อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 621 ความแค้นเคืองในอดีต
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 621 ความแค้นเคืองในอดีต
เมื่อได้ยินเสียอันคุ้นเคย เซียวหยู่เซวียนทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ
เขาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกครั้ง แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า “กู้ชูหน่วน เป็นเจ้าจริงๆ?”
กู้ชูหน่วนมอบมะเหงกให้เขาทีหนึ่ง “ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ กู้ชูหน่วนอะไร เรียกลูกพี่”
“ลูกพี่ เจ้ามาได้ยังไง? ข้าคิดว่าข้าเกิดอาการประสาทหลอนอีกแล้ว” เซียวหยู่เซวียนอารมณ์ดีขึ้นในพริบตา คำพูดก็มากขึ้นแล้ว
กู้ชูหน่วนมองดูแจกันขนาดใหญ่ในมือของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ดูสิครอบครัวของเจ้ายากจนซะ แจกันดอกไม้นี้ทุบลงไป พ่อของเจ้าจะไม่ทุบเจ้าจนขาหักหรือไง”
“ขวดโหลในบ้านมีขวดไหนที่เป็นของจริงกัน แต่ละอันล้วนเป็นของเลียนแบบ ของจริงถูกตาแก่นั่นเอาไปขายเพื่อช่วยเหลือประชาชนนานแล้ว ถูกแล้ว เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปหรือ”
เซียวหยู่เซวียนหัวเราะอย่างเขินอาย รีบเชิญนางเข้าไป
ห้องของเซียวหยู่เซวียนยังพอใช้ได้ แต่บนพื้นล้วนเป็นเศษแก้ว และสิ่งของที่เขาทุบแตกมากมาย
เขารีบทำความสะอาดลวกๆเล็กน้อย แบ่งพื้นที่ว่างออกมาส่วนหนึ่ง เชิญให้กู้ชูหน่วนนั่งลง
“แม้ว่าแจกันบ้านเจ้าจะเป็นของเลียนแบบ แต่เจ้าทุบแตกมากมายขนาดนี้ พ่อเจ้าจะปล่อยเจ้าไว้เหรอ?”
“มากที่ไหน เพิ่งจะสามอันเอง ข้ายังเก็บขึ้นมาทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกด้วย ตาแก่นั่น หากว่าเขาสงสารข้าจริง ก็ควรปล่อยข้าออกไป ข้าไม่ใช่นักโทษของเขา มีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้”
“พ่อของเจ้าขังเจ้าไว้กี่วันแล้ว”
“หลายวันแล้ว ข้าก็จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว อาหน่วน เจ้ารีบช่วยหาคิดวิธี ข้าไม่อยากแต่งงานกับกู้ชูหยุน ให้ตายข้าก็ไม่แต่ง”
“ทำไมฮ่องเต้ถึงได้ออกพระราชโองการนั่นอย่างกะทันหัน”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ใหญ่และพี่รองของข้าล้วนไปทูลขอร้องต่อฮ่องเต้แล้ว แม้แต่พี่เขยข้าก็ไปทูลร้องขอต่อฮ่องเต้แล้ว แต่ท่าทีของฮ่องเต้แน่วแน่ และไม่เห็นด้วยที่จะเรียกคืนพระราชกระแสรับสั่ง”
“พระราชโองการออกมาแล้ว หากว่าเขาเรียกคืน ก็เป็นการตบหน้าตัวเองโดยไม่ต้องสงสัย แต่พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นเจ้ากรมการทหาร ชื่อเสียงดังก้องทั่วโลก พี่เขยของเจ้าก็เป็นเจ้ากรมพิธีการ และพ่อของเจ้าก็ยังเป็นขุนนางเก่าสามยุคสมัยอีก ทำคุณูปการให้แคว้นเย่ ฮ่องเต้ก็ต้องไตร่ตรองถึงหน้าตาของจวนแม่ทัพอยู่บ้างระดับหนึ่งถึงจะถูก”
