อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 619 จวนแม่ทัพที่น่าสงสาร
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 619 จวนแม่ทัพที่น่าสงสาร
วันนี้ คนรับใช้ของจวนอ๋องหานได้ไปซื้อเนื้อของทั้งพระนครมาแล้ว กระทั่งยังส่งคนใช้จำนวนมากไปนอกพระนครเพื่อซื้อเนื้อในปริมาณมากมาด้วย
วันนี้ ประตูจวนอ๋องหานปิดสนิท งูหลากสีสันแต่ละตัวต่างพากันเลื้อยเข้าไปในจวนอ๋องหานโดยมีเป้าหมายเดียวกัน
วันนี้ จวนอ๋องหานเปล่งเสียงงูฟ่อฟ่อฟ่อออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีกลิ่นเนื้อย่างฟุ้งออกมาอีก
วันนี้ หลายคนได้ยินว่าพระชายากลับมาแล้ว อยากจะให้พระชายาเล่านิยายเรื่องฮองเฮาอำมหิตจองใจทรราชต่อ ก็ถูกทำให้ตกใจเตลิดขวัญหนีดีฝ่อไปหมด
ในวันนี้ กู้ชูหน่วนปลอมตัวเป็นผู้ชาย ถือโอกาสขณะที่จวนชุลมุนวุ่นวาย ข้ามกำแพงออกไป
ศาลาหลิงเซวียนตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดของจวน มองลงไปจากตรงนี้ สามารถมองได้ครอบคลุมทั้งจวน แน่นอนว่าก็สามารถเห็นได้ว่าทั้งสวนดอกไม้ของจวนแน่นขนัดไปด้วยงูที่กำลังกินเนื้อย่างอย่างเมามันบ้าคลั่ง
ร่างกายของเจี่ยงเสวียแฉลบ ราวกับสายลมเบาๆ มาถึงเบื้องหน้าของเย่จิ่งหาน
“นายท่าน พระชายาปลอมตัวเป็นผู้ชายหนีออกไปแล้วขอรับ เวลานี้กำลังมุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพ”
เย่จิ่งหานนั่งอยู่บนศาลา มืออันขาวกระจ่างถือเหยือกเหล้าไว้ เทเองดื่มเอง ลมอ่อนพัดผ่าน พัดผ่านเส้นผมสีดำดั่งหมึกของเขา ดูอ้างว้างตัดขาดจากโลกภายนอก
สำหรับคำพูดของเจี่ยงเสวียเขาไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย ราวกับว่าคาดเดาไว้แล้ว
ผ่านไปนาน เย่จิ่งหานพ่นคำหนึ่งออกมาเบาๆ “ปล่อยนางเถอะ ส่งคนแอบตามไปปกป้องด้วย”
“ขอรับ……”
เจี่ยงเสวียพูดจบ ก็ไม่ได้จากไป เหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้
“อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”
“นายท่าน ท่านว่าพระชายาจะตัดใจลงมือได้หรือขอรับ?”
การดื่มเหล้าของเย่จิ่งหานชะงักเล็กน้อย วางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง มองไปทางจวนแม่ทัพ และไม่ได้ตอบ
เจี่ยงเสวียรู้สถานการณ์ไม่กล้าถามอีก ร่างกายแฉลบจากไปทันที เหลือเพียงเย่จิ่งหานนั่งอยู่ในศาลาบนที่สูงผู้เดียว
บนถนนในพระนคร
ตลอดทางที่กู้ชูหน่วนเดินผ่าน ทุกคนล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน
“ได้ยินรึเปล่า ในจวนอ๋องหานมีสิ่งชั่วร้าย งูจำนวนมากเลื้อยไปทางจวนอ๋องหาน”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ในจวนอ๋องหานมีเทพสงครามอยู่ คนที่ตายด้วยมือของเทพสงครามไม่ได้มีแค่พันหมื่น สิ่งชั่วร้ายไหนจะกล้ากระตุกหนวดเสือ”
“จริงนะ ไม่เชื่อเจ้าดูสิ…..งูอีกกลุ่มหนึ่งเลื้อยเข้าไปอีกแล้วน่ะ”
“โอ้ พระเจ้า ทำไมมีงูมากมายขนาดนี้ คนในจวนอ๋องหานไม่ได้ดูแลเลยหรือไง? พวกเขาไม่คิดจะหาวิธีไล่งูออกมาเลยหรือ?”
“ที่น่าแปลกก็คือตรงนี้ จวนอ๋องหานยังออกประกาศห้ามคนรับใช้ทุกคนฆ่างู จับงู ผู้ฝ่าฝืนจะถูกสังหารไม่เว้นอีกด้วย”
“เจ้าได้กลิ่นหรือไม่ ในจวนอ๋องหานมีกลิ่นเนื้อย่างลอยออกมาไม่หยุด ยั่วน้ำลายคนยิ่งนัก”
“ได้ยินมาว่า อ๋องหานส่งคนมาซื้อเนื้อทั้งหมดในพระนคร ทั้งยังไปซื้อเนื้อจากนอกพระนครกลับมาอีกมากมายด้วยล่ะ ทำให้เมืองที่อยู่ใกล้ไกลในตอนนี้ไม่เหลือเนื้ออะไรแล้ว”
“ข้าได้ยินมาแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจว่าจวนอ๋องหานซื้อเนื้อมากมายขนาดนี้มาทำอะไร? พวกเขากินกันหมดหรือ?”
กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ข้างๆโรงน้ำชา ดื่มชาไปพลาง ฟังคนอื่นซุบซิบกันไปพลาง
แต่พอได้ยินวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลับๆล่อว่า “ข้าจะบอกความลับกับพวกเจ้า ได้ยินว่าตัวตนที่แท้จริงของท่านอ๋องหานเทพสงครามก็คือปีศาจร้าย เขาอยากกินเนื้อมนุษย์ แต่ก็กลัวว่าข่าวจะแพร่กระจาย จึงสั่งให้คนไปซื้อเนื้อมาในปริมาณมาก เพื่อทำให้คนสับสนแยกไม่ออก ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเขากินหมูเนื้อแกะและอื่นๆ อันที่จริงคือเขากินเนื้อคน
“ฟู่ว……”
กู้ชูหน่วนพ่นชาออกมา แทบโดนคำพูดของผู้ชายคนนั้นทำให้สำลัก
ทุกคนมองไปที่กู้ชูหน่วนพร้อมกัน
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเก้ๆกังๆ “สำลักเข้าแล้ว โทษที”
ทุกคนเก็บสายตากลับ ซุบซิบกันต่อ “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเทพสงครามเป็นปีศาจร้าย ทั้งยังกินเนื้อมนุษย์ด้วย?”
“ข้ามีญาติของญาติของญาติคนหนึ่งทำงานอยู่ในนั้น เขาบอกข้าด้วยตัวเอง ยังบอกอีกว่าท่านอ๋องสามารถควบคุมงูได้ งูพิษเหล่านั้นล้วนถูกเขาเรียกมา และอาจเป็นไปได้ว่าท่านอ๋องคิดจะก่อกบฏอีกด้วยล่ะ”
“ห๊ะ……จริงหรือเท็จกัน แต่อำนาจอิทธิพลของท่านอ๋อง เขาต้องการตำแหน่งฮ่องเต้ ก็ง่ายดายมาก ต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“ชู่ เรื่องการกบฏทรยศเช่นนี้ เจ้าก็กล้าพูด”
“ใช่ใช่ใช่ พูดไม่ได้พูดไม่ได้”
“ข้าจะบอกความลับอีกอย่างหนึ่งกับพวกเจ้า พวกเจ้ารู้จักพระชายาหานสินะ?”
“รู้จักสิ ได้ยินว่าท่านอ๋องเทพสงครามรักทะนุถนอมนางจนเข้ากระดูกแล้ว”
“ถุยถุยถุย เจ้ารู้เพียงแค่หนึ่งในนั้น แต่ไม่รู้อย่างอื่น เจ้ารู้ไหมว่าทำไมท่านอ๋องถึงได้รักใคร่ทะนุถนอมขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่านางมีผิวพรรณที่ละเอียดและนุ่ม ผิวพรรณเนียนนุ่มกว่าผู้หญิงทั่วไปสองสามระดับ ท่านอ๋องเทพสงครามอยากกินนาง ถึงได้ดีต่อนางขนาดนี้ เมื่อสองวันก่อน พระชายาก็ถูกท่านอ๋องกินไปแล้ว”
“ห๊ะ…..อะไร…..ข่าวนี้จริงหรือเท็จเนี่ย ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าเชื่อถือไม่ได้”
“จริงแน่นอน ไม่เชื่อเจ้าก็รอดู ผ่านไปไม่กี่วันจะต้องมีข่าวแพร่ออกมาเป็นแน่”
กู้ชูหน่วนแทบจะพ่นน้ำชาออกมาอีกครั้ง
คนเหล่านี้ กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำจริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จินตนาการออกมาได้
นางเงยหน้าขึ้น เบื้องหน้าไม่ไกลกลับเห็นธงอันหนึ่งตั้งตระหง่านขึ้น บนธงเขียนอักษรเซียว
ที่อยู่ข้างธงนั้น ก็เป็นแม่บ้านสาวตั้งครรภ์ที่อ่อนโยนสุภาพผู้หนึ่ง นำคนรับใช้มาแจกจ่ายข้าวต้มให้กับประชาชน
ข้างหน้าเพิงข้าวต้มของพวกนาง ประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากเข้าแถวเป็นโขยง ชะเง้อคอกันไม่หยุด รอแจกข้าวต้ม
กู้ชูหน่วนเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นเพียงแวบเดียว ก็คงความประทับใจที่ดีแล้ว
ผู้หญิงคนนี้อายุไม่มาก ตั้งครรภ์ได้ประมาณเจ็ดแปดเดือน กิริยาท่าทางของนางสุภาพสง่างาม นัยน์ตาอ่อนโยน แฝงด้วยรอยยิ้มบางๆตรงมุมปาก ทั้งตัวแผ่กระจายกลิ่นอายความใจดีมีเมตตา
ปฏิบัติต่อประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างถ่อมตน ไม่เพียงไม่รังเกียจที่พวกเขาสกปรกมอมแมม ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังบอกให้พวกเขาว่าสามารถมารับอาหารในวันพรุ่งนี้ต่ออีกได้
กู้ชูหน่วนถามเถ้าแก่ของโรงน้ำชา
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ดูคุ้นหน้าคุ้นตามาก”
เมื่อเถ้าแก่โรงน้ำชาได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขว่า “แม่นาง ท่านไม่ได้มาที่พระนครนานแล้วสินะขอรับ”
“ก็ถือว่าเช่นนั้น”
หลายวันมานี้เพื่อเสาะหามุกมังกร นางวิ่งไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ได้กลับมาที่พระนครนานแล้ว
“นางเป็นลูกสาวคนที่สามของแม่ทัพใหญ่เซียว ชื่อเซียวหวั่นเอ๋อร์ เป็นคนที่มีเมตตามากและที่รู้จักกันดีในพระนคร ก่อนหน้านี้แคว้นเย่ทำสงครามกับที่อื่น ประชาชนมากมายสูญเสียบ้านช่อง พเนจรไร้ที่อยู่ เป็นผู้ลี้ภัย ส่วนหนึ่งในนั้นอพยพมาในพระนคร คุณหนูเซียว สงสารพวกเขา ควักกระเป๋าเงินของตัวเองมาซื้อข้าวซื้อยาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่นั่นทุกวันขอรับ”
“นอกจากในพระนครแล้ว นางก็มักจะเดินทางไปนอกพระนครเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยอยู่บ่อยๆ ถ้าไม่มีนาง ก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้ลี้ภัยอดตายไปมากน้อยเท่าไหร่ขอรับ”
“นางไม่ได้ตั้งครรภ์หรือ ยังจะเดินทางไปนอกพระนครด้วยตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยอีกหรือ?”
“ก็นั้นน่ะสิขอรับ ไปทุกวัน คนของจวนแม่ทัพและจวนเจ้ากรมมาเกลี้ยกล่อมหมดแล้ว แต่นางก็ยืนกรานที่จะไป เพราะกลัวว่าคนรับใช้จะไม่ได้ทำอย่างเต็มที่ คุณหนูเซียวมีจิตใจดีงามมากจริงๆ ไม่เพียงแค่ผู้ลี้ภัยตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้น คนยากจนข้นแค้นมากมายในพระนครก็ล้วนได้รับความช่วยเหลือจากนางขอรับ”
กู้ชูหน่วนมองดูหญิงที่กำลังทำงานวุ่น มุมปากยกขึ้น
จิตใจที่ดีงามมีเมตตานี้ ก็คล้ายกับเซียวหยู่เซวียนมาก
“นางเป็นฮูหยินของเจ้ากรมหรือ?”
“ใช่ขอรับ นางเป็นฮูหยินของเจ้ากรมพิธีการ เจ้ากรมก็เป็นขุนนางที่ดีคนหนึ่ง พวกเขาสามีภรรยารักใคร่กัน เงินเดือนในบ้านล้วนเอามาบริจาคให้ประชาชนที่ทุกข์ร้อนได้รับความเคารพรักจากประชาชนผู้ยากไร้เป็นอย่างมากเชียวล่ะขอรับ”