อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 602 เวทมนตร์
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 602 เวทมนตร์
ได้ยินคำว่าท่านพี่สองคำ หัวใจของเย่จิ่งหานก็หวานเยิ้มราวกับถูกทาด้วยน้ำผึ้ง
ยังนับว่าผู้หญิงคนนี้มีมโนธรรมอยู่บ้าง ไม่เสียแรงที่เขาเดินทางไกลเป็นพันลี้มาเพื่อตามหานางที่นี่
“ตูม……”
ความเร็วในการถล่มของถ้ำน้ำแข็งยังร้ายแรงการที่พวกเขาคาดคิดซะอีก
ตอนนี้วิชาตัวเบาของพวกเขาทั้งสองก็นับว่าอยู่อันดับต้นๆในวงการยุทธภพ ก็ยังจนปัญญาที่จะออกไปได้อย่างปลอดภัย เกือบโดนก้อนน้ำแข็งถล่มลงมากระแทกเข้าอยู่หลายครั้ง
“ตูม……” เส้นทางเบื้องหน้าล้วนถูกปิดไปตามๆกัน เย่จิ่งหานจับมือกู้ชูหน่วนไว้เลือกเส้นทางเส้นแล้วเส้นเล่า
ฉับพลันนั้น ได้ยินเพียงเสียงกึกเสียงหนึ่ง
ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็ลื่นไถลลงมาจากด้านล่างของถ้ำ เส้นทางหน้าหลังซ้ายขวาของพวกเขาล้วนถูกสกัดกั้นไว้แล้ว
กู้ชูหน่วนเบิกตาโพลง คิดจะสะเทือนน้ำแข็งเหล่านั้นแล้วหนีออกไปเป็นเส้นทางเลือดก็ไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงมองดูหินน้ำแข็งก้อนนั้นกระทบลงมานิ่งๆ
ในช่วงเวลาวิกฤต เย่จิ่งหานโอบนางไว้ในอ้อมกอดอย่างฉับพลัน ใช้หน้าอกของตัวเองต้านทานน้ำแข็งก้อนใหญ่นั่น
“ฟู่ว……”
เลือดของเย่จิ่งหานตกลงบนแก้มของนาง
หินน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่างของถ้ำยังคงกลิ้งลงมาทีละก้อนๆอย่างต่อเนื่อง กู้ชูหน่วนขับเคลื่อนฝ่ามือ สะเทือนหินน้ำแข็งออกไป โอบเย่จิ่งหานแล้วแฉลบตัวไปด้านข้างที่ปลอดภัย
นางคำรามด้วยความโกรธ “ท่านเสียสติไปแล้วหรือ? ท่านไม่รู้หรือว่าหินน้ำแข็งก้อนนั้นจะกระแทกจนท่านตายได้”
“เพียงแค่เจ้าปลอดภัย ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว”
เสียงของเย่จิ่งหานแผ่วเบา เบาจนทำให้คนคิดว่า นั่นเป็นการหูแว่ว
กู้ชูหน่วนเจ็บปวดหัวใจในพริบตา
นางกอดเอวที่แข็งแรงของเย่จิ่งหานไว้ แสดงความอ่อนแอของตัวเองต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก
“ทำไมหรือ?”
เย่จิ่งหานทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
เขาไม่เคยเห็นกู้ชูหน่วนที่เป็นแบบนี้มาก่อน
กู้ชูหน่วนที่เขารู้จักไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน เป็นคนที่ช่ำชองในการสร้างปัญหาที่สุด แต่กลับไม่เคยเห็นนางยอมแพ้อย่างจริงจังมาก่อน
กู้ชูหน่วนพูดด้วยความคับข้องใจ “ไม่เป็นไร ขอพิงไหล่ท่านครู่หนึ่งเท่านั้น”
พูดพลาง นางก็ปล่อยเย่จิ่งหาน มองหลังของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด “เจ็บหรือไม่?”
