อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 614 แคว้นคนแคระโดนทำลายล้างทั้งแคว้น
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 614 แคว้นคนแคระโดนทำลายล้างทั้งแคว้น
ร่างงูขนาดใหญ่ดิ่งลงไป เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บรรทุกเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนแล้วเหาะขึ้นไป
อยู่ในถ้ำหิมะนานหลายวันเกินไป ทันทีที่เห็นแสงอาทิตย์ ทั้งสองคนแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น เย่จิ่งหานรีบปิดตาของกู้ชูหน่วนไว้ กลัวว่าดวงตาของนางจะได้รับบาดเจ็บ
“นายท่าน ข้าน้อยมาช่วยล่าช้า เชิญนายท่านลงโทษขอรับ” ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียคุกเข่าลง
หลังจากที่เย่จิ่งหานวางกู้ชูหน่วนลงบนพื้น ก็แทบจะกล่าวด้วยความกระวนกระวายคุมตัวเองไม่อยู่ว่า “มีเสบียงและน้ำหรือไม่”
เขาเป็นเหมือนหมาป่าพลัดฝูงที่อาจจะเสียเพื่อนร่วมทางไปได้ตลอดเวลาตัวหนึ่ง กระวนกระวาย เป็นกังวล กระหายเลือด
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียต่างพากันตกใจ เอาเสบียงอาหารและน้ำออกมาจากในตัวด้วยความสั่นเทา
ยังไม่ทันได้ยื่นไป เย่จิ่งหานก็แย่งไปแล้ว ประคองกู้ชูหน่วนไปพลาง ป้อนน้ำให้นาง และฉีกขนมเป็นชิ้นเล็ก ป้อนให้นางกินไปพลาง
มีเสบียงอาหารและน้ำ กู้ชูหน่วนจึงได้ดีขึ้นหน่อย
เจี่ยงเสวียเห็นดังนั้น ก็รีบนำเสื้อคลุมออกมา คลุมให้พวกเขาแต่ละคน
“หมอล่ะ ข้าถามพวกเจ้าว่ามีหมอหรือไม่” เย่จิ่งหานเอ่ยถาม
“นายท่าน ข้าน้อยมาด้วยความรีบร้อน แม้จะพาหมอมาด้วยสองคน แต่ก็แข็งตายระหว่างทางหมดแล้วขอรับ ทว่าห่างจากแดนเหนือสุดไม่ไกล มีแคว้นคนแคระอยู่แคว้นหนึ่ง ข้าน้อยจะไปหาหมอที่แคว้นคนแคระมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าเร็ว รีบพาพวกเราไปหาหมอที่แคว้นคนแคระเดี๋ยวนี้”
“ฟ่อฟ่อ…..”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยความน้อยใจ
ไม่กี่วันมานี้ มันออกตามหานายหญิงมาตลอด เนื้อก็ไม่ได้กิน นอนก็ไม่ได้นอน มันเหนื่อยมาก ขอพักผ่อนสักหน่อยได้หรือไม่
“แค่ตอนนี้เจ้ารีบพาพวกเราไปที่แคว้นคนแคระ หมูย่างที่จวนอ๋องหาน เจ้าอยากกินมากเท่าไหร่ก็กินได้เท่าที่ต้องการ”
“ฟ่อ…..”
ดวงตาใหญ่เท่าไข่ห่านของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปล่งประกายในพริบตา มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
หมูย่าง……
อยากกินเท่าไหร่ก็กินได้มากเท่านั้น?
