อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 728 กลับถึงเผ่าหยก
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 728 กลับถึงเผ่าหยก
จอมมารรีบหยิบกระจกเล็กๆบนตัวออกมา มองดูตัวเองในกระจกด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย
เขาไม่ได้แก่จนน่ากลัวเหมือนเจี่ยงเสวีย เพียงแค่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยเท่านั้น
จอมมารถอนหายใจลมสกปรกออกมายาวๆ ไม่ช้าจิตใจเขากังวลขึ้นมาอีก รอยเหี่ยวย่นนี่ช่างน่าเกลียดนัก ทำให้เขาดูแก่ขึ้นไปหลายปีในพริบตา
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “พอแล้ว ไม่ต้องส่องแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเจ้าจะมีริ้วรอยเพียงเล็กน้อยนี่ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นตาแก่ ข้าก็ไม่รังเกียจเจ้า รอจนกลับถึงเผ่าหยก ข้าช่วยเจ้าบำรุงสักหน่อย รับรองว่าจะทำให้เจ้าสง่างามสะดุดตาผู้คนเหมือนเมื่อก่อนได้แน่นอน”
พูดก็พูดเช่นนี้ แต่จอมมารก็ยังรู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่นิดหน่อย เขาเอาผ้าปิดหน้าออกมาชิ้นหนึ่ง คลุมหน้าของตัวเองไว้ พยายามอยู่ให้ไกลจากกู้ชูหน่วนเท่าที่จะทำได้ ปากก็บ่นพึมพำ
“น่าแปลกจัง ทำไมใบบัวกินคนและดอกบัวเหล่านี้จึงทำร้ายเพียงแค่ข้ากับเจี่ยงเสวีย หรือเป็นเพียงเพราะพวกเราไม่ใช่คนเผ่าหยกงั้นหรือ?”
“น่าจะใช่ สระบัวแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นก็เพื่อปกป้องเผ่าหยก”
กู้ชูหน่วนนั่งยองลง ช่วยตรวจชีพจรให้เจี่ยงเสวีย
เขาถูกช่วยได้ทันเวลา ชีวิตไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แต่เขาเสียเลือดมากเกินไป สารหล่อเลี้ยงร่างกายก็ถูกดูดไปมาก เกรงว่าคงจะยากมากที่จะฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น
จอมมารกล่าว “เลือดของท่านสามารถควบคุมดอกบัวได้ ทำไมท่านไม่เอาออกมาให้เร็วหน่อย ทำให้ข้าถูกดูดเลือดไปมากขนาดนั้น”
“ข้าก็แค่คิดที่จะลองดูเท่านั้น”
คิดถึงสภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ กู้ชูหน่วนก็ยังคงเหงื่อตก
หากว่าเลือดของนางใช้ไม่ได้ เช่นนั้นนางก็ไม่รู้จริงๆว่าจะช่วยพวกเขาได้อย่างไรแล้ว
“เจี่ยงเสวีย เจ้าเป็นยังไงบ้าง ยังไหวหรือไม่?”
เจี่ยงเสวียพยักหน้าอย่างยากลำบาก
เขายังไม่ตาย เพียงแค่ไร้แรงกำลังไปทั้งร่างกายเท่านั้น
“ท่าน……ท่านอ๋อง…..” เจี่ยงเสวียชี้ไปที่เจ้านายของตัวเองอย่างสั่นเทา ในตาเผยความกังวลใจออกมา
“วางใจเถอะ เขาก็เป็นคนรุ่นหลังของเผ่าหยก ดอกบัวเหล่านี้จะไม่ทำร้ายเขา เสี่ยวลู่ เจ้าพยุงเขาเดินไปพร้อมกัน”
กู้ชูหน่วนพูดพลางก็ประคองเย่จิ่งหานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสสลบไม่ได้สติอยู่ขึ้นมา เดินไปตรงส่วนลึกของดอกบัวด้วยความยากลำบากตลอดทาง
จอมมารไม่ยอม ขวางอยู่เบื้องหน้าของกู้ชูหน่วน ชี้ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของตัวเอง กล่าวด้วยความคับข้องใจ “พี่สาว ข้าก็บาดเจ็บ ข้าก็ต้องการให้ท่านประคองเช่นกัน”
“เจ้าจริงจังหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“ข้าไม่จริงจังยังไงกัน ท่านดูสิว่าข้าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน? ข้าเสียเลือดมากเกินไป ขาสองข้าก็อ่อนจนเดินไม่ได้แล้ว ไม่งั้นท่านแบกข้าสิ”
