อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 746 การจากลาก่อนตาย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 746 การจากลาก่อนตาย
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้าทีหนึ่ง
“ข้าสงสัยแล้วสิว่าท่านเป็นคนของเผ่าหยกจริงๆหรือไม่ เผ่าหยกไม่ได้เกลียดเย่จิ่งหานเป็นอย่างมากจนแทบคุมตัวไม่อยู่หรือไง?”
“เทียบกับเผ่าหยก บางทีข้าอาจจะห่วงใยเจ้ามากว่าน่ะสิ”
สั้นๆคำเดียว ทำให้รอบยิ้มของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อแล้ว นางพลิกฝ่ามือกุมมืออันเย็นยะเยือกเล็กน้อยของอี้เฉินเฟย เอาศีรษะพิงบนไหล่ของเขา
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีพี่ชายจะรู้สึกดีขนาดนี้”
“เด็กโง่” เขาแทบอยากจะเอาของที่ดีที่สุดในโลกมามอบไว้ต่อหน้านาง สิ่งเหล่านี้นับอะไร
“นิสัยแม่ของเย่จิ่งหานแปลกประหลาด สามารถพูดได้ว่าทำให้อดีตหัวหน้าเผ่าตาย ทำให้สุดยอดผู้อาวุโสและคนอื่นๆตาย ทำให้ธิดาเทพตาย ทั้งยังแทบจะทำให้เจ้าตายด้วย เป็นธรรมดาที่เหล่าผู้อาวุโสจะไม่เห็นด้วยที่จะให้เจ้าอยู่กับเย่จิ่งหาน ต่อจากนี้อุปสรรคของเจ้ายังมีอีกมากมาย”
คิดถึงตรงนี้ ในดวงตาของอี้เฉินเฟยก็ปิดบังความเป็นห่วงไว้ไม่ได้
“มีพี่เฉินเฟยสนับสนุนข้า ข้าจะกลัวอะไร?”
“แค่กลัวว่า…..ข้าจะไม่มีทางได้อยู่เคียงข้างเจ้าไปได้ตลอดน่ะสิ หากว่าหลังจากนี้ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าวู่วามเด็ดขาด เห็นความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ”
“คำพูดนี้ของท่านฟังแล้วน่าแปลกชะมัด? ท่านคงไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอกนะ?”
“ข้าจะทำอะไรได้ เพียงแต่โลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกินไป ข้าก็ไม่กล้ารับรองว่าจะสามารถอยู่ข้ากายเจ้าไปได้ตลอด อีกอย่างที่สามารถอยู่ข้างกายเจ้าได้ ก็มีเพียงสามีของเจ้าเท่านั้น ข้าที่เป็นพี่ชายคนนี้จะนับอะไรได้”
“ตำแหน่งของพี่เฉินเฟยในใจของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็สั่นคลอนไม่ได้”
“จอมมารและเซียวหยู่เซวียนก็มีความรักความผูกพันอันลึกซึ้งต่อเจ้า โดยเฉพาะจอมมาร ที่เห็นเขาพึ่งพาไม่ได้ อันที่จริงแล้วก็ละเอียดอ่อนกว่าใคร ใส่ใจเจ้ามากกว่าผู้ใด ต่อไปนี้หากว่าเจ้าพบอันตรายอะไร ก็ไปให้เขาช่วยได้ เชื่อว่าเพียงแค่เจ้าเอ่ยปาก ไม่ว่าเจ้าจะเอ่ยเงื่อนไขอะไรออกมา เขาก็ล้วนตอบรับทั้งสิ้น”
“ข้าไม่ชอบน้ำเสียงในตอนนี้ของท่าน เหมือนเป็นคำสั่งเสียยังไงอย่างนั้น”
กู้ชูหน่วนผละจากอี้เฉินเฟย หมุนตัวแล้วคิดจะจากไป
อี้เฉินเฟยคว้ามือน้อยๆของนางไว้อีกครั้ง ในคำพูดที่อบอุ่นมีคำอ้อนวอนอยู่จางๆ
“พี่เฉินเฟยไม่ได้พูดเรื่องในใจกับเจ้ามานานแล้ว คืนนี้คุยเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนอยากไปเยี่ยมเย่จิ่งหานด้วยความร้อนใจ แต่ท่าทางน้ำเสียงของอี้เฉินเฟยทำให้นางปฏิเสธไม่ได้
“ดูเหมือนว่าคืนนี้พี่เฉินเฟยจะมีคำพูดมากมายเป็นพิเศษเชียวนะ”
“อาจเป็นเพราะนอนอยู่บนเตียงนานเกินไป ข้างกายก็ไม่มีเพื่อนที่จะสามารถพูดคุยได้ ตอนนี้สุขภาพร่างกายดีหน่อยแล้ว ก็พูดมากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้แล้ว”
“ก็ได้ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะชมจันทร์เป็นเพื่อนท่าน”
“ดี…..”
“พี่เฉินเฟย ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าเย่จิ่งหานกับข้าไม่ใช่พี่น้องกัน ดังนั้นตอนที่พวกเราแต่งงาน จนกระทั่งมีความสัมพันธ์กัน..… ท่านจึงไม่ได้ขัดขวาง”
“อืม”
“แล้วพวกผู้อาวุโสล่ะ ทำไมพวกผู้อาวุโสจึงไม่ขัดขวางด้วย พวกเขาเกลียดเย่จิ่งหานมากไม่ใช่หรือ? จะอนุญาตให้ข้าอยู่กับเขาได้อย่างไร”
“เจ้าฉลาดเฉลียว ทำอะไรก็ล้วนมีแผนการเป็นของตัวเอง พวกผู้อาวุโสไม่รู้ว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำ คิดว่าเจ้าแต่งงานกับเย่จิ่งหานเพื่อจุดประสงค์อื่น จึงไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เมื่อพวกผู้อาวุโสมารู้ทีหลังก็สายเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นเมื่อข้าเป็นลูกสาวของฮ่องเต้่เย่ แล้วเขาทำไมต้องพระราชทานงานแต่งให้ข้ากับอ๋องเจ๋อด้วยล่ะ?”
นางจำได้ว่าตอนที่เพิ่งจะข้ามมิติเข้ามา เรื่องการแต่งงานของนางกับอ๋องเจ๋อยังไม่ได้ยุติลง
“ยัยเด็กโง่ นั่นก็แค่การจัดฉากเท่านั้น ฮ่องเต้่เย่จะให้เจ้าแต่งงานกับอ๋องเจ๋อได้อย่างไร พระราชโองการอีกฉบับอยู่ที่ข้า หากว่าเรื่องราวพัฒนาไปทางนั้น ข้าก็จะเอาพระราชโองการถอนหมั้นออกมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว พระราชโองการฉบับนั้นคงไร้ประโยชน์แล้ว”
“ท่านร้ายกาจเกินไปแล้ว ปิดบังข้ามาตั้งนานขนาดนั้น ยังจะทำให้ข้าทรมานมาตั้งนานอีก”
“ขอโทษ พี่เฉินเฟยไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนั้น”
“เปล่าสักหน่อย บนโลกนี้มีเพียงข้าที่มีสิทธิ์รังแกคนอื่นได้ จะมีคนอื่นมารังแกข้าได้ที่ไหนกัน กลับเป็นท่าน ท่านรู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าสูญเสียความทรงจำ”
“ประมาณนั้นล่ะ”
อี้เฉินเฟยหยิบขนมดอกไม้ออกมาวางไว้ในมือของกู้ชูหน่วนอีกสองสามชิ้น ยิ้มแล้วกล่าว “ขนมเหล่าผ่านการจัดการแบบพิเศษมา วางไว้สิบวันครึ่งเดือนก็ไม่เสีย แต่ละรสชาติข้าทำไว้อย่างละสองสามชิ้น เจ้าใส่ไว้ในแหวนมิติ เวลาที่อยากกินก็หยิบออกมากิน”
“ท่านทำขนมไว้มากมายทำไม?”
“มีเวลาว่างพอดี ว่างก็ว่างเปล่าๆ จึงทำไว้เล็กน้อย อย่างไรซะเจ้าก็ชอบกินไม่ใช่เหรอ”
เขากลัวว่าต่อจากนี้จะไม่มีโอกาสทำขนมดอกไม้ให้นางอีก
ขนมดอกไม้เหล่านี้ ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำให้นาง
น่าเสียดาย…..ขนมดอกไม้เก็บไว้ได้ไม่นาน ไม่เช่นนั้นเขาก็อยากทำไว้มากหน่อย ให้นางเก็บไว้แล้วค่อยๆกิน
“พี่เฉินเฟยโง่จริงๆ ข้าอยากกินก็มาเอาที่ท่านโดยตรงก็ได้แล้ว สิ่งของในแหวนมิติของข้ากองเต็มไปหมดแล้ว แทบจะใส่ไม่ลงอยู่แล้ว”
“คาดไว้อยู่แล้ว นี่ แหวนมิติอันนี้มอบให้เจ้า ใหญ่กว่าอันเดิมของเจ้าเกือบเท่าหนึ่ง”
อี้เฉินเฟยหยิบแหวนสีแดงออกมาจากหน้าอกอย่างระมัดระวัง สวมให้นางด้วยตัวเอง
กู้ชูหน่วนตกตะลึงครู่หนึ่ง
แหวนมิติหายากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้มีหลายอันขนาดนี้?
อีกทั้งพื้นที่เก็บของก็ยังใหญ่กว่าอันเดิมของนางอีก……
“ดูเหมือนบนตัวของท่านจะมีของล้ำค่ามากมายเลยนะ ยังมีของรักของหวงอะไรอีก มอบออกมาให้หมดในคราวเดียวเถอะ” กู้ชูหน่วนหัวเราะเหอะเหอะ ทำท่าทางต้องการจะไปค้นตัวเขา
อี้เฉินเฟยจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “ยังเด็กโง่ ข้ามีของรักชั้นดียังจะเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้เจ้าได้หรือ”
แหวนมิติอันนี้ก็ไม่ง่ายกว่าเขาจะได้มาจากสุดยอดผู้อาวุโส เป็นแหวนมิติที่ใหญ่ที่สุดในเผ่าหยก หรือพูดได้ว่าเป็นลำดับต้นๆของทั้งโลกแล้ว
เพื่อแหวนวงนี้ เขาใช้ความพยายามไม่น้อย
แต่อี้เฉินเฟยจะไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับนาง
กู้ชูหน่วนก็รู้เป็นธรรมดาว่าหากมีของดีล้ำค่า อี้เฉินเฟยก็จะมอบให้นางอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นางไปขอโดยสิ้นเชิง
เพียงแค่เห็นว่าสุขภาพของอี้เฉินเฟยดีขึ้นมาก แล้วตัวเองก็ไม่ใช่น้องสาวของเย่จิ่งหาน จิตใจก็เป็นสุขแล้ว จึงหยอกล้อกับอี้เฉินเฟยขึ้นมา
มือของนางอยู่ไม่สุขลูบคลำอี้เฉินเฟย ค้นตัวอี้เฉินเฟยอย่างไม่เกรงใจ ปากก็ยิ้มแล้วกล่าว
“ข้าไม่เชื่อหรอก ไม่มีแล้วท่านจะกลัวข้าค้นตัวอีก ท่านอย่าหลบสิ พี่……”
“ฟู่ว…….”
ทันใดนั้น อยู่ดีๆอี้เฉินเฟยก็กระอักเลือดออกมาอย่างกะทันหัน
กู้ชูหน่วนตกใจยกใหญ่ มือสองข้างแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ
นาง……
ไม่ได้ออกแรงนี่นา
ทำไมถึงกระอักเลือดได้
“พี่เฉินเฟย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ…..”
อี้เฉินเฟยรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว และกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เปื้อนย้อมเสื้อผ้าของกู้ชูหน่วนเป็นสีแดง และย้อมเสื้อผ้าสีขาวราวหิมะของตัวเองเป็นสีแดงด้วย
จากนั้นดูดวงตาของเขาที่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง ร่างกายสั่นเทา ราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอันมหาศาลเช่นนั้น
กู้ชูหน่วนรับรู้ได้ว่า เขาเริ่มหงุดหงิดฉุนเฉียว อุณหภูมิทั้งร่างกายก็ร้อนปะทุขึ้น
ซืด…….
กู้ชูหน่วนสูดหายใจด้วยความตกใจ
คำสาปโลหิต……
กำเริบแล้ว……
วันนี้ไม่ใช่วันที่สิบห้า คำสาปโลหิตกำเริบได้อย่างไร?
ในระหว่างที่สงสัย จอมมารวิ่งมาด้วยความรีบร้อน
“พี่สาว แย่แล้ว เผ่าหยกเกิดเรื่องใหญ่แล้ว คำสาปโลหิตของทุกคนกำเริบ ที่ตายก็ตาย ที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ ที่บ้าคลั่งก็บ้าคลั่ง…….”