มันชอบ
กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อของเขาอย่างอ่อนแรง “ข้าไม่เป็นไร ท่าน….ท่านก็กินสิ…..กินอะไรสักหน่อย”
จิตใจอันตึงเครียดของเย่จิ่งหานผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ข้าไม่หิว เจ้าเป็นไข้หนักมากเกินไป จำเป็นต้องรีบไปหาหมอ”
กู้ชูหน่วนมองไปทางหุบเขาน้ำแข็งที่พังทลายลง ดวงตามีความเจ็บปวด
การกระทำอย่างหนึ่งของนาง เย่จิ่งหานก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
เอ่ยถามขึ้น “ชิงเฟิงเจี่ยงเสวีย พวกเจ้าได้เห็นเวินเส้าหยีบ้างหรือไม่”
“รายงานนายท่าน แดนเหนือสุดกว้างใหญ่เกินไป พวกข้าน้อยแบ่งกลุ่มออกไปหานายท่านและพระชายา แต่นอกจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แล้ว ข้าน้อยก็ไม่ได้รับข่าวสารว่ายังมีคนอื่นอีกขอรับ”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าล่ะ ได้เห็นเวินเส้าหยีบ้างหรือไม่?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหัว
วันนั้นมันกินอิ่มเกินไป กำลังนอนขี้เซาอยู่ คิดไม่ถึงว่าหุบเขาน้ำแข็งจะพังถล่มลงมาอย่างกะทันหัน หากไม่ใช่เพราะว่ามันวิ่งเร็ว ชีวิตงูของมันนี้ก็ไม่มีแล้ว
หลังจากนั้นก็สืบหานายหญิงมาตลอด เหนื่อยจนแทบเป็นแทบตาย แต่กลับไม่หาเบาะแสของนายหญิงไม่พบ
จนกระทั่ง……จนกระทั่งได้พบกับชิงเฟิงเจี่ยงเสวีย
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียให้มันลองพยายามหาในบริเวณนี้ มันจึงได้พบนายหญิง
เจี่ยงเสวียขมวดคิ้วแล้วกล่าว “แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าแปลกมากขอรับ ละแวกนี้มีผ้าสีแดงกระจายร่วงอยู่สองสามชิ้น ผ้าสีแดงนั่นดูเหมือนจะเป็นของพระชายา ข้าน้อยเห็นผ้าสีแดง จึงได้สงสัยว่านายท่านและพระชายาอาจจะอยู่ละแวกใกล้เคียงนี้ขอรับ”
เจี่ยงเสวียหยิบผ้าไหมสีแดงออกมา
ผ้าสีแดงนั่นผ้าบนตัวที่เท้าข้าหนึ่งของกู้ชูหน่วนจริงๆ น่าจะเป็นตอนที่พวกเขาร่วงตก ไม่ทันได้ระวังจึงโดนเกี่ยวขาด
แต่……
หิมะถล่มรุนแรงขนาดนั้น
แม้ว่าจะมีผ้าสีแดง ก็ควรจะถูกทับถมแล้วถึงจะถูก จะปรากฏอยู่บนพื้นผิวหิมะได้อย่างไร?
เจี่ยงเสวียอธิบายว่า “แต่ไม่ได้อยู่บนหิมะขอรับ มันถูกฝังอยู่ในพายุหิมะ เป็นตอนที่ข้าน้อยขุดหิมะ แล้วบังเอิญพบเข้าขอรับ”
เย่จิ่งหานพยักหน้า และชำเลืองมองกู้ชูหน่วน
ทั้งคู่รู้ว่า ทางหุบเขาน้ำแข็งเป็นเขตภัยพิบัติร้ายแรง อีกทั้งพื้นที่กว้างใหญ่ แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถขุดเวินเส้าหยีออกมาได้
แม้ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเย่จิ่งหาน ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายน้ำแข็งและหิมะออกได้ในเวลาอันสั้น แล้วค่อยจัดการก้อนน้ำแข็งที่ถล่มลงมาทีละก้อน เพื่อสืบหาเวินเส้าหยี
เขา……
คิดดูแล้วคงไม่มีหวังว่าจะรอดแล้วสินะ
“ไปกันเถอะ” เย่จิ่งหานกล่าว
ฝืนอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเขาทั้งหมดอาจจะตายที่นี่ได้
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เข้าใจ รีบพาเย่จิ่งหานและกู้ชูหน่วนจากไป เหมือนกลัวว่าหลังจากที่กลับไปที่จวนอ๋องหานแล้ว ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียจะขัดขวางการกินเนื้อย่างของมันเช่นนั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จึงถือโอกาสพาพวกเขาไปด้วย
ลมหนาวคำราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมากเช่นนี้ แรงลมจึงได้แรงกว่าก่อนหน้านี้มาก
เย่จิ่งหานกอดกู้ชูหน่วนทั้งคนไว้ในอ้อมแขน คลุมผ้าห่มไว้แน่น พยายามไม่ให้นางถูกลมหิมะพัดโดน ตอนนี้จึงได้ฉวยหยิบเสบียงเข้าปากเติมเต็มท้องเล็กน้อย
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียต่างพากันปล่อยกำลังภายในออกมา เพื่อหยุดยั้งลมอันบ้าคลั่งที่ปะทะเข้ามา ทำให้นายท่านและพระชายาถูกลมพัดน้อยลงหน่อย
แดนเหนือสุดยังอยู่ห่างไกลจากแคว้นคนแคระอยู่ช่วงหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งเดินทางอยู่ครึ่งค่อนวันกว่าจะออกมาได้
“นายท่าน เบื้องหน้าไม่ไกลก็คือแคว้นคนแคระแล้วขอรับ”
สีหน้าของชิงเฟิงซีดขาว อาเจียนอย่างรุนแรงมาตลอดทาง อาเจียนจนน้ำดีออกมาแล้ว ในปากยังบ่นพึมพำติดต่อกัน “หลังจากนี้จะไม่ขี่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แล้ว” สีหน้าของเจี่ยงเสวียก็ดูไม่ดีนักเช่นกัน
ความเร็วของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นั้นรวดเร็วมากจริงๆ
ในตอนแรกเริ่มพวกเขาสามารถช่วยนายท่านขวางกั้นลมหิมะได้ แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาดูแลตัวเองก็ไม่ไหวแล้ว ไม่มีแรงกำลังโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นชิงเฟิงอ้วกซะขนาดนั้น เขาก็รู้สึกคลื่นไส้อย่างฉับพลัน
ไม่ต้องพูดว่าชิงเฟิงไม่อยากนั่ง เขาก็ไม่อยากนั่งเช่นกัน
เย่จิ่งหานกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง ยังทนได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนกัดฟัน “วางใจเถอะ ไม่ตายหรอก”
นางยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ จะมาตายอยู่ที่แดนเหนือสุดกระจอกๆนี่ได้อย่างไร
“ข้าประคองเจ้าเข้าไปในเมือง เจี่ยงเสวีย เจ้าเข้าไปในเมืองก่อนดูซิว่าหมออยู่ที่ไหน”
“ขอรับ”
กลุ่มของเย่จิ่งหานเดินกันช้ามาก เจี่ยงเสวียไปแล้วกลับมาอีกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จิตใจของทุกคนอดตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้
หรือว่าในเมืองไม่มีหมอ?
