อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 727 ใบบัวที่น่ากลัว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม 727 ใบบัวที่น่ากลัว
เสี่ยวลู่กุมหน้าอกแน่น
ที่ผ่านมาเผ่าหยกไม่เคยอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามา ตอนนี้พริบตาเดียวนายหญิงก็พาคนนอกเข้ามาถึงสามคนแล้ว ผู้อาวุโสในเผ่าจะไม่โมโหตายเหรอ
แต่ ณ เวลานี้ก็ไม่มีทางเหลือให้เลือกแล้ว ผู้ใดอยู่คนนั้นก็จะต้องตายเป็นแน่
จอมมารฉีกยิ้ม ดวงตาต่างสีที่แฝงได้ด้วยความหยิ่งผยองและความปีติเล็กน้อยทั้งคู่มองไปทางเสี่ยวลู่อย่างท้าทาย ราวกับว่ากำลังโอ้อวดกับเสี่ยวลู่เช่นนั้น
“ระวัง”
กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดังมาอย่างฉับพลัน
กว่าจอมมารจะดึงสติกลับมาได้ก็สายไปแล้ว ดอกลำโพงของเขาถูกเถาวัลย์สีเขียวเกาะเกี่ยวไว้อย่างรวดเร็ว ทอดยาวคดเคี้ยวขึ้นไปตลอดทาง แทบจะถูกเขมือบกลืนเข้าไปทั้งหมดแล้ว หากไม่ใช่การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวทันท่วงทีของกู้ชูหน่วน ฟันดอกลำโพงของเขาทิ้ง และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนั่น เกรงว่ามือขวาของจอมมารก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวเป็นห่วงข้า”
ปัญญาอ่อน
นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะออดอ้อนนางอยู่อีก มองไม่เห็นหรือไงว่าสุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ตามติดมาอยู่ด้านหน้าแล้ว?
“ฉึบ….”ทีหนึ่ง กระบี่ของกู้ชูหน่วนเสียบไปที่ก้นม้าอย่างแรง แย่งบังเหียนในมือของเจี่ยงเสวียมา เพิ่มความเร็วโดยไม่ลังเลเลย พุ่งลงไปที่ก้นบึ้งของหน้าผา
“อ้า……”
แม้ว่าทุกคนจะเตรียมใจที่จะกระโดดลงไปจากหน้าผาอันสูงชันเช่นนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ก็ยังทำให้พวกเขาร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้
ชุดแดงของจอมมารแฉลบ โอบเอวเพรียวบางของกู้ชูหน่วนไว้ ตกลงหน้าผาไปพร้อมกับนาง
แม้ว่าจะตาย เขาก็ต้องการจะกอดกู้ชูหน่วนไว้แล้วตายไปพร้อมกัน
แทบจะในช่วงวินาทีนั้นที่พวกเขาตกหน้าผา สุดยอดผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็ตามพวกเขาได้ทันในที่สุด
เมื่อเห็นพวกเขาพุ่งลงหน้าผาไป เถาวัลย์สีเขียวของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ก็ทอดยาวคดเคี้ยวออกไป ปรารถนาจะม้วนพวกเขาขึ้นมา
พายุฝนของสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยก็เหมือนดั่งม่านผืนใหญ่เช่นนั้น ตั้งใจจะช้อนพวกเขาขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีสุดยอดผู้อาวุโสอีกสองคนที่ลงมือด้วย
แต่…..
ที่ไม่ข้อยกเว้นก็คือ พลังอันแข็งแกร่งขวางกั้นการโจมตีทั้งหมดของพวกเขากลับไป สะเทือนให้พวกเขาถอยไปตามๆกัน
สุดยอดผู้อาวุโสสามสี่คนนั้นตกตะลึง
ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก
หรือในนั้นจะมียอดฝีมือระดับเจ็ดอยู่อย่างนั้นหรือ?
ไม่ ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเจ็ด
แต่เป็นค่ายกลสังหารชั้นยอดที่ยอดฝีมือระดับเจ็ดเคยวางไว้ที่นี่ ค่ายกลสังหารนั่นขวางกั้นพวกเขากลับมา
เหยื่อมาถึงมือก็หนีไปเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร
หากนี่คือมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดก็ยังพอว่า แต่บังเอิญว่านี่เป็นเม็ดที่เจ็ด
เพียงแค่มุกมังกรเม็ดนี้ถูกนำกลับไป เผ่าหยกก็อาจจะถอนคำสาปโลหิตได้
หากว่าคำสาปโลหิตถูกถอนได้ พวกเขาจะไม่แก้แค้นเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างโจ่งแจ้งเหรอ?
