อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 748 อี้เฉินเฟยอุทิศตัวบูชา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 748 อี้เฉินเฟยอุทิศตัวบูชา
“อย่าพูด หยุดพูดได้แล้ว ท่านเก็บแรงกำลังไว้ก่อน ข้าจะพาท่านไปหาผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและสุดยอดผู้อาวุโส แม้ว่าจะต้องทุบสถานที่เข้าฌานของสุดยอดผู้อาวุโสซะ ข้าก็จะหามเขาออกมาให้ได้”
กู้ชูหน่วนแบกอี้เฉินเฟยขึ้น เดินโซเซลงเขาไปตลอดทาง
อี้เฉินเฟยที่อยู่บนหลังยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หยดติ๋งๆลงบนพื้น ฉาบให้พื้นเป็นสีแดง และย้อมดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงเช่นกัน
จอมมารแทบอยากจะต่อยตัวเองสักหมัดหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจะหงุดหงิดเขาเนื่องจากการที่เขาใช้วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้งกับอี้เฉินเฟยหรือไม่
ตอนนั้นเขาก็ไม่อยากรับปาก
แต่อี้เฉินเฟยอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ทั้งยังบอกอีกว่าบนตัวของพี่สาวก็มีคำสาปโลหิต เพียงแค่ถูกปิดผนึกไว้ชั่วคราวเท่านั้น
ตามกาลเวลาที่ผ่านเลยไป แรงผนึกบนตัวของนางก็จะผนึกไว้ไม่ได้ สามารถแตกออกมาได้ทุกเมื่อ
ทันทีที่แตก ทุกๆเดือนพี่สาวก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิต สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวดจนตาย
เขาจะทำใจให้พี่สาวต้องทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงได้ตอบตกลงไปโดยตรงภายใต้การถูกกระทำนี้
เห็นท่าทางที่เจ็บปวดของกู้ชูหน่วน หัวใจของจอมมารก็เหมือนดั่งถูกมีดเฉือน
เมื่อมองดูเหล่าประชาชนในเผ่าที่คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดตรงเชิงเขา จอมมารก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงว่าเมื่อคำสาปโลหิตกำเริบนั้นเจ็บปวดทรมานมาก แต่ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวมากขนาดนี้
“หัวหน้าเผ่า……ครั้งนี้คำสาปโลหิตกำเริบรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา เหล่าประชาชนในเผ่าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ท่านรีบไปดูเถอะ….อ้าว…..นี่เฉินเฟยเป็นอะไรหรือ?”
ไม่ไกลออกไปผู้อาวุโสไป๋เฉ่าวิ่งมาด้วยความรีบร้อน เขามีพลังลึกล้ำ ระงับคำสาปเลือดได้ชั่วขณะ ดีกว่าคนทั่วไปหน่อย แต่สีหน้าก็ไม่น่าดูมากนัก
กู้ชูหน่วนเห็นผู้อาวุโสไป๋เฉ่าราวกับว่าเขาเป็นฟางช่วยชีวิต
นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ท่านมาพอดี รีบดูให้พี่เฉินเฟยหน่อย ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องรักษาพี่เฉินเฟยให้หาย”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าจับชีพจรให้อี้เฉินเฟยทันที ทั้งคนก็ตะลึงไปแล้ว
นี่…..
