อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 651 แม่ทัพใหญ่เซียวถูกทำร้าย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 651 แม่ทัพใหญ่เซียวถูกทำร้าย
เย่จิ่งหานดมกลิ่นร่างกายและเหงื่อของนางด้วยความพึงพอใจ ปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุขขึ้นที่มุมปาก
“อาหน่วน รอจนแก้คำสาปโลหิตได้แล้ว พวกเราไปหาสถานที่ที่ไม่มีผู้คนอยู่กันอย่างสันโดษเถอะ”
กู้ชูหน่วนหาว ออกกำลังกายไปรอบหนึ่ง นางก็เหนื่อยและหมดแรงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนกลางวันนางยังได้ไปทำเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างมาอีก
“เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันภายหลังเถอะ”
“สัญญากับข้า นอกจากข้า ห้ามไปคบกับผู้ชายคนอื่นอีก”
ที่ตอบกลับเย่จิ่งหานคือการหายใจอย่างเสถียรของกู้ชูหน่วน
เขาเผลอหัวเราะออกมา ราวกับว่าบัวหิมะในภูเขาน้ำแข็งได้ผลิบานแล้ว เป็นความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ
เย่จิ่งหานปัดผมที่เปียกเหงื่อบนหน้าผากของนางออกอย่างอ่อนโยน แทบอยากจะเอานางเข้าไปไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
เขากำลังยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มมีความกลัดกลุ้มใจจางๆ ราวกับว่ามีเรื่องราวภายในใจอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ผ่านไปนาน เขาถึงได้พึมพำกับตัวเองว่า “ปีศาจน้อย เจ้าว่าข้าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดีนะ”
รอจนกู้ชูหน่วนตื่นมาก็เป็นตอนเที่ยงตรงของวันถัดมาแล้ว เย่จิ่งหานลุกขึ้นไปแล้ว ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายนางคือชิวเอ๋อร์
ใบหน้าของชิวเอ๋อร์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวโดยไม่เขินอายว่า “คุณหนู ท่านกับท่านอ๋องรักใคร่กันมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ชิวเอ๋อร์ดีใจแทนท่านจริงๆ”
เย่จิ่งหานล่ะ”
ไม่ว่านางจะนอนตื่นสายแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าเย่จิ่งหานก็จะรอจนนางตื่น และค่อยกินข้าวพร้อมกับนางหรือ?
ทำไมวันนี้ไม่เห็นใครเลย?
“ท่านอ๋องบอกว่าที่ค่ายทหารมีปัญหานิดหน่อยต้องไปก่อน ท่านอ๋องให้ห้องครัวทำอาหารที่คุณหนูโปรดปรานไว้มากมายเลยนะเจ้าคะ”
ค่ายทหารมีปัญหา?
ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำสงคราม ค่ายทหารจะมีปัญหาอะไร?
ชิวเอ๋อร์ปรนนิบัติให้นางล้างหน้าไปพลาง ก็ขอร้องนางด้วยความเคอะเขินไปพลาง “คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะบอกท่านอ๋องสักคำได้หรือไม่ว่าให้งดโทษต่อชิงเฟิง ชิงเฟิงเขาซื่อตรงไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังจริงๆ เขาบอกแล้วว่า ครั้งหน้าเขาจะไม่ฟังอีก”
กู้ชูหน่วนจงใจลากหางเสียงยาว ใช้สายตาสงสัยมองไปทางชิวเอ๋อร์ “อ๋อ……เหมือนว่าเจ้าจะดีต่อชิงเฟิงมากนะ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้สองสามครั้งเจ้าก็มาขอความเมตตาแทนชิงเฟิงใช่ไหมล่ะ? เจ้าคงไม่ได้ชอบพอเขาแล้วหรอกนะ?”
ชิวเอ๋อร์หน้าแดงทันที กกหูร้อนผ่าว
นางกล่าวด้วยความงอนและเขินอายว่า “คุณหนู ท่านพูดเลอะเทอะอะไรน่ะเจ้าคะ ข้าน้อยกับชิงเฟิงบริสุทธิ์ ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันนะเจ้าคะ”
“ในเมื่อไม่มีความสัมพันธ์อะไร แล้วเจ้าจะขอความเมตตาแทนเขาทำไม”
“คุณหนู……” ชิวเอ๋อร์ร้อนใจแล้ว
กู้ชูหน่วนจิ้มหน้าผากของนาง กล่าวด้วยความขำว่า “พอแล้ว เจ้าคุณหนูใหญ่ชิวเปล่งวาจาออกมาแล้ว ข้าจะกล้าไม่ทำตามได้อย่างไร แต่ว่าความสัมพันธ์รักสามเส้านั่นของเจ้าก็ควรจัดการให้เรียบร้อยแล้วรึเปล่า?”
“รักสามเส้าอะไรเจ้าคะ?”
“ชิงเฟิง เจี่ยงเสวีย เจ้าเลือกคนไหน? ข้าเห็นว่าเจ้าทึ่มทั้งสองคนนั้นล้วนสนใจเจ้ามาก”
“คุณหนู ท่านพูดเลอะเทอะอะไรน่ะเจ้าคะ ข้าน้อยฐานะต่ำต้อย จะกล้าใฝ่สูงถึงผู้นำทั้งสองท่านได้อย่างไร”
“ใครกล้าพูดว่าเจ้าฐานะต่ำต้อย? ข้าจะไปมอดเขาซะ”
“โอ๊ย ไม่พูดกับท่านแล้ว เมื่อครู่จวนแม่ทัพส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกว่าท่านแม่ทัพนัดให้ท่านไปพบที่ห้องลับของจวนแม่ทัพตอนเที่ยงน่ะเจ้าคะ”
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนชะงักแล้ว
แม่ทัพใหญ่เซียวให้นางไปหา?
เวลายังไม่ถึงสามวัน เขามาหานางทำไม?
พวกเขาเพิ่งแยกกันไม่ใช่หรือ?
หากจะนัดพบที่ห้องลับ ทำไมถึงให้คนมาถ่ายทอดคำพูด? ไม่ควรจะมาหานางโดยตรง หรือนัดพบที่ห้องหนังสือหรือ?
กู้ชูหน่วนระงับความสงสัยที่มีเต็มอกไว้ แล้วกล่าว “เจ้าให้คนตอบกลับไปว่า ตอนเที่ยงข้าจะไปถึงเป็นแน่”
“คุณหนู ท่านนอนจนเลอะเลือนแล้ว ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว แม้ว่าท่านจะเร็วแค่ไหน แม้ว่าจะไม่ทานอาหารเที่ยง รีบไปที่จวนแม่ทัพก็ไม่ทันแล้วเจ้าคะ”
กู้ชูหน่วนสวมผ้าคลุมไหล่ง่ายๆ วิ่งไปทางประตูจวนอ๋องหาน
“คุณหนู ท่านรีบร้อนเดินไปไหนเจ้าคะ?”
“ไปจวนแม่ทัพ เท้าเจ้าช้าเกินไป ไม่ต้องตามมา และไม่ต้องให้เจ้าทึ่มชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียตามข้ามานะ”