ไม่ พวกเขาไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เด็ดขาด
สุดยอดผู้อาวุโสสามสี่คนนั้นต่างไม่เต็มใจ พยายามคิดทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายค่ายกลที่อยู่เบื้องล่างของหน้าผา พวกเขาเชื่อว่า ด้านล่างของหน้าผาลูกนี้ไม่เพียงเป็นที่อยู่ของเทพเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเข้าของเผ่าหยกอีกด้วย
โดยเฉพาะสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ที่เพิ่งจะได้รู้ว่าสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่น้องชายแท้ๆของเขาถูกกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆหลอกล่อจนเสียชีวิตอยู่ที่แดนเหนือสุด
มีความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้ง จะให้เขาปล่อยวางลงได้อย่างไร
ก้นบึ้งของหน้าผา กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆตกลงไปบนใบบัวอย่างแรง
ที่เหนือความคาดหมายก็คือ ใบบัวไม่ได้ถูกกดทับจนหักงอจากการที่พวกเขาตกลงมากระแทกจากที่สูง แต่กลับมีความยืดหยุ่นมาก ดีดกู้ชูหน่วน เสี่ยวลู่ รวมทั้งเย่จิ่งหานขึ้นไป
กู้ชูหน่วนปัดเสื้อผ้าบนตัวที่มีรอยยับย่น ชำเลืองมองไปที่หน้าผาสูงชันที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้นั้น รู้สึกสะพรึงเล็กน้อยที่ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นแต่กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด
สระบัวที่มองไปแล้วไร้ร่องรอยนั่นยิ่งทำให้นางเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
“อ้า……..”
ทันใดนั้น ในที่ที่ไม่ไกลก็มีเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถดังขึ้น รวมทั้งเสียงแห่งเจ็บปวดที่เปล่งออกมาด้วยความอัดอั้นอีกเสียงหนึ่ง
กู้ชูหน่วนฟังออก เสียงอันน่าอนาถนั่นเป็นเสียงที่เจี่ยงเสวียเปล่งออกมา เสียงที่เปล่งออกมาด้วยความอัดอั้นคือจอมมารเปล่งออกมา
“อาโม่ เจี่ยงเสวีย พวกเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“พี่สาว ข้า……ข้าอยู่ในนี้……”
กู้ชูหน่วนแหวกใบบัวออกไปไม่หยุด หาเบาะแสของจอมมารและเจี่ยงเสวียในสระบัว
ในที่สุด นางก็เจอแล้ว ซึ่งนั่นทำให้นางเกิดความตกใจและรู้สึกสงสารขึ้นอย่างอดไม่ได้
นั่นเป็นภาพสถานการณ์เช่นไร
เจี่ยงเสวียอยู่บนใบบัวโดยไม่สามารถขยับได้ เลือดในร่างกายไหลออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ละหยดซึมเข้าสู่ใบบัวทั้งหมด ทำให้ใบบัวสีเขียวที่ผลิบานยิ่งเขียวชอุ่มสะดุดตายิ่งขึ้น
ดอกบัวนั่นปกคลุมที่ศีรษะของเขา เกสรดอกไม้เหมือนหนอนดูดเลือดเช่นนั้นดูดสารหล่อเลี้ยงร่างกายและไขกระดูกของเขาไม่หยุด ทำให้เจี่ยงเสวียเจ็บปวดจนร้องออกมาด้วยความน่าอนาถโดยไม่สนใจภาพพจน์
จอมมารไม่ได้ต่างไปจากเจี่ยงเสวียมากนัก เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ยิ่งดิ้นรนดอกบัวและใบบัวเหล่านั้นก็ยิ่งดูดกินสารอาหารอย่างโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
แม้ว่าจอมมารจะเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดระดับห้า แต่เผชิญหน้ากับใบบัวและดอกบัวเหล่านี้ก็ไม่มีแรงกำลังจะต่อต้านได้สักนิด
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมพวกเราถึงไม่เป็นไร แต่พวกเจ้ากลับมีปัญหาแล้วล่ะ”
กู้ชูหน่วนพยายามดึงดอกบัว ใบบัวเหล่านั้นออกไปอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยพวกเขาออกมา แต่ไร้ประโยชน์ มันกลับทำให้ใบบัวดอกบัวเหล่านั้นดุดันเหี้ยมโหดยิ่งขึ้นไปอีก
