อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 636 ยุ่งกับข้าไม่ได้
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 636 ยุ่งกับข้าไม่ได้
คำพูดนี้ของฮัวฉีหลัวได้พัดพาพยับเมฆมืดครึ้มที่ปกคลุมอย่างหนาแน่นมานานหลายปีของแม่ทัพใหญ่เซียวให้สลายไป
เขามองดูท้องฟ้าสีคราม สูดอากาศบริสุทธิ์ลึกๆเฮือกหนึ่ง จึงได้ถอนใจแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ล้วนเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว จะเอ่ยถึงอีกทำไม คนตายกลับมาไม่ได้ชั่วนิรันดร์ เห็นค่าปัจจุบันยังจะดีซะกว่า”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่หน่วน พี่ไม่ได้กลับมาไปที่เผ่าน้ำแข็งนานแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้พวกเรากลับไปที่เผ่าน้ำแข็งกันเถอะนะ”
ฮัวฉีหลัวยิ้มอย่างไร้เดียงสา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย สดใสจนไม่มีสิ่งใดเจือปนแม้แต่น้อย
ฉับพลันนั้นกู้ชูหน่วนรู้สึกอิจฉาที่นางไม่มีห่วงอยู่อย่างไร้กังวล ไร้หัวจิตหัวใจขึ้นมา
“รอให้ข้าเสร็จธุระที่เผ่าหยกก่อน แล้วข้าค่อยไปที่เผ่าน้ำแข็ง”
“แล้วอีกนานไหมกว่าท่านจะเสร็จธุระ ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่หรือ?”
ในบรรยากาศมีความเศร้าเล็กน้อย กู้ชูหน่วนฝืนยิ้มออกมา “น่าจะไม่ช้านัก”
“ไม่ช้าคือเร็วเท่าไหร่ พี่หน่วน หากว่าพี่กลับไป เหล่าพี่น้องที่เผ่าน้ำแข็งจะต้องดีใจกันหมดเป็นแน่ หากว่าข้าพาพี่กลับไป พวกนางก็จะต้องชื่นชมในความสามารถอันยอดเยี่ยมของข้าด้วย”
“พี่หน่วน พี่ว่าพวกเราต้องแจ้งพวกนางก่อนล่วงหน้ารึเปล่าล่ะ หรือว่าทำให้พวกนางตกใจจนตั้งตัวไม่ทันดี”
ตลอดทางล้วนเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจของฮัวฉีหลัว
หน้าตาของนางแฝงด้วยรอยยิ้ม จินตนาการภาพที่จะได้กลับไปที่เผ่า
แม้ว่าแม่ทัพใหญ่เซียวจะไม่แสดงอะไรออกมาบนใบหน้า แต่ในใจก็ปวดร้าว อาลัยอาวรณ์บรรดาบุตรชายบุตรสาวของเขา และยังคิดจะแก้คำสาปโลหิตของเผ่าหยกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย
ในจิตใจของกู้ชูหน่วนหนักอึ้ง
ไม่ว่าวิชาการรักษาของนางจะสูงล้ำเพียงใด ก็จนปัญญาจะเปลี่ยนถ่ายหัวใจให้แม่ทัพใหญ่เซียวได้ เนื่องจากหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซียวได้ตายไปโดยสมบูรณ์ตั้งแต่สิบกว่าปีกว่าที่แล้ว และหัวใจในตอนนี้ก็เป็นเพียงมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดที่หลอมละลายมาแทนที่หัวใจที่เต้นอยู่เดิมทีของเขาเท่านั้น
ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว บางทีนางอาจจะยังมีวิธี
แต่ตอนนี้….
เดินคุยกันไปตลอดทาง ไม่นานพวกเขาก็ใกล้จะถึงในตัวเมืองแล้ว
ได้เผชิญหน้ากับเซียวหยู่เซวียน
เซียวหยู่เซวียนถือพัดอัดหนึ่ง พุ่งเข้ามาทางพวกเขาโบกมือมาแต่ไกล
“ท่านพ่อ ยัยขี้เหร่ พวกท่านไปไหนมาข้าหาพวกท่านตั้งนานก็หาไม่พบ”
แม่ทัพใหญ่เซียวทำสีหน้าบึ้งตึง “ข้าไม่ได้ให้เจ้ากักบริเวณพิจารณาตัวเองหรือไง? เจ้าออกมาได้ยังไง?”
ความดีใจเมื่อครู่ของเซียวหยู่เซวียนไม่มีแล้ว พูดบ่นด้วยความคับข้องใจ “ข้าได้ยินคนรับใช้พูดว่า พวกท่านสองคนออกไปด้วยกัน ข้ากลัวว่าท่านจะมีอันตรายอะไร ดังนั้นจึงได้แอบออกมาหาพวกท่านไงล่ะ”
เขากะพริบตาอย่างน่าสงสาร กล่าวออดอ้อนกับแม่ทัพใหญ่เซียวว่า “ท่านพ่อ ก็ลูกเป็นห่วงท่านนี่นา ลูกสัญญา ต่อจากนี้ท่านให้ข้ากักตัวในบ้านแล้วคิดทบทวน ข้าจะพิจารณาตัวเองดีๆอย่างแน่นอน จะไม่วิ่งหนีออกมาอีกแล้ว ท่านให้อภัยข้าสักครั้งเถอะนะ”
แม่ทัพใหญ่เซียวยกมือขึ้น คิดจะช่วงลูบผมดำดั่งหมึกที่ถูกลมพัดจนยุ่งของเขา เซียวหยู่เซวียนรีบกุมศีรษะ หลบไปอีกข้าง กล่าวอย่างรีบร้อน
“ท่านพ่อ ข้าเป็นห่วงท่านจริงๆนี่นา ยัยขี้เหร่ทำอะไรไม่มีขอบเขต ข้ากลัวว่าจะทำเรื่องอะไรที่เกินไปออกมา ข้าถึงได้แอบหนีออกมา”
ในใจของแม่ทัพใหญ่เซียวและกู้ชูหน่วนรู้ดี
เขาไม่ได้เป็นห่วงแม่ทัพใหญ่เซียว เขาเป็นห่วงกู้ชูหน่วน
เห็นท่าทางของเขา แม่ทัพใหญ่เซียวก็อดปวดใจไม่ได้
หลายปีมานี้ เขาเข้มงวดกับเขามากเกินไปแล้วใช่หรือไม่
ด้วยเหตุนี้ลูกชายของเขาจึงได้กลัวเขาขนาดนี้
“เจ้าน่ะสิที่ทำอะไรไม่มีขอบเขต ต่อจากนี้ก็เรียนรู้จากพระชายาหานให้มากๆ และสนิทสนมกับนางให้มากขึ้นหน่อย”
“อะไร….อะไร…..ท่านพ่อ ท่านพูดผิดไปรึเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้เกลียดนางเป็นที่สุดหรอกเหรอ?”
“มีเหรอ?”
“ไม่….ไม่มี ท่านพูดเองนะ งั้นต่อไปข้าจะใกล้ชิดกับนางให้มากหน่อย ท่านจะมาว่าข้าไม่ได้แล้วนะ”