ถึงระดับหก
เย่จิ่งหานถดถอยจากเพดานระดับหกลงระดับห้า ทั้งยังเจ็บหนัก ในตัวมีพิษหลายชนิด
กู้ชูหน่วนแค่ระดับสอง บ่า แขน ท้องล้วนมีแผล โดยเฉพาะตรงท้องถูกมือสังหารชุดดำฟันสองที อาการบาดเจ็บสาหัส
นางไม่ใช้วรยุทธ์ยังพอว่า พอใช้ปากแผลก็อาจปริได้ทุกเมื่อ
สถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ทั้งแล้วก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่เอื้อ แข็งปะทะแข็ง พวกเข้าต้องตาย
นอกเสียจาก…
ทั้งสองสบตากันทีหนึ่ง และคิดได้คำเดียว ปัญญา
กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย “ตาแก่ ข้ารู้ว่าเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า เพราะฉะนั้นศึกนี้ ไม่สู้ก็ได้ เรามาเจรจาเงื่อนไขกันเถอะ?”
สายตารองหัวหน้าเผ่าซือคงหรี่นิดๆ เมื่อเชื่อถ้อยคำกู้ชูหน่วนชัด
นางเด็กนี่ฉลาดเป็นกรด
“นั่นไง เจ้าก็เห็นแล้ว มุกมังกรอยู่ตรงนี้ ใครหยิบมุกมังกรไปก็เป็นของคนผู้นั้น มุกมังกรเม็ดนี้ เราไม่แย่งกับพวกเจ้าแล้ว ให้เจ้าแล้วกัน”
“เฮอะ…เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ถ้าเอามุกมังกรได้ง่ายอย่างนั้น ทำไมเจ้าไม่เอา?”
“ข้าก็อยากเอา กลัวแต่พวกเจ้าไม่ให้”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงวิเคราะห์ถ้อยคำของนางโดยละเอียด
นางอยากให้ตนไปเอา จะได้ล่อสัตว์ร้ายบางชนิดที่นี่ หรือไม่ก็สู้กับสัตว์มีพิษใช่ไหม?
หรือว่านางอยากเอาเอง แล้วกระตุกสัตว์ร้าย ใช้มันมาต่อกรกับพวกเขา
“ไม่ต้องห่วง มุกมังกรเป็นของเรา และพวกเจ้าก็ต้องตายด้วย”
“เฮ้อ…น่าเสียดายจริงๆ พวกเจ้าสองคนดีชั่วก็เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่น ทำไมประสบการณ์จึงน้อยนิดขนาดนั้น”
“เจ้าอยากพูดอะไร?” รองหัวหน้าเผ่าซือคงถาม
ทำไมเขารู้สึกว่าพูดกับนางคนนี้มากแล้ว จะยิ่งหลงกลใหญ่
“ได้ยินว่าละแวกมุกมังกรมีสัตว์พิทักษ์อยู่ ไม่แตะมุกมังกรยังดี ถ้าแตะ สัตว์พิทักษ์ก็จะปรากฏตัวออกมา ถ้าข้าเป็นพวกเจ้าสองคน จะเก็บชีวิตตัวเองไว้ แล้วใช้พวกเราล่อสัตว์พิทักษ์ออกมา หรือไม่ก็ต่อกรกับสัตว์พิทักษ์”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกับสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่สบตากันทีหนึ่ง เห็นความฉงนใจจากดวงตาอีกฝ่าย
ถ้อยคำของนางกล่าวได้ไม่ผิด
แต่เมื่อออกมาจากปากนาง ทำไมมักรู้สึกชอบกลตรงไหน?
มีใครที่ไหนรีบเอาตัวเป็นเหยื่อล่อ?
“นั่นไง พวกเจ้าก็คิดกันเอาเอง ถึงอย่างไรเราสองคนก็เจ็บหนัก หนีไม่พ้นหุบเขาห้านิ้วของพวกเจ้าอยู่แล้ว” กู้ชูหน่วนแบมือทั้งสอง ตามสบายอิสระ ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ถามเสียงต่ำ “รองหัวหน้าเผ่า ท่านว่านางเด็กนี่อยากพูดอะไร หรือว่านางอยากทำอะไร?”
“ไม่ว่านางคิดอยากทำอะไร ที่นางว่ามีก็มีเหตุผลหลายส่วน”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงทำตัวตรง น้ำเสียงพกพาคำสั่ง “พวกเจ้าสองคน ไปเอามุกมังกรมา”
ถ้ำน้ำแข็งก็ใหญ่แค่นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีวรยุทธ์สูงเพียงไร แผนการมากอย่างไร ต่อหน้าพวกเขายอดฝีมือระดับหกยังจะพลิกฟ้าได้หรือ?
เพราะ…
ฝีมือเย่จิ่งหานถดถอย ถ้าไม่อยู่ราวๆ ระดับห้าระยะต้นกับระยะกลาง แล้วยังเจ็บสาหัส
กู้ชูหน่วนทำเป็นลำบากใจ “แล้วถ้าข้าทำสัตว์พิทักษ์ตื่นล่ะ? เห็นว่าสัตว์พิทักษ์ข้างมุกมังกรร้ายกาจจะแย่”
“ร้ายกาจแค่ไหน ฝีมือถึงระดับหกหรือ?”
กู้ชูหน่วนเบะปาก “ไม่แน่ว่าจะเป็นมังกรน้ำระดับเจ็ดล่ะ?”
“น่าขัน! โลกนี้มีเพียงมังกรไฟระดับเจ็ดตัวเดียวเท่านั้น แล้วก็มังกรน้ำแข็งระดับเจ็ด มังกรน้ำแข็งระดับเจ็ดถูก…ฆ่าตายนานแล้ว”
โลกนี้ใครก็รู้ มังกรน้ำแข็งระดับเจ็ดถูกเจ้าสำนักอสุราสังหารนานแล้ว
แม้เป็นยามนี้ พวกเขาก็ไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะเป็นเจ้าสำนักอสุรา
ฝีมือนาง ด้อยเกินไปจริงๆ
“จุๆๆ ใครว่ามีสองตัว ข้าบอกว่าสามตัว ตัวที่สามอยู่ที่นี่”
“ได้ๆๆ พวกเจ้าไม่ต้องจ้องแล้ว ให้ข้าไป ข้าไปก็ได้ แต่ถ้าทำสัตว์พิทักษ์ตื่นขึ้นจริง พวกเจ้าถูกมันฆ่าตายก็อย่ามาโทษข้านะ”
เย่จิ่งหานกล่าว “ข้าไปแล้วกัน น้ำตกนั้นมีค่ายกลซ่อนเงื่อนอยู่ ด้วยฝีมือเจ้า ไม่แน่ว่าจะทลายได้”