อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 639 จะเป็นฝาแฝดหรือไม่
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 639 จะเป็นฝาแฝดหรือไม่
ทุกคนมองไปที่ดาบของเขาพร้อมกัน
มีดหนึ่งดาบหนึ่งนั่น ใบมีดและดาบบางเป็นที่สุด ตัดเหล็กเหมือนกระดาษ ภายใต้การสาดส่องของแสงอาทิตย์ยังปรากฏถึงร่องรอยความเย็นยะเยือกและความโหดร้าย หากไม่ผิดจากที่พวกเขาคาดคิดไว้ บนมีดและดาบนี้ไม่รู้ว่าเปื้อนเลือดคนไปมากน้อยเพียงใดแล้ว
ด้านบนสุดของมีดและดาบสลักตัวหนังสือตราประทับขนาดใหญ่สองคำว่าเลว่อิ่ง
เลว่อิ่ง…..
เขาชื่อเลว่อิ่ง?
ความเร็วของเขาเหมือนดั่งเงาที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ชื่อนี้ตั้งได้เหมาะสมกับเขามากทีเดียว
เซียวหยู่เซวียนยังไม่สามารถยอมรับได้ ตั้งใจมองดูและสังเกตรอบๆตัวของเขาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
“เจ้าไม่ใช่เย่เฟิงจริงหรือ? หากว่าเจ้าไม่ใช่เย่เฟิง ทำไมเจ้าถึงได้หน้าตาเหมือนเขาขนาดนี้? ฝาแฝดเหรอ? แต่ฮองเฮาฉู่ไม่ได้ให้กำเนิดเย่เฟิงเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นหรือ ก็ไม่เคยได้ยินพวกเขาบอกว่าที่คลอดออกมาเป็นฝาแฝดนี่?”
กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว
นี่ก็เป็นเรื่องที่นางคิดไม่ตกมาโดยตลอด
“มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าฮองเฮาฉู่เองก็ไม่รู้ตัวว่าได้ให้กำเนิดฝาแฝด?” กู้ชูหน่วนกล่าว
ฮัวฉีหลัวตอบปฏิเสธโดยตรงโดยไม่ได้คิดแม้แต่น้อย “จะเป็นไปได้อย่างไร ฮองเฮาฉู่เป็นผู้หญิงที่คลอดลูก แม้ว่านางจะเลอะเลือนเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าตัวเองให้กำเนิดลูกหนึ่งคนหรือสองคนหรอกนะ”
“นั่นก็ไม่แน่ ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน อีกอย่างฮองเฮาฉู่ก็ให้กำเนิดยากด้วย ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้”
นางไม่เชื่อเด็ดขาดว่าบนโลกนี้จะมีคนที่หน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้โดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ
อาจจะเป็นเพราะทำใจไม่ได้ที่เย่เฟิงตายอย่างน่าอนาถที่ทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้า ในใจของเซียวหยู่เซวียนจึงหวังว่าเขาจะเป็นเย่เฟิง
ดังนั้น เซียวหยู่เซวียนจึงยกมือสองข้างของเขาขึ้น ตรวจสอบอย่างละเอียด เวลาผ่านไปนาน เขารู้สึกผิดหวังแล้ว
มือสองข้างของเย่เฟิงนั้นถูกคนหักแล้วหักอีกจนกระดูกของเขาผิดรูปไปแล้ว โดยเฉพาะมือข้างซ้ายที่ไม่สามารถใช้กำลังได้แม้แต่น้อย แต่เขาผู้นี้แม้ว่าจะได้บาดเจ็บมากมาย แต่กระดูกกลับไม่ได้มีปัญหาใด อีกอย่างคนผู้นี้ยังเป็นคนถนัดซ้ายอีกด้วย
เมื่อนึกถึงคนถนัดซ้าย เซียวหยู่เซวียนก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เจ้าเป็นคนสังหารอาจารย์ใหญ่ของราชวิทยาลัยใช่หรือไม่? จากนั้นก็โยนความผิดให้เย่เฟิง?”
“ทำไมเจ้าไม่พูด ข้าถามเจ้า เจ้าเป็นคนสังหารอาจารย์ใหญ่ของราชวิทยาลัยใช่หรือไม่? เย่เฟิงมีความแค้นอะไรกับเจ้า ทำไมเจ้าจึงต้องทำร้ายเขาเช่นนี้?”
เลว่อิ่งยืนอยู่ที่นั่นเงียบๆเพียงเท่านั้น ดวงตาสีดำเข้มทั้งคู่ไร้ความดีใจและความเสียใจ ชำเลืองมองไปไกลๆอยู่ตลอด ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของเซียวหยู่เซวียน
เซียวหยู่เซวียนโกรธมากจนแทบอยากจะตบเขาสักฉาดหนึ่ง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่คล้ายกับเย่เฟิงก็ลงมือไม่ลงอีก
ไอ้สารเลวนี่ หน้าตาคล้ายกับเย่เฟิงเป๊ะๆ แต่จิตใจกลับเลวร้ายขนาดนี้ ตามไล่ฆ่ายัยขี้เหร่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังจะสังหารอาจารย์ใหญ่ที่เป็นคนดีขนาดนั้นอีก
เย่เฟิงโดนเขาทำร้ายซะจนน่าอนาถมาก
ฮัวฉีหลัวยื่นมือไปโบกเบื้องหน้าของเลว่อิ่ง กล่าวด้วยความลังเล “เขาคงไม่ได้เป็นใบ้หรอกนะ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้?”
กู้ชูหน่วนกินเสบียงคำสุดท้ายเสร็จ ลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าที่ยับย่น แล้วกล่าวเบาๆ “เขาไม่ใช่คนใบ้ เพียงแต่ไม่ชอบพูดจาเท่านั้น”
“ห๊ะ……คนผู้นี้น่าแปลกจริงๆ นี่ ข้าถามเจ้า ทำไมเจ้าต้องฆ่าพี่หน่วนของข้าด้วย เป็นผู้ใดให้เจ้าฆ่านาง”
เงียบ……
นอกจากเสียงซู่ซู่ของใบไม้แล้ว ก็ไม่มีเสียงใดๆอีก
“นี่ เจ้าหูหนวกเหรอ? ข้าถามเจ้าว่าทำไมต้องฆ่าพี่หน่วนด้วย หากว่าเจ้าไม่พูด ข้าจะฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้”
เป็นความเงียบทั้งผืนอีกครั้ง ราวกับเลว่อิ่งเป็นท่อนไม้เช่นนั้น ไม่ว่าฮัวฉีหลัวจะถามอย่างไรก็ไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา
ฝูกวงทำหน้ายู่ แทรกขึ้นประโยคหนึ่ง “นายหญิง ต้องการให้ข้าน้อยพาเขากลับไปสอบสวนอย่างเข้มงวด บังคับให้เขาเปิดเผยผู้บงการเบื้องหลังหรือไม่ขอรับ”
กู้ชูหน่วนเอื้อมมือไปหยิกแก้มอันขาวกระจ่างเนียนนุ่มของฝูกวง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะตีเขาจนตายทั้งเป็น เขาก็จะไม่เปิดเผยสักคำ”
ฝูกวงหน้าแดง เขินอายเล็กน้อย เขาอยากปัดกู้ชูหน่วนออก แต่ก็เกรงใจที่จะปัดออก
สุดท้ายก็ทำได้เพียงรีบถอยไปก้าวหนึ่ง กล่าวด้วยความเขินอาย “ในเมื่อนายหญิงไม่มีปัญหาแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวถอยไปก่อนนะขอรับ”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนตอบ ฝูกวงก็หายไปแล้ว