“ไม่เจ็บ แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อน ก่อนที่ถ้ำน้ำแข็งจะพังทลายลงโดยสมบูรณ์”
“ดี”
ขลุ่ยยาวของเย่จิ่งหานตั้งขวาง ทำให้หินน้ำแข็งเบื้องหน้าทั้งหมดสะเทือนลอยไป พากู้ชูหน่วนวิ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
หากเขาช้าไปก้าวหนึ่ง พวกเขาสองคนก็จะต้องตายอยู่ที่นี่ เพราะทันทีที่พวกเขาจากไป ภูเขาลูกนั้นก็พังถล่มลงมาทั้งลูกแล้ว ทั้งยังขยายตัวต่อไปด้านนอกไม่หยุด
“ครืน…..”
เสียงดังสนั่นฟ้า สั่นสะเทือนจนกู้ชูหน่วนหูอื้อ และไม่รู้ว่ามังกรน้ำตัวนั้นเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถ้ำน้ำแข็งข้างหนึ่งสึกกร่อนอีกข้างหนึ่งทรุดตัวลง
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แดนเหนือสุดทั้งดินแดนก็จะถล่มทลายทั้งหมด
วิ่งวิ่งไป ในเส้นทางที่ตัดกันไปมากู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานก็หลงทางโดยสมบูรณ์
กู้ชูหน่วนค้นหาเข็มทิศเปิดฟ้าด้วยความกระวนกระวายใจ จึงได้พบว่าเข็มทิศเปิดฟ้าได้สูญหายไปในขณะที่วิ่งโดยไม่ทันระวัง
ตอนนี้ทำได้เพียงอาศัยความทรงจำของตัวออกไปจากที่นี่เท่านั้น
“เย่จิ่งหาน ตอนที่ท่านมาผ่านทางแยกมากมายขนาดนี้จนมาหาข้าเจอได้ยังไงกัน?”
“เดินหลับตาสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามา
“งั้นท่านลองหลับตาแล้วเดินอีกครั้ง ดูซิว่าจะออกไปได้หรือไม่”
“ข้ากลัวว่าทันทีที่หลับตา ก็จะถูกหินน้ำแข็งเหล่านั้นทับตายน่ะสิ”
“……”
เหตุผลนี้
นางโต้เถียงไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เสียงการต่อสู้ในระยะไกลยังคงดำเนินต่อไป และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆยากที่จะจินตนาการได้ว่า คนสองคนกับมังกรหนึ่งตัวจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพียงใด
เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ถ้ำน้ำแข็งพังลงแล้ว เสียงการต่อสู้ก็สิ้นสุดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะหินน้ำแข็งบนถ้ำน้ำแข็งร่วงหล่นกระจัดกระจายอยู่ กู้ชูหน่วนคงคิดว่า ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นแล้ว
ทั้งสองนั่งหอบบนกำแพงน้ำแข็ง
กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม “ท่านว่า รองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่จะถูกมังกรน้ำฆ่าตายหรือไม่?”
“ข้าว่ายาก”
“อ๋อ……”
“คนในเผ่าเทียนเฟิ่นเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ เพียงแต่หัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันห้ามไม่ให้คนในเผ่าใช่เวทมนตร์ที่ชั่วร้ายอีก รองหัวหน้าเผ่าซือคงและสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ไม่เพียงแต่เป็นผู้อาวุโสในเผ่า ยังเป็นยอดฝีมือระดับหกด้วย ระหว่างที่เผชิญหน้ากับความตาย พวกเขาจะไม่ใช้เวทมนตร์ได้อย่างไร”
“ดังนั้น ท่านหมายความว่า มังกรน้ำแพ้แล้วหรือ?”
“นั่นก็ไม่แน่ มังกรน้ำเป็นสัตว์ร้ายระดับเจ็ด แม้ว่าต่างกันระดับเดียว แต่ศักยภาพก็ยังคงมีความแตกต่างกันมาก หากว่าข้าเดาไม่ผิด พวกเขาน่าจะแพ้และบาดเจ็บทั้งคู่ ไม่มีใครได้เปรียบใคร”
เย่จิ่งหานมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าฉาบด้วยความภูมิใจ “ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีลักษณะเหมือนเจ้า สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ข้ามระดับได้ กระทั่งยังข้ามไปสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่สูงไปอีกหลายระดับด้วย”
“คำนี้…..คือคำชมหรือคำติ?”
“ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเจ้าละกัน”
เย่จิ่งหานมองดูถ้ำน้ำแข็งที่แยกเป็นทางแยกแต่ละอันด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนที่เขามาก็ไม่ได้มีทางแยก ทำไมตรงนี้ถึงได้มีทางแยกมากมายขนาดนี้?
หากไม่รีบออกไป คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่นๆที่นี่แน่
ร่างกายเขาบาดเจ็บ แข็งชนแข็งไม่ใช่วิธีการที่ดี
กู้ชูหน่วนกล่าว “ไม่งั้น ทุกร่องสองทางแยก พวกเราไปทางซ้ายสุด ทางแยกสามทางขึ้นไป ไปทางขวาสุด?”
“ได้”
เย่จิ่งหานจัดการกับบาดแผลที่หลังง่ายๆ แล้วเดินทางต่อกับกู้ชูหน่วน
เนื่องจากกลัวว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงจะพบพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำเครื่องหมายระหว่างทาง
คิดไม่ถึงว่าจะยังได้เจอกับสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่เข้าอีกจริงๆ
มีเพียงสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ผู้เดียว รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเดินหลงกันหรือไม่
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ได้รับบาดเจ็บ หน้าอกถูกควักเป็นรูเลือด บนตัวก็มีแผลถูกกรงเล็บข่วนอย่างรุนแรงมากมายหลายที่ เผยให้เห็นกระดูกน่าสยดสยอง
ที่น่าแปลกคือ รูเลือดที่หน้าอกของเขาไม่มีเลือดไหล ด้านในก็มองไม่เห็นอวัยวะภายในใดๆอีกด้วย
ราวกับว่าอวัยวะภายในของเขาถูกล้วงไปแล้วเช่นนั้น
เขายิ้มอย่างโหดร้ายแล้วกล่าว “ตอนที่หาด้วยความยากลำบากกลับไม่เจอ แต่ดันมาเจอได้โดยบังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่ายังจะเจอพวกเจ้าทั้งสองในเขาวงกตเป็นชั้นๆนี้ได้”
กู้ชูหน่วนเพ่งมองหน้าอกของเขา กล่าวด้วยสายตาอันเฉียบคม “เจ้า……อวัยวะภายในของเจ้าล่ะ?”
“นังเด็กโง่ เจ้าไม่รู้ล่ะสิ เผ่าเทียนเฟิ่นมีวิชาลับชนิดหนึ่ง เพียงแค่ควักอวัยวะภายในของคนที่ใกล้ตายออก แล้วท่องเวทมนตร์ ก็สามารถมีชีวิตได้อีกครั้ง”
“ดังนั้น……ความจริงเจ้าถึงอายุขัยมานานแล้ว เพราะไม่อยากตายเจ้าจึงฝืนกฎสวรรค์เปลี่ยนชะตาชีวิต ใช้เวทมนตร์อีกครั้ง จึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้”
“ใช่”
กู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหาน เหมือนต้องการจะเอาคำตอบจากเย่จิ่งหาน
ทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีวิทยายุทธที่ผิดธรรมดาเช่นนี้ได้?
หากว่าทุกคนล้วนทำตัวผิดทำนองคลองธรรม ทั้งวัฏจักรการกลับชาติมาเกิด จะไม่วุ่นวายไปหมดหรือ?
เย่จิ่งหานพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง
ยอมรับว่าสิ่งที่สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่กล่าวเป็นความจริงทุกอย่าง
กู้ชูหน่วนเข้าใจรางๆแล้วว่าทำไมหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นจึงไม่ยอมให้คนในเผ่าใช้เวทมนตร์อีก
เวทมนตร์นี้ เกรงว่าจะต้องมีการชดใช้ไม่น้อยสินะ