อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 713 ส่งไปเผ่าหยกเถอะ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 713 ส่งไปเผ่าหยกเถอะ
ภายในร่างกายของกู้ชูหน่วนมีพลังสองสายกำลังวิ่งพล่านปะทะกันไม่หยุด ราวกับจะทะลุร่างนางออกมาให้ได้
นางเจ็บปวดจนหายใจลำบาก ใบหน้าที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน กระทั่งเหมือนเครื่องบีบอัดที่บีบใบหน้าของนางให้เปลี่ยนรูป
ร่างกายราวกับถึงขีดสูงสุดแล้ว ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่พลังยุทธของผู้อาวุโสหกจะถูกนางดูดไปจนหมด ตัวนางเองก็จะจุกจนร่างระเบิดและตายในที่สุด
นึกถึงภารกิจของตนเอง กู้ชูหน่วนพยายามบังคับให้ตนเองสงบจิตใจลงและเรียนรู้คาถาที่ผู้อาวุโสหกสอนนาง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคาถาไม่เป็นผล หรือว่านางเรียนรู้ผิดไป กู้ชูหน่วนถอนฝ่ามือไม่ได้เลย
“ฟู่……”
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา ในปากก็ร้องอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่ง สองคนที่เดิมทีเกาะติดกันอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมจึงได้แยกออกจากกันแล้ว
ผู้อาวุโสหกก็บาดเจ็บไม่น้อย ใบหน้าที่เดิมทีมีเลือดฝาดตอนนี้เห็นแต่ความซีดเผือด
สวีหู่รีบเดินเข้าไปอย่างร้อนใจ “นายหญิง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ”
“อย่าเข้ามาใกล้อีก”กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างอ่อนแรง นางไม่อยากจะดูพลังใครอีกแล้ว
ร่างของนางแทบจะระเบิดแล้ว
หลังจากผ่านเรื่องของเวินเส้าหยีกับผู้อาวุโสหก พวกสวีหู่ไหนเลยจะกล้าเข้าแตะต้องนางโดยพลการ ได้แต่เอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “นายหญิง ท่านหมอกำลังจะมาถึงแล้ว ท่านอดทนอีกนิด”
กู้ชูหน่วนนั่งขัดสมาธิลง ปรับลมปราณในร่างกายตนเอง พยายามหยุดลมปราณที่กำลังปะทะกันภายในร่างกายของตนเอง
ขั้นตอนนั้นเจ็บปวดมาก หน้าผากของนางมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุด คิ้วสวยขมวดแน่น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเท่าเมื่อครู่แล้ว
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป กู้ชูหน่วนจึงค่อยบรรเทาลง
ลืมตาขึ้นมา ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่นางอย่างร้อนใจ
“ยัยหนู ดูดซับลมปราณภายในร่างกายได้หรือยัง นั่นมันเป็นพลังภายในที่ข้าฝึกฝนมาอย่างยากลำบากนับสิบปี ถ้าหากเจ้าไม่สามารถดูดซับได้ ก็เป็นการผิดต่อข้ายิ่งนัก”
“ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับที่เท่าไหร่”น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนฟังดูอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ว่าสีหน้ากลับดูดีขึ้นมาก
ต่อหน้าคนตั้งมากมาย ผู้อาวุโสหกรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย
อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงผู้อาวุโสหกของเผ่าหยก ถ้าหากมีข่าวแพร่ออกไปว่าเขามีวรยุทธที่เทียบกู้ชูหน่วนยังไม่ได้ ไม่เท่ากับให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ
ได้แต่ยิ้มแห้งๆอย่างตะขิดตะขวงใจว่า “ก็แค่พลังภายในลดลงไปเล็กน้อย ค่อยฝึกฝนก็ได้แล้ว แต่โชคดีที่พลังภายในเหล่านั้นไม่ได้สูญเปล่า แต่ถูกส่งไปในร่างกายของเจ้าแล้ว”
“ขออภัยด้วย”
มุมปากของกู้ชูหน่วนขยับเล็กน้อย อยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
นางรู้ดีว่าพลังภายในเหล่านั้นล้วนส่งผ่านมาอยู่ที่ร่างของนางแล้ว ผู้อาวุโสหกกลับไม่ตำหนิเลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังคงเต็มไปด้วยความเต็มใจ
“เด็กโง่ ล้วนเป็นคนในครอบครัว จะพูดจาเพ้อเจ้อทำไม ผู้อาวุโสหกจะประคองเจ้าขึ้นมาเอง”
หลังจากลุกขึ้นมาแล้ว กู้ชูหน่วนก็มองเห็นเวินเส้าหยีที่ถูกลูกน้องควบคุมตัวเอาไว้
เวินเส้าหยียังคงสวมหน้ากากผีเสื้อ มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ว่าดวงตาของเขาหม่นหมองไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าบางส่วนที่เผยออกมาซีดเผือดจนน่ากลัว
ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามยืดหลังตรงให้ดูสง่าผ่าเผย แต่กลับดูไม่ออกเลย เขาได้แต่อดทนประคองให้ตนเองไม่ล้มลงอยู่ตลอดเวลา
เขา……
บาดเจ็บสาหัสมาก
อีกทั้งยังร่วงลงไปที่ระดับที่หนึ่ง
จากระดับหกหล่นไปอยู่ที่ระดับที่หนึ่ง……
นี่มัน……
เกรงว่าบนโลกนี้คงมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นกระมัง
สำหรับเวินเส้าหยี ความรู้สึกของกู้ชูหน่วนนั้นซับซ้อนมาก ด้านหนึ่งก็เกลียดชังเขาที่เป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น เกลียดที่เขายุ่งไม่เข้าเรื่อง ด้านหนึ่งนอกจากสถานะของเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องไร้คุณธรรมโหดเหี้ยมอะไร ตรงกันข้ามกลับช่วยชีวิตนางไว้หลายครั้ง
“รองหัวหน้าเผ่าซือคงอยู่ที่ใด”กู้ชูหน่วนเอ่ยถามทันที
“ไม่รู้”
“ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น เขารู้วิชาเวทมนตร์ แต่ท่านจะไม่รู้สักนิดเลยหรือ”
เวินเส้าหยีเบือนหน้าไปทางอื่น ราวกับไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องนี้
“มุกมังกรเล่า มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้”
“เวินเส้าหยี อย่าคิดว่าท่านเคยช่วยข้า แล้วข้าจะไม่กล้าจัดการท่านนะ ถ้าท่านไม่พูดถึงที่อยู่ของมุกมังกร ก็บอกมาว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงอยู่ที่ใด ไม่เช่นนั้น ……”
“ไม่เช่นนั้นจะทำไม”
“ก็ไม่ทำไม แค่จะเชิญท่านดื่มชาด้วยกันเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนจงใจเน้นที่คำว่าดื่มชา คำพูดที่แฝงการข่มขู่นั้นไม่พูดออกมาตรงๆก็สามารถรับรู้ได้
สวีหู่รู้ใจ และไม่รู้ว่าไปเอาโซ่ตรวนมาจากที่ใด ได้คล้องขาขวาของเวินเส้าหยีเอาไว้ทันที
ขนาดของโซ่ตรวนมีขนาดพอดีกับขาขวาของเวินเส้าหยีพอดี เหมือนทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
สวีหู่พูดเสียงเย็นว่า “โซ่ตรวนนี้ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดี แม้แต่ยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ไม่สามารถเปิดได้ ถ้าหากฝืนคลายออก เข็มเล่มเล็กๆที่อยู่ข้างในจะค่อยๆแทงเข้าไปที่ขาของท่านทีละนิ้ว ทำให้ท่านเจ็บปวดจนอยากจะตาย ทางที่ดีท่านก็พูดความจริงออกมา”
อีกฟากของโซ่ตรวนถูกสวีหู่ดึงเอาไว้
แม้ว่าโซ่ตรวนจะยังไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหวในตอนนี้ แต่โซ่ตรวนนี้ก็เหมือนการเหยียดหยามเขา เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเวินเส้าหยีไว้ใต้ฝ่าเท้า
กู้ชูหน่วนพูดว่า “คนของเผ่าเทียนเฟิ่นเจ้าเล่ห์เกินไป ข้าจึงจำเป็นต้องใช้ไม้นี้”
เวินเส้าหยีหลุบตาลงไปมองโซ่ตรวนสีดำเป็นประกายบนข้อเท้าแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “ในเมื่อตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงกันก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”
“แม้จะสับเขาเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น ก็ยากที่จะระบายความแค้นที่มีอยู่ในใจข้าได้ นายหญิง ถ้าหากเขาไม่ยอมบอกว่าตาเฒ่าซือคงกับมุกมังกรอยู่ที่ใด พวกเราก็ส่งเขาไปที่เผ่าหยกเถอะ ผู้คนมากมายในเผ่าหยกจะทำให้เขาร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่ได้เช่นกัน ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ส่งไปที่เผ่าหยกเถอะ”
คำพูดเย็นชาเพียงประโยคเดียวแทบจะเท่ากับเป็นการตัดสินโทษตายให้กับเวินเส้าหยี
ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนของเผ่าหยกชิงชังเขาจนอยากจะให้เขาทรมานโดยที่ไม่อาจร้องขอชีวิต หรือเรียกร้องให้ตายได้
แม้จะถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน เวินเส้าหยียังไม่รู้สึกอะไร
แต่คำพูดสุดท้ายของกู้ชูหน่วน กลับทำให้เขาเจ็บใจขึ้นมาทันที
ส่งไปเผ่าหยก
แม้แต่การสอบสวนนางก็จะไม่ทำเลยหรือ