อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 664 ข้ามีหลักฐาน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 664 ข้ามีหลักฐาน
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียนิ่งอึ้งไปเลย
กู้ชูหน่วนอึ้งไปสักพัก คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหยุนจะกล้าพูดออกมาทุกอย่าง
ความโกรธโมโหของเย่จิ่งหานผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว แววตาที่เยือกเย็นคู่นั้น มองดูกู้ชูหยุนเหมือนอย่างมองคนตาย
กู้ชูหน่วนหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่รอง เพื่อให้มีชีวิตรอด อะไรก็พูดออกมาได้จริงๆ”
เจี่ยงเสวียพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนี้พูดจาไปเรื่อย หวังที่จะบั่นทอนความสัมพันของท่านกับพระชายา ฆ่าให้ตายไปเสียก็ไม่น่าเสียดาย”
เย่จิ่งหานถือขลุ่ยหยกขาวไว้อย่างเกียจคร้าน เคาะตีฝ่ามืออยู่อย่างเป็นจังหวะ ไม่ปฏิเสธคำพูดของเจี่ยงเสวีย ที่อยากจะฆ่ากู้ชูหยุน
ซื่อบื้ออย่างชิงเฟิงก็ทนฟังไม่ไหว จึงพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาเป็นพี่น้องกัน ฮ่าๆ เจ้าจะพูดเท็จก็ควรไตร่ตรองก่อนดีไหม”
หากท่านอ๋องกับพระชายาเป็นพี่น้องกันจริงๆ นางโดนกัดจนเจียนตาย ยังช่วยพวกเขาปิดบังความจริงหรือ?
นางเป็นคนที่มีเมตตาขนาดนั้นหรือ?
เมื่อกี้ยังรู้สึกสงสารกู้ชูหยุน ตอนนี้เขารู้สึกเพียงว่าผู้หญิงคนนี้น่าสะอิดสะเอียนอย่างมาก
กู้ชูหยุนดิ้นรนไปพิงตรงกำแพง พยายามรักษาร่างกายให้เจ็บปวดทรมานไว้
แววตาของนางแฝงไปด้วยความสะใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน อ๋องหานน้องชายอดีตฮ่องเต้ แต่เป็นโอรสของอดีตฮ่องเต้ ท่านแม่ของเจ้าคือพระชายายู่ใช่ไหม? ตอนนั้นเพื่อเป็นการปกป้องเจ้า พวกเขาจึงโกหกว่าเจ้าเป็นน้องชายอดีตฮ่องเต้”
กู้ชูหน่วนหันไปส่งสายตาให้กับเย่จิ่งหาน ถามว่าความลับของเขายังมีใครรู้อีก
สายตาเย่จิ่งหานเยือกเย็น ไม่ตอบคำถามของนาง
นี่ถือเป็นเรื่องลับ บนใต้หล้านี้มีคนรู้เพียงไม่กี่คน กู้ชูหยุนไปรู้มาจากไหน?
“ส่วนเจ้า กู้ชูหน่วน ท่านแม่ของเจ้าก็คือพระชายายู่ ตอนนั้นพระชายายู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งยังไม่ตาย แล้วถูกช่วยชีวิตไว้ได้ แต่เผ่าหยก เผ่าเทียนเฟิ่นล้วนตามมาฆ่านาง นางไม่มีทางเลือก จึงจำต้องแต่งงานกับพ่อข้า เพื่อปกปิดสถานะ”
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงไม่ชอบเจ้า? เพราะเจ้าไม่ใช่ลูกสาวของเขา ไม่ใช่สายเลือดของเขา เพราะแม่ของเจ้าคือพระชายายู่ เป็นผู้หญิงที่อดีตฮ่องเต้รักที่สุด ดังนั้นเพื่อปกป้องพวกเจ้าสองแม่ลูก อดีตฮ่องเต้จึงแต่งตั้งสถานะใหม่ให้กับพระชายายู่ นั่นก็คือน้องสาว แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิง แล้วแต่งงานกับพ่อข้า”
“สงสารพ่อของข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นสวมเขาให้กับเขาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ยังบีบบังคับคนรักที่เติบโตมาด้วยกันของตนตาย เขาก็ทำได้เพียงยอมรับ”
กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “กู้ชูหยุน หัวสมองของเจ้าโดนลาเตะหรือเปล่า? คำโกหกแบบนี้ก็สร้างขึ้นมาได้”
“ข้าไม่ได้สร้างเรื่อง แม่ทัพเซียวบอกข้าด้วยตนเอง”
เจี่ยงเสวียหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องไร้สาระ”
“พวกเจ้าไม่เชื่อใช่ไหม กู้ชูหน่วน เจ้าก็เป็นคนเผ่าหยกใช่ไหม เจ้าก็ต้องคำสาปโลหิต”
ตอนที่กู้ชูหยุนพูดแบบนี้ ในใจเริ่มไม่มั่นใจแล้ว
“เพราะคนเผ่าหยก ทุกวันที่สิบห้าของเดือน คำสาปโลหิตจะกำเริบ แต่ดูเหมือนกู้ชูหน่วนไม่เคยกำเริบ….”
เนื่องจากอะไร นางก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่นางรู้ว่า เลือดในกายกู้ชูหน่วน มีครึ่งหนึ่งจะต้องเป็นเผ่าหยกแน่
แววตากู้ชูหน่วนเยือกเย็น พร้อมหัวเราะเย้ย พูดขึ้นว่า “เจ้ารู้มาไม่น้อยเหมือนกัน”
เย่จิ่งหานเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าผลกระทบของข่าวนี้ ยังคงค่อนข้างมากอยู่
นางก็เป็นคนเผ่าหยก?
งั้นทำไมคำสาปโลหิตถึงไม่กำเริบ?
“ยังดี รู้ไม่มากเท่าเจ้า ข้ายังรู้ว่าอ๋องหานก็ต้องคำสาปโลหิต ดังนั้นหลายปีมานี้ เขาตามหามุกมังกรมาตลอด เขาต้องพิษตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นการใช้พิษถอนพิษ ยับยั้งไม่ให้คำสาปโลหิตกำเริบ”
“ยังไม่ต้องพูดว่าเราสองคนเป็นคนเผ่าหยกหรือไม่ ต่อให้ใช่ ก็ไม่มีหลักฐานว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ที่ข้าพูดขนาดนี้ ก็ต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว แม่ทัพใหญ่เซียวเข้าใจผิด คิดว่าข้าคือลูกสาวพระชายายู่ ดังนั้นจึงเล่าความลับให้ข้าฟังมากมายขนาดนี้ หนึ่งในนั้นยังมีหนังสือเลือดที่พระชายายู่ให้ไว้ในตอนนั้น เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางกับอดีตฮ่องเต้”