เจี่ยงเสวียกล่าว “นายท่าน แคว้นคนแคระทั้งแคว้น……ทั้งหมดโดนทำลายล้างไปแล้วขอรับ”
“อะ……อะไร…..” กู้ชูหน่วนโซเซเล็กน้อย
นางผละออกจากอ้อมกอดของเย่จิ่งหาน วิ่งไปทางแคว้นคนแคระ ตอนที่ยังไม่ถึงแคว้นคนแคระ ก็เห็นควันสีขาวหนาแน่ลอยขึ้นท้องฟ้า
จากนอกประตูเมืองมองเข้าไป ในนั้นมีศพระเกะระกะ แต่ละคนถูกสะเทือนจนอวัยวะภายในแหลกและตายทั้งเป็น
คนเหล่านั้น มีทั้งคนที่นางคุ้นหน้า และมีที่นางรู้สึกแปลกหน้า
กู้ชูหน่วนเข้าไปในเมือง ตลอดทางที่เดินไป เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ แคว้นคนแคระอันกว้างใหญ่ นอกจากศพแล้วก็ยังเป็นศพอีก
ชิงเฟิงและคนอื่นๆล้วนทนดูไม่ได้ ในนี้มีผู้เฒ่าที่อายุมากกว่าเจ็ดสิบปี และยังมีเด็กน้อยที่อยู่ในผ้าอ้อมอีกด้วย เป็นใครกันที่โหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะสังหารพวกเขาทั้งหมดได้
“นายท่าน ตอนที่พวกเรามา แคว้นคนแคระยังอยู่ ที่นี่มีการร้องรำทำเพลงอย่างสงบสุข เต็มไปด้วยความปีติสุข……”
“พวกเขาเสียชีวิตมาไม่เกินสองวัน” เย่จิ่งหานกล่าว
ร่างกายของกู้ชูหน่วนเอนเอียง แทบจะทรุดลง
นางเห็นราชินีนอนจมอยู่ในกองเลือด ศพของราชินีแข็งแล้ว ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก
อยู่ไม่ไกลจากราชินี ยังมีแม่ทัพฮัวอีก
แม่ทัพฮัวก็ถูกคนสะเทือนจนเส้นชีพจรขาดและตายเช่นกัน
การกระทำทุกอย่างของคนเหล่านี้ ทุกการขมวดคิ้วทุกรอยยิ้ม ยังคงอยู่หัวของนาง ตอนนั้นนางยังรำคาญที่คนพวกนี้ดื้อดึงรับมือได้ยาก
คิดไม่ถึงว่าหลังจากเดินทางออกจากแดนเหนือสุดแล้ว กลับแยกเป็นโลกคนเป็นและคนตายแล้ว
“ปึง…..”
ฉับพลันนั้น ด้านล่างลำตัวของแม่ทัพฮัวส่งเสียงขึ้นเล็กน้อย ชิงเฟิงชักดาบทันที
เจี่ยงเสวียเคลื่อนศพของแม่ทัพฮัวออก เบื้องล่างร่างกายของนาง มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบสามปีผู้หนึ่งโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน
“องค์หญิงรัชทายาท”
กู้ชูหน่วนร้องเรียกออกมาคำหนึ่ง ประคององค์หญิงรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นมา
นางตรวจชีพจรของนาง อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บร้ายแรง เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
น่าจะเป็นเพราะแม่ทัพฮัวคุ้มกันนางไว้ นางจึงไม่ได้ตายไปทันที แต่คนที่สังหารพวกเขาวิทยายุทธสูงเกินไป ทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ใครเป็นคนทำ” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม
“พี่……พี่สาว…รีบ……รีบไป มีคน…..แก่……ผู้หนึ่งร้ายกาจมาก โหดเหี้ยมมาก….พบ……..เห็นผู้คนก็ฆ่า”
คนแก่?
หรือว่าจะเป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคง?