อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 738 จำคุกชั่วชีวิต
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 738 จำคุกชั่วชีวิต
กู้ชูหน่วนตะคอกเสียงดังคำหนึ่งด้วยความเฉียบขาด แย่งไม้และแส้ในมือของประชาชนมา ดวงตาสีดำขาวแยกกันชัดเจนทั้งคู่นั้นดุดันจนน่ากลัว
เหล่าประชาชนคิดว่าความโกรธบนตัวของกู้ชูหน่วนนั้นมาจากเวินเส้าหยี
ประกอบกับการที่พวกเขาจับหัวหน้าเผ่าน้อยผู้สูงศักดิ์ของเผ่าเทียนเฟิ่นมาด้วยความลำบาก แต่ละคนล้วนกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า
“หัวหน้าเผ่าท่านดูสิว่าพวกเราจับผู้ใดมา? ผู้ชายคนนี้เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น และเป็นหัวหน้าเผ่าในอนาคต ตอนนี้เขาตกอยู่ในมือของพวกเราแล้ว”
“หลายปีมานี้เผ่าเทียนเฟิ่นกดขี่พวกเรามาโดยตลอด ทำร้ายพวกเราจนน่าอนาถขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เขาได้ลิ้มลองสัมผัสดูว่าอะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”
“หัวหน้าเผ่า พวกเราจะทรมานเขาอย่างไรดี? หรือว่าจะใช้ประโยชน์จากเขาอย่างไร เพื่อสังหารพวกเผ่าเทียนเฟิ่นที่สมควรตายเหล่านั้นไปซะ”
สายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยความเฝ้าหวัง ราวกับเพียงคำพูดเดียวของกู้ชูหน่วน พวกเขาก็จะลงมือทันที
คำพูดของกู้ชูหน่วนติดอยู่ในลำคอ ขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ ลงก็ลงไม่ได้
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นน่าเกลียดชัง แต่เวินเส้าหยี…..
จากที่นางรู้ เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมอะไร กลับกันยังคอยช่วยเหลือเกื้อกูลนางทุกอย่างอีก
จอมมารเล่นเส้นผมสีหมึกของตัวเองอย่างมีความสุข ดูความสนุกด้วยความสุขอยู่ข้างๆ
เวินเส้าหยีที่อ่อนแรงถูกแขวนห้อยไว้ด้วยโซ่ ลืมตาอันไร้เรี่ยวแรงขึ้น เห็นกู้ชูหน่วนที่สวมชุดสีเพลิงงดงามทั้งตัว อดหัวเราะเยาะอย่างโศกเศร้าออกมาไม่ได้ และหลับตาลงอีกครั้ง
ลมหายใจที่แปรเปลี่ยนนั่น เห็นได้ชัดว่ายอมรับชะตากรรมแล้ว
เฉียวเกอกล่าวว่า “ก็ไม่รู้ว่าใครดูดพลังของเขาไป จากระดับหกกลับเหลือเพียงระดับหนึ่ง ช่างน่าขันและน่าสมเพชจริงๆ แต่ก็ดูดได้ดี ดีที่สุดดูดไปทั้งหมดเลยยิ่งดี จะได้เลี่ยงไม่ให้เขาไปทำร้ายคนอื่นอีก”
กู้ชูหน่วนเบะปาก
ดูดพลังวิทยายุทธของเขา ก็ไม่ใช่นางหรือไง
นางพูดเสียงดัง “หากพวกเราต้องการจะต่อสู้กับเผ่าเทียนเฟิ่นก็ต้องต่อสู้อย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง อาศัยการหลอกใช้คนจึงจะสู้ชนะได้ แล้วพวกเราจะต่างอะไรจากเผ่าเทียนเฟิ่นพวกป่าเถื่อนเหล่านั้น?”
“ความหมายของหัวหน้าเผ่าคือ…..ฆ่าเขาไปซะเลยหรือ? เช่นนั้นจะเสียเปรียบเขาหรือไม่?”
“คนผู้นี้ยังมีประโยชน์กับข้า พวกเจ้าพาเขาไปที่ลานบ้านของข้า”
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าหัวหน้าเผ่าของตัวเองต้องการจะทำอะไร
ผู้อาวุโสเจ็ดได้รับบาดเจ็บหนัก เดินกะเผลกเข้ามา บนตัวพันผ้าพันแผลอย่างหนาแน่น
โดยปกติแล้วเขาก็เป็นคนอารมณ์ร้ายมาโดยตลอด และมีความเกลียดชังต่อเผ่าเทียนเฟิ่น เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วน ก็กล่าวด้วยความสงสัยว่า
“หัวหน้าเผ่า ข้าได้ยินมาว่าท่านแล้วเวินเส้าหยีมีความสัมพันธ์โดยส่วนตัวอย่างใกล้ชิด คงจะไม่ได้เป็นความจริงหรอกนะ?”
ตื้ด…….
หินก้อนเล็กกระตุ้นให้เกิดคลื่นใหญ่
ทุกคนมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หัวหน้าเผ่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นหรือ?
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
สีหน้าของกู้ชูหน่วนไม่น่าดูเล็กน้อย
“เขาเคยช่วยข้าไว้ ข้าติดหนี้บุญคุณเขาไว้ครั้งหนึ่ง”
ไม่รอให้ผู้อาวุโสเจ็ดพูดจา ประชาชนในเผ่าเจ้าคำหนึ่งข้าคำหนึ่งส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมาแล้ว
“เผ่าเทียนเฟิ่นได้ทำแต่เรื่องที่เลวร้ายเป็นที่สุด ไม่มีคนดีสักคน เขาจะช่วยท่านได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะช่วยท่าน ก็จะต้องมีจุดประสงค์เป็นแน่”
“ถูกต้อง หัวหน้าเผ่า ท่านอย่าได้ถูกเขาหลอกเชียว คนในเผ่าเทียนเฟิ่นล้วนชั่วร้ายมาก”
“ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตหัวหน้าเผ่าจริง แต่จากเรื่องที่พวกเขาทำต่อพวกเราแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะให้อภัยพวกเขาง่ายๆ”
“ถูกต้อง เวินเส้าหยีต้องตาย และก่อนตายนั้นแน่นอนว่าจะต้องทำให้เขาได้ลิ้มลองกับความทุกข์ทรมานที่พวกเราได้ประสบมาทั้งหมด”
โดยปกติประชาชนให้ความเคารพต่อกู้ชูหน่วนมาโดยตลอด แต่คราวนี้พวกเขากลับไม่ยอมแล้ว ยืนกรานคิดต้องการจะฆ่าเวินเส้าหยี
กู้ชูหน่วนชักสีหน้าขึ้น เพ่งมองทุกคนแล้วกล่าวทีละคำทีละประโยค “เช่นนั้นพวกเจ้าอยากให้ข้าเป็นคนที่ตอบแทนบุญคุณคนด้วยการชำระแค้น เป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึกไร้ความเมตตาเช่นนั้นหรือ?”
“หัวหน้าเผ่า……”
“อาหน่วน……”
“ไม่ว่าเวินเส้าหยีจะมีความคิดอะไร หรือว่าเขาจะมีฐานะอะไร ข้ารู้เพียงแค่ ถ้าไม่มีเขา ข้าก็ตายไปนานแล้ว เมื่อข้าติดหนี้บุญคุณเขา ก็จำเป็นต้องคืนให้เขา หากพวกเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นหัวหน้าเผ่าอยู่ ก็ไว้หน้าข้าสักครั้ง ปล่อยเขาก่อน แล้วกักบริเวณเขา”
ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด
ผู้อาวุโสปฏิเสธตรงๆโดยไม่ได้คิด “ไม่ได้ จะพูดยังไงก็ปล่อยเวินเส้าหยีไม่ได้”
“หัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสใหญ่เชิญ บอกว่ามีเรื่องสำคัญเร่งด่วนเป็นอย่างมากขอรับ”
ลูกศิษย์ผู้หนึ่งวิ่งมารายงานด้วยความรีบร้อน
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
นางกวาดตามองเหล่าบรรดาประชาชนมากมายกับเวินเส้าหยีที่ถูกแขวนอยู่บนแท่นทำโทษอย่างน่าอนาถจนดูไม่ได้นั่น รู้ว่าความแค้นของเวินเส้าหยีและเผ่าหยกไม่สามารถแก้ไข้ได้เร็วขนาดนั้น
และผู้อาวุโสใหญ่เรียกนางเข้าไป จะต้องมีเรื่องเร่งด่วนสำคัญเป็นแน่
ชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า กู้ชูหน่วนก็ยังเห็นผู้อาวุโสใหญ่เป็นสำคัญ ก่อนไปก็ทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง
“ไม่ว่าใครก็ห้ามลงโทษเวินเส้าหยีเป็นการส่วนตัว ผู้อาวุโสเจ็ดท่านบัญชาการที่นี่ หากว่ามีผู้ใดกล้าสร้างความลำบากให้เวินเส้าหยี หรือเกิดอะไรขึ้นกับเวินเส้าหยี ข้าจะมาเอาความกับท่าน”
ประโยคที่น่าเกรงขามนี้เป็นการพูดออกคำสั่งของหัวหน้าเผ่า
เป็นทั้งการขู่เหล่าประชาชน และกดดันผู้อาวุโสเจ็ดด้วย
ผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกผิดหวังมาก
คิดไม่ถึงว่าเพื่อศัตรูจากเผ่าเทียนเฟิ่นผู้หนึ่งแล้วหัวหน้าเผ่าของพวกเขาจะปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้…….
นี่ยังเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกเขาอีกหรือ?
ประชาชนของเผ่าหยกล้วนกระซิบกระซาบกัน แสดงความไม่พอใจบางอย่างต่อกู้ชูหน่วน
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆมากมายที่นางทุ่มเทเพื่อเผ่าหยก และเสียสละมากมายขนาดนี้ ความขุ่นเคืองของพวกเขาก็สลายไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ในโถงยา
ทันทีที่กู้ชูหน่วนเหยียบเข้าไป ก็ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสใหญ่ร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ เส้นเอ็นเส้นเลือดถูกสะเทือนขาดเกือบทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะเขามีพื้นฐานดี เกรงว่าคงจะตายไปนานแล้ว
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าช่วยระงับอาการบาดเจ็บให้เขาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาฟื้นตัวได้ทันที คิดต้องการจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ถ้าไม่มีซักแปดปีสิบปีก็คงเป็นไปไม่ได้
“หัวหน้าเผ่า” ทุกคนต่างพากันทำความเคารพ
ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยายามลุกขึ้นทำความเคารพ
กู้ชูหน่วนพยักหน้าเล็กน้อย ประคองผู้อาวุโสใหญ่ให้นอนบนเตียง กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ร่างกายท่านบาดเจ็บ นอนก็ได้”
“ได้……พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ แล้วปิดประตู ห้ามให้ผู้ใดเข้ามา และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวกับคนอื่นๆในห้อง
ทุกคนรู้ว่า ผู้อาวุโสใหญ่มีเรื่องสำคัญที่จะบอกหัวหน้าเผ่า แต่ละคนล้วนถอยออกไปหมด ล้อมรอบโถงยาไว้ ไม่ให้ผู้ใดเข้าไป
“ผู้อาวุโสใหญ่อยากจะบอกอะไรกับข้า?”
“ข้าได้ยินไป๋เฉ่าบอกว่า เจ้าล้มเหลวในการหลอมรวมมุกมังกร ในใจเจ้าคงมีคำถามมากมาย อยากรู้ว่าทำไมการหลอมรวมมุกมังกรถึงได้ล้มเหลวใช่หรือไม่?”
จิตใจของกู้ชูหน่วนตึงเครียด กล่าวอย่างจริงจัง “ท่านรู้ว่าเพราะอะไร?”
ผู้อาวุโสใหญ่ทอดถอนใจ ไม่ตอบคำถามของกู้ชูหน่วน แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“ผ่านมาหนึ่งพันปีกว่านี้ เผ่าหยกน่าสังเวชจริงๆ ทุกคนถูกทรมานด้วยคำสาปโลหิตตั้งแต่เกิด พวกเขาเกลียดแค้นคนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็สมเหตุสมผล อยากจะทรมานเวินเส้าหยีก็เข้าใจได้ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่มีคุณธรรมมาก เวินเส้าหยีเคยช่วยเจ้า เจ้าทนไม่ได้ที่เห็นเขาได้รับการทรมาน ข้าจะพยายามรักษาชีวิตของเขาไว้ ไม่ให้คนในเผ่าทำให้เขาลำบากเกินไปนัก”
“แต่……ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น แม้ว่าจะรักษาชีวิตเขาไว้ แม้ว่าจะพยายามให้ถูกทรมานน้อยหน่อย แต่ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่นี้เขาก็ทำได้เพียงถูกจองจำอยู่ที่เผ่าหยกแล้ว ใครใช้ให้เขาเกิดมาก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อย ทั้งยังเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยที่ยังอยู่อย่างสูงส่งอีกด้วยล่ะ”
กู้ชูหน่วนขยับปากแล้วขยับปากอีก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ตอนนั้นนางให้ไป๋จิ่นจับเขาไว้ แต่ไม่ได้ให้ไป๋จิ่นพาเขากลับมาที่เผ่าหยก
ตอนนั้นเวลาคับขัน นางไม่ทันได้มอบหมายงานให้ชัดเจน คิดไม่ถึง……