“รอให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสเหมือนกับเย่จิ่งหานก่อน ค่อยมาหาข้าใหม่ละกัน”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว สวรรค์รู้ว่าเย่จิ่งหานหนักเพียงใด นางถูกกดจนแทบจะหมดแรงแล้ว
หากไม่รีบกลับไปรักษาที่เผ่าหยกอีก อาการบาดเจ็บของเย่จิ่งหานจะต้องเลวร้ายขึ้นเป็นแน่
จอมมารยังคงหงุดหงิด ดึงเย่จิ่งหานและผลักไปบนตัวของเสี่ยวลู่
เย่จิ่งหานมีสิทธิ์อะไรมาครอบครองกู้ชูหน่วนตอนที่หมดสติอยู่
ตอนที่หมดสติก็ยังสามารถครอบครองกู้ชูหน่วนได้อีก
เสี่ยวลู่ประคองเจี่ยงเสวียก็ต้องออกแรงมากแล้ว ประคองเย่จิ่งหานด้วย ร่างกายก็แทบจะถูกกดทับจนล้มลงไปแล้ว
นางมองไปทางนายหญิงของตัวเองด้วยความน้อยใจ ใช้สายตาบอกใบ้ว่าตัวเองไม่ได้มีสามหัวและหกแขน
กู้ชูหน่วนพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าเฝ้าภาวนาให้ข้ากลับไปไม่ถึงเผ่าหยกเป็นที่สุดใช่หรือไม่?”
“จะเป็นไปได้ยังไง เพียงแค่พี่สาวต้องการ ก็คือสิ่งที่อาโม่ต้องการ”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าสร้างปัญหา เดินให้ดีๆ” กู้ชูหน่วนเอาเย่จิ่งหานกลับมาประคองอีกครั้ง
ดูว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเพียงใดอีกครั้ง แบกยังจะเร็วกว่าประคองซะอีก
กู้ชูหน่วนจึงแบกเย่จิ่งหานไว้บนหลังเสียเลย
จอมมารจะยอมได้อย่างไร
ประคองก็รู้สึกว่าเย่จิ่งหานลวนลามนางแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแบกแล้ว
“พี่สาว เย่จิ่งหานหนักขนาดนั้น บนตัวยังมีเลือดไหลตั้งมากมายอีก จะลำบากท่านได้อย่างไร แบกคนเรื่องเล็กๆแค่นี้ให้ข้าทำละกัน”
“ก็ได้ แต่หากเจ้าทิ้งเขาไประหว่างทาง ก็อย่าโทษที่ข้าเปลี่ยนสีหน้าไม่ยอมรับเจ้าเป็นเพื่อนสนิทละกัน”
“รู้แล้วรู้แล้ว”
หลังจากแบกเย่จิ่งหานดีแล้ว ไม่ว่าจอมมารจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าผิดปกติ
ผู้ชายที่อยู่บนหลังไม่เพียงแต่เป็นศัตรูของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นศัตรูหัวใจของเขาด้วย
เขาเป็นถึงเจ้าแห่งเผ่าปีศาจผู้สง่างามสูงส่ง ทำไมถึงได้ตกต่ำจนต้องมาแบกคนพิการได้?
แต่หากทิ้งเขาไว้ พี่สาวก็จะต้องแบกเองแน่นอน ถึงเวลาคนที่เหนื่อยก็ไม่ใช่พี่สาวหรอกหรือ?
แม้ว่าจะมีความไม่เต็มใจนับพันหมื่น จอมมารก็ยังคงกัดฟันแบกไว้แล้ว
เจี่ยงเสวียมองดูจนเหงื่อเย็นไหลอยู่ตลอด
เกรงว่าจอมมารจะอารมณ์ไม่ดี ทำร้ายท่านอ๋องของเขาไปโดยตรง แต่ตัวเขาเองก็ดันได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก แม้แต่ตัวเองก็ปกป้องตัวเองไม่ได้ ก็ยิ่งปกป้องผู้อื่นไม่ได้แล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงจะคุ้มกันท่านอ๋องของตัวเองได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงจับตาดูจอมมารไปตลอดทาง ระวังไม่ให้จอมมารแอบลงมือสังหาร
สระบัวใหญ่มาก พวกเขาเดินอยู่นานก็ออกไปไม่ได้ ที่นี่เหมือนเขาวงกตแห่งหนึ่งเช่นนั้น อย่างเดียวที่แตกต่างก็คือที่นี่ไม่มีค่ายกลมารบกวน ทำได้เพียงใช้เท้าน้อยๆของพวกเขาเดินกลับไปตลอดเท่านั้น
“พี่สาว อีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึง?” เขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วแน่น
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกไกลแค่ไหน นางก็มาเส้นทางนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
“เสี่ยวลู่ เจ้ารู้ทางหรือไม่?”
“ข้าน้อยไม่รู้เจ้าค่ะ เส้นทางตรงนี้พวกผู้อาวุโสในเผ่าล้วนไม่ให้พวกเราเดิน ไม่เช่นนั้นนายหญิงก็พักผ่อนตรงนี้สักหน่อย ข้าจะไปสำรวจทาง”
“ไม่ต้องหรอก ลำบาก”
กู้ชูหน่วนค้นหาในแหวนมิติรอบหนึ่ง ในที่สุดก็หาพลุสัญญาณพบอันหนึ่ง
นางจุดพลุสัญญาณยิงออกไปทันที จากนั้นก็หาที่นั่งที่หนึ่ง รออยู่นิ่งๆให้คนเผ่าหยกมารับนาง
จอมมารมองไปที่กู้ชูหน่วน แล้วมองไปที่พลุสัญญาณในอากาศอีกรอบ
เช่นนี้…..ก็ได้แล้วเหรอ?
เรื่องง่ายๆแค่นี้ เมื่อครู่ทำไมพวกเขาถึงคิดไม่ได้?
ยังมีพลุสัญญาณนี่อีก ทำไมเขาถึงมองไม่เห็น?
เป็นพลุสัญญาณเฉพาะของเผ่าหยกหรือ?
จอมมารวางเย่จิ่งหานลง ก็คิดจะถือโอกาสเหวี่ยงเขาออกไป เห็นกู้ชูหน่วนเพ่งมองมา จอมมารจึงทำได้เพียงวางลงเบาๆ
เสี่ยวลู่และเจี่ยงเสวียมองดูอย่างตกตะลึง
หากไม่เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือเจ้าแห่งเผ่าปีศาจที่มีอำนาจค้ำฟ้า?
จอมมารกล่าวอย่างประจบประแจงว่า “พี่สาว เผ่าหยกของพวกท่านยังรับสมัครคนอีกหรือไม่ หรือว่า ยังรับลูกเขยแกหรือไม่?”
“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?”
“อยากเป็นลูกเขย”
“จะแต่งงานกับใคร?”
“นี่….นี่คนอื่นเขาจะกล้าพูดได้ยังไงกันล่ะ”
“เจ้าลูกหมา ข้าขอบใจเจ้ามาก แต่……”
“พี่สาว ท่านดูสิสระบัวนี้สวยมาก ครั้งหน้าท่านพาอาโม่มาดูอีกดีหรือไม่ ข้าอยากนั่งเรือชมดอกบัว”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูดจบ จอมมารก็ตัดบทแล้ว
กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยใจคอที่เหี่ยวแห้ง เป็นทุกข์ใจเล็กน้อย
จอมมารชอบนาง นางจะไม่รู้ได้อย่างไร
เพียงแต่…..หัวใจของนางเล็กมาก……และตอนนี้ก็คิดเพียงแค่จะถอนคำสาปโลหิตของเผ่าหยกเท่านั้น
ชำเลืองมองเย่จิ่งหานที่สลบไร้สติ ท่าทางที่หลับสนิทของเขาเหมือนทารกแรกเกิดเช่นนั้น สะอาด ไร้ราคิน มองดูแล้วก็อดถลำเข้าไปไม่ได้
เผชิญหน้ากับคำพูดของจอมมาร นางทำได้เพียงฝืนยิ้ม “ได้ หากว่ามีโอกาสนั้น ข้าจะพาเจ้ามาล่องเรือที่นี่อีก”
“เหมือนมีคนมาแล้ว”
เสี่ยวลู่เอ่ยปากขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกคนระวังตัวขึ้นมาทันที
คนที่มาไม่ใช่คนของเผ่าหยก ก็เป็นตาเฒ่าหนังเหนียวอมตะไม่กี่คนนั่นของเผ่าเทียนเฟิ่น
โชคดี คนที่มาไม่ใช่ตาเฒ่าอมตะของเผ่าเทียนเฟิ่น แต่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าหยก ผู้นำไม่ใช่ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและผู้อาวุโสเก้าหรอกหรือ