เซียวหยู่เซวียนสะดุ้งขึ้นมา “ความหมายของเจ้าคือ มีคนจงใจทำให้ฮ่องเต้ออกพระราชโองการพระราชทานงานแต่งหรือ? แต่ทำไมต้องพระราชทานงานแต่งให้ข้ากับกู้ชูหยุนล่ะ ข้าเป็นแค่คนที่เที่ยวเล่นไปวันๆ และก็ไม่มีค่าอะไรให้ใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย แม้ว่ากู้ชูหยุนจะเป็นคุณหนูรองของจวนเฉิงเซี่ยง ความสามารถเป็นที่รู้จักไปทั่ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีค่าอะไรนี่”
“บางที ประเด็นของปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เจ้า” แต่อยู่ที่ตระกูลเซียว
“ไม่ได้อยู่ที่ตัวข้า เช่นนั้นอยู่ที่ไหน? ข้าไม่เข้าใจ”
“ปัญหานี้ เวลาสั้นๆข้าก็คิดไม่กระจ่าง เจ้ารอให้ข้าไปสืบให้ชัดเจนก่อน”
“แต่วันมะรืนก็จะเป็นวันแต่งงานแล้ว ข้าเหลือเวลาอีกวันเดียวเท่านั้น” เซียวหยู่เซวียนร้อนใจแล้ว
เขาชอบกู้ชูหน่วนมาตลอด ไม่ใช่กู้ชูหยุน
และเขาก็จะไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รักด้วย
“มีข้าอยู่ กลัวอะไร” กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวรอบหนึ่ง
ทำเหมือนนางที่เป็นลูกพี่คนนี้ตายไปแล้วเช่นนั้น?
“ปัง……”
ไม่รอให้เซียวหยู่เซวียนดีใจ ประตูก็ถูกถีบออกแล้ว
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน กลับเห็นแม่ทัพใหญ่เซียวสีหน้าเคร่งขรึม เพ่งมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่มีจุดประสงค์
แสงจันทร์ส่องสว่าง สาดส่องบนตัวแม่ทัพใหญ่เซียว เพิ่มความเคร่งขรึมขึ้นอีกเล็กน้อย
เซียวหยู่เซวียนตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อ…..”
แม่ทัพใหญ่เซียวมองกู้ชูหน่วนอย่างเย็นชา สายตาเฉียบแหลม ท่าทางไม่เป็นมิตร “พระชายาหาน เสด็จมาถึงจวนแม่ทัพยามดึก มีธุระอันใดพ่ะย่ะค่ะ?”
ตามหลักแล้วกู้ชูหน่วนไม่จำเป็นต้องคำนับแม่ทัพใหญ่เซียว แต่นางก็ทำความเคารพในฐานะคนรุ่นหลังแล้ว
“ข้ากับคุณชายเซียวเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นกัน ก่อนหน้านี้จากพระนครไปนาน ครั้งนี้กลับมาก็มาเยี่ยมเขาสักหน่อย และมาเยี่ยมเยือนแม่ทัพใหญ่เซียวด้วย”
“ด้วยวาสนาอันยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าสบายดีมาก ลูกชายของข้าก็สบายดีมากเช่นกัน ไม่รบกวนให้พระชายาต้องกังวลพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ก็ดึกดื่นแล้ว เชิญพระชายาเสด็จกลับจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ตาเฒ่านี่……
นางไปล่วงเกินเขาตรงไหนกัน?
“ท่านพ่อ อาหน่วนเพิ่งกลับพระนครมาก็มาเยี่ยมข้า นี่เป็นมิตรภาพของเพื่อนร่วมชั้นที่ล้ำค่าเพียงใด ทำไมท่าน….หึ้ย…..”