เสี่ยวลู่ก็กำลังช่วย แต่ดอกบัวเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนกำแพงเหล็กผนังทองแดงเช่นนั้น ไม่ว่าพวกนางจะฉุดดึงหรือทุบสับและเผาอย่างไรก็ไม่เกิดผล
เมื่อเห็นว่าเจี่ยงเสวียและจอมมารสูญเสียเลือดและสารหล่อเลี้ยงร่างกายไปเป็นจำนวนมาก มีอันตรายต่อชีวิตได้ตลอดเวลา กู้ชูหน่วนจึงบังคับให้ตัวเองสงบลง
“พี่สาว……ข้า…..ข้าเจ็บ…..”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนขยับอย่างฉับพลัน กัดนิ้วมือของตัวเอง เอาเลือดหยดลงไปบนใบบัวและดอกบัว
ดอกบัวและใบบัวที่ดุร้ายและเหี้ยมโหดเหล่านั้นเมื่อได้ดูดกินเลือดของกู้ชูหน่วนแล้ว ความดุร้ายก็หายไปในพริบตา ไม่กลืนกินพวกเขาทั้งสองอีก และเก็บเกสรดอกไม้กับใบบัวขึ้น ปล่อยให้เจี่ยงเสวียและจอมมารตกลงไปในสระบัว ไม่โจมตีพวกเขาอีกต่อไป
กู้ชูหน่วนรีบช่วยประคองจอมารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้น กล่าวอย่างกังวลว่า “อาโม่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ็บ…..เจ็บจนข้าจะตายอยู่แล้ว”
จอมมารยื่นมืออันขาวกระจ่างและงดงามทั้งคู่ออกมา เนื่องจากมือทั้งคู่ของเขาเสียเลือดมากเกินไป จึงซีดขาวไม่มีสีเลือดสักนิด กระทั่งยังเป็นรอยย่นเล็กน้อยอีกด้วย
ม่านตาคนละสีสีฟ้าข้างหนึ่งสีม่วงข้างหนึ่งของเขาหดตัวลงทีละน้อย สุดท้ายก็เปล่งเสียงร้องจ้ากคำรามด้วยความตื่นตระหนกออกมา
หูของกู้ชูหน่วนถูกสะเทือนจนหูอื้อ แทบจะพลั้งมือสะบัดจอมมารออกไป
“มือของข้า……ทำไมมือของข้าถึงได้มีรอยย่นแล้วล่ะ? งั้นใบหน้าของข้าล่ะ ก็มีรอยย่นด้วยใช่หรือไม่?”
จอมมารปิดกุมใบหน้าอันเป็นเลิศของตัวเองไว้อย่างมิดชิด พยายามออกไปให้ไกลจากกู้ชูหน่วน
แต่เนื่องจากเสียเลือดมาก จึงยืนไม่มั่นคงจนแทบจะล้มลงไปแล้ว
กู้ชูหน่วนประคองเขาไว้ กอดเขาไว้ตบหลังเขาและกล่าวปลอบใจอย่างต่อเนื่องว่า “ใบหน้าของเจ้าไม่ได้มีรอยย่น ใบหน้าของเจ้ายังงดงามเหมือนเดิม เด็กดี อย่าร้องโวยวายเสียงดังอีกเลย ไม่รู้ว่าพวกตาเฒ่าอมตะเหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นไล่ตามมาหรือไม่ ร้องต่อไปเบาะแสของพวกเราก็จะถูกเปิดเผยแล้ว”
“มือของข้าย่นไปหมดแล้ว ใบหน้าของข้าจะไม่ย่นได้หรือ?”
“เจ้าไม่เชื่อใจคนอื่น แม้แต่ข้าเจ้าก็ไม่เชื่อใจด้วยงั้นหรือ? ข้าเคยหลอกเจ้าเมื่อไหร่กัน”
“อันนี้…….เหมือนว่าท่านจะหลอกข้าอยู่หลายครั้งเชียวล่ะ”
“ใช่หรือ ทำไมข้าจำไม่ได้ แต่รอยย่นเล็กๆนั่นของเจ้าจะนับอะไรได้ เจ้าดูสิ……”
กู้ชูหน่วนหยิบยาออกมาขวดหนึ่ง ทายาบนหลังมือของเขา รอยย่นเล็กๆที่เกิดขึ้นมาในทีแรกก็ค่อยๆหายไปเพราะการทายาของนาง
มือของเขายังคงนุ่มนวลกระจ่างใสเหมือนเมื่อก่อน กระทั่งยังมีกลิ่นหอมจางๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย จิตใจอันตึงเครียดของจอมมารก็คลายลง
“นี่คือยาอะไร ได้ผลดีเช่นนี้ พี่สาว ท่านมอบให้ข้าได้หรือไม่?”
“ได้”
ไม่ง่ายที่จะปลอบจอมมารให้ดีขึ้นได้ พริบตานั้นที่หันหน้าไปมองทางเจี่ยงเสวีย ทั้งสองคนก็ล้วนไม่มีคำพูดแล้ว
เจี่ยงเสวียดูเหมือนแก่ขึ้นเป็นสิบปีในชั่วอึดใจเดียว สีหน้าซีดขาว มีรอยเหี่ยวย่นทุกที่ไม่ว่า แม้แต่ดวงตาก็เว้าลึกลงไปแล้ว ไม่มีชีวิตชีวาแม้สักนิด
นี่เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ไหนกัน…..
แค่ดูแวบแรก ก็กลัวว่าจะไม่ได้อายุเพียงแค่ห้าสิบปีแล้วล่ะมั้ง……