อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 603 เสียงสังหาร
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 603 เสียงสังหาร
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ยและกล่าว “ข้าก็ว่าเป็นวิชาลับอะไรกัน ที่แท้ก็แค่เอาอายุขัยของลูกศิษย์และลูกหลานมายืดอายุของตัวเองก็เท่านั้น จึจึจึ ตาเฒ่า เจ้าก็ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้วล่ะมั้ง ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ในเผ่าเทียนเฟิ่น เจ้าว่า เจ้ายังมีสิทธิ์ได้เป็นสุดยอดผู้อาวุโสอีกหรือไม่นะ?”
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ยิ้มอย่างน่ากลัวมาก ดวงตาเย็นยะเยือกปรากฏแสงแห่งแรงสังหารอันเยือกเย็น
“พวกเจ้าโชคดีมาก ที่ได้ตายด้วยน้ำมือของข้า”
“ข้ากู้ชูหน่วนอะไรก็กินทุกอย่าง แต่ไม่ยอมเสียเปรียบ ใช้ไม้แข็งกับข้าไม่ได้ ตาเฒ่า ถึงฆาตแล้ว ควรไปนรกแล้ว เจ้าอายุปูนนี้แล้วยังไม่ลงนรกไปอีก จะให้คนที่มีชีวิตอยู่ไปยืนกันที่ไหนล่ะ”
“ให้พวกเจ้าเลือกสองทาง อย่างแรก มอบมุกมังกรออกมา ข้ารับประกันว่าศพจะครบทั้งร่าง อย่างที่สอง เวทมนตร์ของเผ่าเทียนเฟิ่น จะทำให้พวกเจ้าเสียใจที่ได้มาอยู่บนโลกนี้”
“ข้ากลัวจังเลย เวทมนตร์ เก่งกาจนักหรือ? ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกัน”
“เย่จิ่งหานมายืนอยู่เบื้องหน้ากู้ชูหน่วนช้าๆ ขวางกั้นนางกับสายตาของสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ไว้
“เจ้าถอยไป ข้าเอง”
“เอาเถอะ ท่านไปก็ท่านไป”
หลังจากกู้ชูหน่วนพูดจบ กวาดตามองดูซ้ายขวาเล็กน้อย หลังจากพบว่าไม่มีรองหัวหน้าเผ่าซือคงอยู่ ถอนเท้าได้ก็วิ่งไปทางซ้าย รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ไม่สนใจความเป็นความตายของเย่จิ่งหานโดยสิ้นเชิง
การกระทำเช่นนี้ของนาง ไม่เพียงทำให้เย่จิ่งหานตะลึงเท่านั้น แต่ได้ทำให้สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่งงงันเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้……
นางเห็นสถานการณ์ไม่ดี วิ่งหนีไปแล้วหรือ?
ไม่ช้า สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ก็ดึงสติกลับมาได้
บางทีมุกมังกรอาจจะอยู่เบื้องหน้าของกู้ชูหน่วน
เขาจรดปลายเท้า คิดจะไล่ตามกู้ชูหน่วนไป ขลุ่ยหยกขาวของเย่จิ่งหานขวางไว้ทันที กั้นขวางทางไปของเขา
“คิดจะไล่ตามนาง เจ้าต้องผ่านด่านนี้ของข้าให้ได้ก่อน”
“เย่จิ่งหาน นางทิ้งเจ้าแล้ว เพื่อจะมีชีวิตต่อไปนางจึงได้ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”
“เช่นนั้นข้าก็เต็มใจ”
เย่จิ่งหานไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะทิ้งเขาไว้ที่นี่จริงๆ
แม้ว่าจะทิ้งเขาไว้ที่นี่จริงๆ เขาก็จะไม่โทษนาง
“โง่เง่า งั้นข้าก็จะทำให้เจ้าสมใจก่อน แล้วค่อยไปฆ่านาง”
เมื่อสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ยกมือขึ้น ก็ราวกับว่าก้อนน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็งมีตาเช่นนั้น พุ่งชนไปทางเย่จิ่งหานอย่างบ้าคลั่ง
มุมปากของเย่จิ่งหานยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม มืออันขาวสะอาดของเขาลูบขลุ่ยหยกขาว ริมฝีปากบางๆและเยือกเย็นจ่อไปที่ขลุ่ยปิดตาลง ราวกับกำลังเสพสุข เปล่าขลุ่ยขึ้นมาเบาๆ
เสียงขลุ่ยดังขึ้น ราวกับเสียงน้ำพุไหล ทำให้ผู้คนเบิกบานใจ หินน้ำแข็งเหล่านั้นที่ปะทะเข้ามาอย่างบ้าคลั่งก็เหมือนถูกสะกดไว้ ไม่เข้าใกล้อีก
แววตาของสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ดุดันทันที ฝ่ามือหนึ่งเข้าไป ก้อนน้ำแข็งที่ถูกสะกดไว้ก็แตกสลายไปหมด แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน กระแทกไปทางเย่จิ่งหาน
ทันทีที่เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ก้อนน้ำแข็งเล็กๆก็กลายเป็นน้ำเย็น สาดลงบนพื้น จากนั้นก็กลายเป็นเกล็ดหิมะทันที
เกล็ดหิมะค่อยๆลอยขึ้น เริงระบำเป็นวงขึ้นไปในอากาศ งดงามราวกับภูตกำลังร้องเล่นเต้นระบำกันเอง
เสียงขลุ่ยเคลื่อนไหวเล็กน้อย อ่อนหวานไพเราะชวนให้คล้อยตาม ทำให้คนที่ฟังอดไม่ได้ที่จะคลายความระมัดระวังลงโดยไม่รู้ตัว เหมือนดั่งอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ไม่กล้าฟังเสียงขลุ่ยของเย่จิ่งหาน
ทุกคนรู้กันดีว่า ใต้หล้านี้เสียงสังหารของเย่จิ่งหานเป็นศิลปะขั้นสุดยอดไร้เทียมทาน
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับใด เพียงแค่จมดิ่งเข้าสู่ท่ามกลางเสียงขลุ่ยของเขา ก็จะถูกเอาชีวิตไปได้โดยไม่รู้ตัว
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ใช้สิ่งของยัดเข้าไปในหูของตัวเอง ควบคุมหินน้ำแข็งให้โจมตีไปทางเย่จิ่งหานอย่างต่อเนื่อง
น่าเสียดายที่หินน้ำแข็งเหล่านั้นไม่สามารถเข้าใกล้เย่จิ่งหานได้เลย ทยอยร่วงตกไปในระยะที่อยู่ห่างจากเขาประมาณเมตรกว่า
สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ท่องคำสาปเงียบๆ คิดจะใช้เวทมนตร์กำจัดเขา
ข้างหูเป็นเสียงขลุ่ยของเขาที่ยังคงบรรเลงอย่างต่อเนื่อง
เสียงขลุ่ยยิ่งบรรเลงยิ่งเศร้า ทั้งๆที่เขาอุดหูไว้ ก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน