อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 617 กินซะจนที่จวนยากจนแล้ว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 617 กินซะจนที่จวนยากจนแล้ว
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่อยู่แดนเหนือสุด เย่จิ่งหานจึงอยู่พักฟื้นเป็นเพื่อนกู้ชูหน่วนในจวนอ๋องหาน ที่ไหนก็ไม่ไป
วันนี้ ถึงเวลากินข้าวตอนเที่ยงตรงอีกครั้ง เย่จิ่งหานชำเลืองมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารที่เป็นผัก เลิกคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ในจวนไม่มีเนื้อสัตว์แล้วหรือ? ทำไมมีแต่ผักทุกวัน?”
กู้ชูหน่วนเท้าคางด้วยความเบื่อหน่าย เหลือบมองไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยผัก ไม่มีความอยากอาหารแม้สักนิด กวาดตาเป็นเชิงคำถามไปทางชิงเฟิงที่รออยู่ด้านข้าง
ทุกวันล้วนมีแต่ผัก ปากของนางแทบจะจืดชืดไปหมดแล้ว
ไม่ได้บอกว่าคนป่วยจะต้องบำรุงให้ดีหรือไง?
คนในครัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย?
ชิงเฟิงตัวสั่นเล็กน้อย กล่าวด้วยความเคืองเล็กน้อย “นายหญิง เนื้อในจวนถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินจนหมดเกลี้ยงแล้วขอรับ บนโต๊ะของท่านยังมีเนื้อเป็นฝอยๆอยู่เล็กน้อย แต่พวกข้าน้อยแม้แต่เศษเนื้อก็ไม่ได้กินมาหลายวันแล้วขอรับ”
กู้ชูหน่วนเลือกคีบเนื้อเส้นเล็กๆละเอียดที่ปะปนอยู่ในผัก ตะเกียบสั่นจนแทบร่วงแล้ว
แบบนี้ก็เรียกว่าเนื้อฝอยหรือ?
ในจานหนึ่งเลือกเนื้อออกมาได้ไม่ถึงสามชิ้น เนื้อฝอยนี่บางซะยิ่งกว่าเส้นผมของนางซะอีก?
เย่จิ่งหานกล่าว “ยังกล้าเถียงอีก ถึงแม้ว่าเนื้อในจวนจะถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินไปแล้ว พวกเจ้าก็ไม่รู้จักออกไปซื้ออาหารจากด้านนอกมาเลยหรือไง?”
“ข้าน้อยให้คนไปซื้อแล้วขอรับ แต่จมูกของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไวซะยิ่งกว่าอะไรดี เพิ่งจะซื้อเนื้อกลับมา ก็ถูกมันแย่งไปแล้ว ทุกครั้งที่พวกข้าน้อยซื้อเนื้อมาก็ต้องหลบๆซ่อนๆ ลองมาหลายวิธีแล้ว ก็ยังคงหลบจากสายตาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ขอรับ”
กู้ชูหน่วน “…….”
เย่จิ่งหาน “…….”
พูดถึงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ จิตใจของชิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความโกรธ อยากจะไล่มันออกไปแทบไม่ไหว
ทุกครั้งที่มันมา พวกเขาที่อยู่ในจวนก็ไม่คิดว่าจะได้กินเนื้อแล้ว
น้ำเสียงของเย่จิ่งหานอ่อนลงเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ซื้อเนื้อมาให้มากหน่อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจริญอาหารมากเท่าไหร่ ก็คงจะไม่กินเนื้อจนเกลี้ยงทั้งพระนครหรอกนะ”
“นายท่าน ตอนนี้ราคาเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ พวกไก่ เนื้อปลาและอื่นๆในพระนครล้วนพุ่งขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งต้องการเนื้ออย่างหนึ่งก็ต้องขอร้อง ข้าน้อยซื้อมาน้อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็แย่งน้อย ข้าน้อยซื้อเยอะ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็แย่งเยอะ เนื้อของทั้งพระนครแทบจะถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินจนหมดเกลี้ยงแล้วขอรับ”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนแทบจะตกจากเก้าอี้ มองไปทางชิงเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ
เย่จิ่งหานก็ไม่เชื่อเช่นกัน
งูตัวหนึ่ง แม้ว่าจะกินจุมากเพียงใด จะสามารถกินเนื้อของทั้งพระนครได้จนหมดเกลี้ยงงั้นหรือ?
ชิงเฟิงรีบพูด “จริงนะขอรับ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้เป็นงูตัวเดียวที่กิน แต่ยังชวนงูมากมายหลายตัวมากินเนื้อด้วย สัตว์ชนิดเดียวกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มากินเนื้อกันมากมายไม่ว่า ตอนออกไปยังจะเอาเนื้อติดมือกลับไปเป็นชิ้นใหญ่ๆอีก”
ชิงเฟิงชี้ไปทางขวา ตรงนั้นเป็นสวนดอกไม้ของจวน พื้นที่กว้าง มองไปจากหน้าต่างที่ห้องของพวกเขา ก็สามารถเห็นมุมหนึ่งของสวนดอกไม้ได้พอดี
กู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานมองไปพร้อมกัน ทันทีที่เห็นพวกเขาสองคนก็นิ่งอึ้งไปแล้ว
ในสวนดอกไม้นั่นมีงูอยู่หนาแน่นไปหมด มีงูตัวเล็กตัวใหญ่ งูมีพิษไม่มีพิษ สีสันหลากหลาย แทบจะครอบคลุมงูเกือบทุกชนิด
ที่อยู่ตรงกลางคือเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถูกห้อมล้อมด้วยกองเนื้อ กินอย่างมีความสุข เรอด้วยความอิ่มอยู่บ่อยๆ ใช้หางงูลูบท้องของตัวเอง ทั้งยังส่งเสียงฟ่อฟ่ออีกด้วย
เหมือนว่ากำลังบอกให้เพื่อนของมันกินให้มากๆหน่อย ไม่ต้องเกรงใจ
และพวกประเภทเดียวของมันก็กินอย่างไม่เกรงใจ แต่ละตัวกินไม่หยุด ท้องของงูทุกตัวล้วนกลมดิก
ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาจะไม่เชื่อเด็ดขาดว่า บนโลกนี้จะมีงูมากมายหลายชนิดเช่นนี้
ยิ่งไม่เชื่อว่า จะมีงูจำนวนมากมายขนาดนี้เลื้อยเข้ามาในจวนได้
เมื่อมองดูงูเหล่านั้นอีกครั้ง งูบางตัวกินดื่มอย่างอิ่มหนำแล้วก็เลื้อยหนีไปแล้ว และก็มีกลุ่มใหม่เลื้อยเข้ามาอีกทันที วนเวียนมากินเนื้อ
และไม่รู้ว่าพวกมันได้ข่าวมาจากที่ไหนว่า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลี้ยงอาหารอยู่ที่นี่
ความคิดของกู้ชูหน่วนสับสน
นี่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของนางแน่นอน
สัตว์เลี้ยงของนางไม่ตะกละขนาดนั้น ไม่ได้โง่ขนาดนั้น
เย่จิ่งหานขนหัวลุก “ไม่ว่าหมาแมวที่ไหนก็สามารถเข้ามาที่จวนอ๋องหานได้แล้วงั้นหรือ? งูมากมายขนาดนี้เลื้อยเข้ามาขโมยกินเนื้อ พวกเจ้าก็ไม่รู้จักกั้นขวางไว้”
ชิงเฟิงแบะปาก น้ำเสียงเคืองเล็กน้อย “ข้าน้อยก็อยากขวางไว้ แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอาขนไก่มาทำเป็นคำประกาศิต บอกว่าอะไรนายท่านอนุญาตมันแล้ว กลับถึงจวนอ๋องหาน ให้มันกินเนื้อทั้งหมดได้ ให้มันกินได้จนอิ่ม”
ดวงตาเย็นยะเยือกของเย่จิ่งหานเพ่งไปทางชิงเฟิง
ชิงเฟิงรีบก้มหน้า “ข้าน้อยพลั้งปาก ความหมายของข้าน้อยก็คือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีคำสั่งของท่าน พวกข้าน้อยไม่กล้าขวางขอรับ” คำสั่งของนายท่าน จะเป็นขนไก่ได้อย่างไรกันล่ะ
ถุ้ย หมู่นี้เขาโดนงูเล่นงานจนยับเยินแล้วจริงๆ
เย่จิ่งหานมองไปทางกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นหยิบซุปขึ้นมา ซดไปพลางมองไปทางอื่นพลาง
เรื่องวุ่นวายนี่ นางจะไม่ตามเก็บกวาด
หากวันนี้นางลงมือไล่เพื่อนๆเหล่านั้นของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกไป จากความรักในหน้าตาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ อีกทั้งนิสัยจดจำความแค้น อนาคตจะต้องตามก่อกวนนางแน่
และนางก็ไม่อยากออกไป ให้ถูกกลุ่มงูมากมายหลายชนิดกลุ่มนั้นของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โจมตี
“เรื่องที่ท่านรับปาก ก็จัดการเอง อย่ามองข้า”
เย่จิ่งหานงัดโต๊ะ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้น เขาก็เปิดปากพูด “พวกแม่ครัวไม่ได้กลับบ้านเกิดไปเยี่ยมญาติพี่น้องนานแล้วสินะ”
“ห๊ะ…..” ชิงเฟิงตะลึงทันที
นี่เกี่ยวอะไรกับพวกแม่ครัวด้วย?
“ไป ให้ทุกคนในครัวกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ เงินเดือนจ่ายให้เหมือนเดิม”
“นายท่าน พวกเขาไปหมดแล้ว แล้วพวกเราคนที่อยู่ในจวนจะกินอะไรขอรับ?
“เจ้ากับเจี่ยงเสวียไม่มีมือมีเท้าหรือไง? แม้แต่ทำอาหารก็ทำไม่เป็นเลยรึ?”
“นายท่าน……”
ให้เขาไปฆ่าคน เขาไม่มีปัญหา
แต่ให้เขาทำอาหาร เขาทำไม่เป็นจริงๆนี่นา
เจี่ยงเสวียที่เพิ่งมาถึงได้ยินดังนั้น ก็อดหัวเราะไม่ได้ “นายท่านปราดเปรื่อง พวกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เพียงต้องการกินเนื้อ ยังต้องการกินเนื้อหอมๆที่ย่างอย่างดี ปิ้งอย่างดี และผัดอย่างดีอีกด้วย คนในครัวไปหมดแล้ว ก็ไม่มีคนย่างเนื้อให้พวกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินแล้ว คิดว่าพอนานๆไป พวกมันก็จะกระจายกันไปเองขอรับ”
หลายวันมานี้ พวกแม่ครัวเหนื่อยจนจะเป็นจะตาย ย่างเนื้อต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน เหนื่อยจนหมดแรงไปนานแล้ว ก็ควรให้พวกนางได้พักผ่อนให้ดีๆแล้ว
ชิงเฟิงกล่าวอย่างซื่อๆ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะให้พวกเราไปซื้อเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วจากร้านอาหารมารึเปล่า”
เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว “ที่จวนมีเงินมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ที่จวนมีเงินอยู่มากนี่ขอรับ” ชิงเฟิงเกาหู
เจี่ยงเสวียเข้าใจทันที “ข้าน้อยจะออกประกาศเดี๋ยวนี้ขอรับ บอกว่าที่จวนไม่มีเงินแล้ว ทุกคนในจวนต้องลดอาหารและเครื่องนุ่งห่ม”
ชิงเฟิงหน้างอคอตก
ทำไมเขาถึงโง่ขนาดนี้ แม้แต่สิ่งนี้เขาก็คิดไม่ถึง
เจี่ยงเสวียกล่าวว่า “นายท่าน พระชายา ลานมากมายในจวนล้วนถูกเพื่อนๆของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มุดเป็นรูเล็กๆรูแล้วรูเล่า เพื่อป้องกันไม่ให้โจรเข้ามาขโมยของ ข้าน้อยจะให้คนที่ควบคุมดูแลซ่อมแซมรูงูใหม่อีกครั้ง เรื่องทำอาหาร ก็มอบให้ชิงเฟิงละกันขอรับ”
เมื่อชิงเฟิงได้ยินเขากล่าวเช่นนั้นก็ร้อนใจแล้ว
แค่รูเล็กๆแค่นี้ โจรจะเข้ามาได้ยังไง?
“นายท่าน ข้าน้อยทำอาหารไม่อร่อย ข้าน้อย……”
“อนุญาต นับจากนี้อาหารในจวนก็ให้ชิงเฟิงรับผิดชอบละกัน”
“นายท่าน……”
“เรื่องนี้ก็กำหนดเช่นนี้ล่ะ”
ชิงเฟิงเพ่งมองไปทางเจี่ยงเสวียด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้
ตัวเขาเองไม่อยากรับผิดชอบเรื่องอาหาร ก็ผลักมาที่เขา ช่างไร้คุณธรรมเกินไปแล้วมั้ง
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้นเล็กน้อย ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
แม้ว่ากำลังยิ้ม แต่ในรอยยิ้มกลับมีความหนักใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในใจมีปัญหามากมายเกินไปหรือไม่