อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 690 เข้าไปด้วยกันเถอะ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 690 เข้าไปด้วยกันเถอะ
กู้ชูหน่วนรู้สึกลำบากใจ
ทิ้งอยู่ในป่าเขารกร้างถือว่าไม่ค่อยดีจริงๆ แต่หากพาเขาไปด้วย ก็จะยิ่งไม่ดี
ด้วยอาการบาดเจ็บของเขา หากไม่ใช้เวลาสักหนึ่งเดือนไม่มีทางหายดี หรือจะให้นางอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนหรือ?
นางจะมีเวลาขนาดนั้นเสียที่ไหน
ในระหว่างนั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว จึงพูดขึ้นถามมันว่า
“หาทางออกได้หรือยัง?”
“ยังเลย แต่หาเจอของกินอร่อยเยอะมาก ยังมีหมูย่าง เราไปกินให้อิ่มสักมื้อก่อน แล้วค่อยไปถามหาทางออกต่อดีไหม?”
สีหน้ากู้ชูหน่วนโกรธจัด
ออกไปตั้งครึ่งวัน นี่ดมตามกลิ่นหมูย่างไปเท่านั้นหรือ?
ในป่ารกร้างแบบนี้ ยังมีหมู่บ้านด้วยหรือ?
ในเมื่อหาทางออกไม่เจอ งั้นก็ไปถามทางในหมู่บ้านก็ยังดี
“ร่างกายของเจ้ายังทนไหวไหม?”
“ยังไงก็ดีกว่าอยู่ที่นี่แล้วถูกสัตว์ร้ายกิน”
ซ่างกวนฉู่พูดได้อย่างไม่ลังเล เดินไปหาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อย่างยากลำบาก แล้วก็ปืนขึ้นหลังเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อย่างทรมาน
กู้ชูหน่วนกำตรงท้องไว้แน่น แล้วก็ตามขึ้นไป
“ซี๊ด….” หนึ่งที แล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นเหมือนเมฆหมอก ล่องลอยไปทางซ้ายขวาในหุบเขาที่รกร้างเขียวชอุ่ม
เปลี่ยนทิศทางเลี้ยวไปมา และที่นี่ก็ไม่มีคนอยู่มานาน จึงไม่มีถนนหนทางเลย ดังนั้นกู้ชูหน่วนกับซ่างกวนฉู่จึงถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ พากระแทกจนกระดูกแทบกระจุยไปหมดทั้งตัว
“ยังอีกนานไหม?”
“นายหญิง ใกล้จะถึงแล้ว”
“อีกนานแค่ไหน?” นางอยากจะอ้วกแล้ว สถานที่อะไรแบบนี้
“ใกล้แล้วใกล้แล้ว”
ผ่านภูเขาไปอีกสองลูก ท้องของกู้ชูหน่วนถูกกระแทกจนเลือดไหลแล้ว บาดแผลของก็ซ่างกวนฉู่ก็แยกแล้ว เลือดไหลหยดลงเป็นทาง
“นี่ยังต้องไกลอีกแค่ไหน”
“อยู่ข้างหน้า ไม่ไกลแล้ว นายหญิง ได้กลิ่นหอมของหมูย่างหรือยัง?”
“……”
กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน
นางไม่ได้กลิ่นหมูย่างอะไร นางได้แต่กลิ่นคาวเลือด กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากบนร่างกายของพวกเขาทั้งสองคน
ปล่อยแบบนี้ต่อไป ยังหาหมูย่างไม่เจอ พวกเขาทั้งสองคนก็ตายก่อนแล้ว
เพราะนั่งอยู่ด้านหลังซ่างกวนฉู่ กู้ชูหน่วนเห็นสายตาซ่างกวนฉู่จ้องมองด้านหน้า นางจึงมองไปตามสายตาของเขา
สถานที่อื่นล้วนเต็มไปด้วยหญ้า แต่หญ้าด้านหน้าฝั่งซ้ายกลับราบเรียบไปหมด ที่นั่นยังมีถนนเล็ก เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นมีคนไปมาบ่อย ดูจากรอยเท้าแล้วยังมีคนไม่น้อย
เมื่อมองดูต้นไม้รอบๆ ถ้าไม่ถูกโค่นไปทั้งราก ต้นไม้ใหญ่ประมาณสิบคนกอดได้ก็ถูกตัด
นี่…..
มีคนฝึกวิทยายุทธอยู่ที่นี่บ่อยหรือ?
คนฝึกวิทยายุทธจะมีฝีมือสูงส่งขนาดไหน ถึงสามารถตัดต้นไม้ใหญ่ประมาณสิบคนกอดได้แบบนี้?
กู้ชูหน่วนรู้ว่า ที่นี่ไม่ธรรมดาอย่างที่นางคิดแน่
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ช้าลงหน่อย หลบซ่อนอย่างระวังด้วย อย่าให้ใครเห็นพวกเรา”
ตั้งแต่ข้ามภพมา นางตกเหวมาหลายรอบมากแล้ว
และทุกครั้งที่ตกเหวก็ต้องพบกับความอัศจรรย์
หรือว่าครั้งนี้ก็มีความสุขอัศจรรย์?
แต่หวังว่าจะไม่ใช่ความอัศจรรย์ที่โหดร้าย
ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบร้อนอยากที่จะกินหมูย่างหรือเปล่า ส่งเสียงร้องอย่างค่อนข้างไม่พอใจ แล้วค่อยเชื่องช้าลง
ผ่านภูเขาใหญ่ไปอีกลูกหนึ่ง ในที่สุดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หยุดลงแล้ว ชี้ไปตรงภูเขาข้างหน้าแล้วก็ร้องพูดขึ้น
ในใจกู้ชูหน่วนกระตุก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าด้านหลังภูเขาลูกนั้นมีหมูย่าง?”
“ซี๊ด….”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หดร่างกาย แปลงร่างเป็นงูตัวเล็กยาวประมาณเมตรกว่าๆ บิดก้นงูปีนขึ้นไปบนกำแพงภูเขา งูยาวตัวหนึ่งสะบัดหาง ไม่รู้ว่าไปแตะค่ายกลอะไร กำแพงภูเขาเกิดเสียงกระทบกัน จากนั้นประตูหินตรงกำแพงภูเขาก็เปิดอัตโนมัติ
กู้ชูหน่วนกับซ่างกวนฉู่มองตากัน แล้วก็พูดออกมาพร้อมกันว่า “เจ้ารอข้าอยู่ด้านนอก ข้าเข้าไปดูข้างใน”
พูดเสร็จ ทั้งสองคนต่างก็อึ้งไปพักหนึ่ง
ซ่างกวนฉู่พูดขึ้นว่า “เข้าไปด้วยกันเถอะ”
ด้วยนิสัยของนาง ไม่ให้นางเข้าไปนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เข้าไปพร้อมกันยังจะดีกว่า