สายตาอันเฉียบคมของแม่ทัพใหญ่เซียวกวาดไป
เซียวหยู่เซวียนปิดปากแล้ว
สำหรับแม่ทัพใหญ่เซียว เขาก็ยังเคารพหวาดกลัวอยู่บ้าง
“พระชายาหาน เชิญเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ชูหน่วนขอตัวลา วันหน้าค่อยมาเยี่ยมใหม่”
“จวนแม่ทัพเล็กๆ ไม่สามารถรองรับเทพผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์เช่นท่านได้ หลังจากนี้พระชายาหารมีธุระอะไร ก็อย่าสร้างปัญหาจะดีซะกว่าพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนี้ลูกชายของข้าเซียวหยู่เซวียนก็จะแต่งงานกับคุณหนูรองกู้แล้ว พระชายาหานมาที่จวนแม่ทัพอีก เกรงว่าจะถูกคนติฉินนินทาได้”
กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่น ออกจากจวนแม่ทัพโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่ใช่ว่านางสู้ไม่ชนะแม่ทัพใหญ่เซียว
แต่นางไม่อยาก
มุกมังกรในหัวใจของเขานั่น ช้าเร็วนางก็ต้องเอามา ก่อนที่จะเอามา นางไม่อยากทำให้แม่ทัพใหญ่เซียวเจ็บปวด
ในความไม่ชัดเจน ข้างหู เป็นเสียงของแม่ทัพใหญ่เซียวทะเลาะกับเซียวหยู่เซวียน
“ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปแล้ว ท่านปฏิบัติต่อเพื่อนของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
“เพื่อน นางคือพระชายาหาน พระชายาของเทพสงคราม แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นร่วมโต๊ะกัน แม้ว่าพวกเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีแค่ไหน ก็ควรรักษาระยะห่าง โดยเฉพาะเจ้าที่กำลังจะแต่งงาน หากว่าแพร่ออกไป ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพไม่เท่ากับถูกเจ้าทำลายไปแล้วหรือ”
“ในสายตาของท่านนอกจากจวนแม่ทัพ นอกจากฮ่องเต้ นอกจากทหารเหล่านั้น และประชาชนด้านนอกเหล่านั้นของท่าน ท่านมีข้าอยู่หรือไม่? ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านก็ทำศึกอยู่ด้านนอก ไม่ได้กลับบ้านหลายปี พอกลับมาบ้านอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน ท่านก็ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้นของท่านอีก ท่านเคยดูแลข้าหรือไม่ ท่านเคยห่วงใยข้ารึเปล่า?”
“แม้ว่าพระชายาหานจะเป็นผู้นำในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ก็เปลี่ยนแปลงความจริงเรื่องพฤติกรรมอันไม่สุภาพ การกระทำที่ไม่สำรวมของนางไม่ได้”
“นางมีการกระทำที่ไม่สำรวมยังไง?”
“ดึกๆดื่นๆแต่งตัวเป็นผู้ชาย นัดพบผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน นี่ไม่ใช่การกระทำที่ไม่สำรวมหรือ?”
“……”
เสียงการทะเลาะกันข้างในดังมาก กู้ชูหน่วนไม่อยากฟัง ก็ยาก ยิ่งไปกว่านั้นหูของนางไวมาโดยตลอด
ในที่สุดก็มาถึงประตูจวนแม่ทัพที่อยู่ไม่ไกล นางได้พบกับเซียวหยู่โหลวอีกครั้ง
เซียวหยู่โหลวประสานมือแสดงการขอโทษ “พระชายาหาน ข้าน้อยขออภัยท่านต่อการกระทำของท่านพ่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร เขาไม่ได้พูดผิดทั้งหมด”
“ท่านพ่อ…..ท่านพ่อและท่านแม่มีบางอย่าง…..ดังนั้น เขาอาจจะมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อท่านเพราะเหตุนี้”
“กับแม่ของท่านทำไมหรือ?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ข้าน้อยก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ท่านปู่ของข้า เสียชีวิตเพราะท่านแม่ของท่าน หลายปีมานี้ท่านพ่อปล่อยวางความแค้นในใจนั่นลงไม่ได้”
กู้ชูหน่วนรู้สึกสับสนเล็กน้อยแล้ว
ดูเหมือนในตัวท่านแม่ของนาง น่าจะมีความลับอีกมากมายที่นางไม่รู้
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมแม่ทัพใหญ่เซียวถึงได้มีท่าทางที่ดุร้ายกับนางขนาดนั้น
“เรื่องวันนี้ขออภัยมาก ประเดี๋ยวข้าจะเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ดีๆ หวังว่าพระชายาอย่าได้เก็บมาใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร เจ้าก็ไม่ต้องไปส่ง ดึกแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
เซียวหยู่โหลวยังอยากถามเรื่องบทกวีเหล่านั้นของนาง เห็นเงาหลังที่นางจากไป บวกกับดึกแล้ว จึงเกรงใจไม่กล้าตามไปถาม