ไม่มีชีพจรแล้ว
เส้นเอ็นเส้นเลือดทั้งตัวถูกทำลายไปหมด
แม้แต่ไขกระดูกก็ถูกล้วงไปจนว่างเปล่าอย่างอธิบายไม่ได้ แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
เตรียมงานศพให้เขาก็ยังจะพอได้
กู้ชูหน่วนร้องไห้แล้วกล่าว “ท่านไม่ได้มีวิชาการรักษาสูงมากหรือไง ทำไมแม้แต่พี่เฉินเฟยก็รักษาไม่หาย สุดยอดผู้อาวุโสล่ะ ให้ตาแก่อมตะนั่นออกมาเดี๋ยวนี้ หากว่าเขายังไม่ออกมาอีก ข้าจะใช้ฐานะของหัวหน้าเผ่าไล่เขาออกจากเผ่าไปโดยตรง”
ไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยเอาแรงมาจากไหน กุมมือของกู้ชูหน่วนไว้ พยายามกล่าวอย่างสุดกำลัง “อย่า….อย่าทำเช่นนี้….สุดยอดผู้อาวุโสก็ช่วยข้าไม่ได้ พี่เฉินเฟยไม่อยากให้เจ้าเป็นทุกข์ใจ”
ไป๋เฉ่ากวาดตามองไปที่เชิงเขาด้วยความร้อนใจ ที่เชิงเขาเปลวไฟลุกโชนขึ้นสู่ฟากฟ้า อยู่ห่างไกลขนาดนั้น ก็ยังสามารถได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างน่าอนาถและเสียงการฆ่าฟันของเหล่าประชาชนในเผ่าได้
เขากล่าวด้วยความกังวลใจว่า “เฉินเฟยเป็นเด็กที่ฉลาดว่านอนสอนง่ายรู้เรื่องรู้ราว ข้าก็ชอบเขามาก ตอนนี้เขา….ข้าก็เสียใจ แต่ที่เชิงเขายังมีเหล่าประชาชนในเผ่าอีกนับพันหมื่นที่ยังรอให้ท่านไปสั่งการ”
“หัวหน้าเผ่า ท่านรีบลงเขาไปพร้อมกับข้าเถอะ คราวนี้คำสาปโลหิตรุนแรงยิ่งกว่าครั้งอื่นๆ ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว มีผู้อาวุโสบางคนเริ่มฆ่าคนแล้วด้วย เป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าหยกจะต้องกลายเป็นนรกบนดินผืนหนึ่งแน่”
“ไปให้พ้น เผ่าหยกเกี่ยวอะไรกับข้า ใครอยากเป็นหัวหน้าเผ่าก็ให้คนนั้นไปเป็นซะเลยสิ ข้าเป็นคนที่ข้ามมิติมาผู้หนึ่ง ไม่มีความสัมพันธ์เป็นญาติมิตรอะไรกับพวกท่าน มีสิทธิ์อะไรให้ข้าไปตามเก็บล้างเรื่องบ้าๆเหล่านี้ของพวกท่านด้วย”
กู้ชูหน่วนระเบิดเสียงร้องดังออกมา พูดคำที่ไม่ตรงกับใจออกมามากมาย ทำให้ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าตะลึงไป จอมมารและอี้เฉินเฟยก็ตกตะลึงเช่นกัน
กู้ชูหน่วนร้องไห้เสียงหลงและกล่าว “ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าต้องการเพียงแค่ให้คนที่ข้าห่วงใยมีชีวิตอยู่ดีๆ…..ทำไม…..ทำไมพวกท่านต้องบังคับข้าอยู่ตลอด……..”
“หัวหน้าเผ่า……”
“พี่สาว…….”
“อาหน่วน……ข้า…..ข้ายังเป็นพี่เฉินเฟยของเจ้าอยู่อีกหรือไม่…..”
“เป็นแน่นอน เป็นทั้งชีวิต เป็นทุกภพทุกชาติ”
“เช่นนั้นเจ้ารับปากข้า ลงเขาไปดูเหล่าประชาชนในเผ่า พี่เฉินเฟยรับปากเจ้า จะต้องทนผ่านคืนนี้ไปให้ได้ รอเจ้ากลับมาหาข้า”
หางตาของอี้เฉินเฟยมีน้ำตา พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกายอย่างที่สุด แต่มุมปากกลับปริเป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา ให้กำลังกู้ชูหน่วนเงียบๆ
เขารู้ว่า คำพูดเมื่อครู่ของนางเป็นการพูดภายใต้ความโกรธ ขัดกับหัวใจโดยสิ้นเชิง
หากว่านางไม่ลงเขาไป แล้วการบาดเจ็บล้มตายของเผ่าหยกยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก ทั้งชีวิตนี้นางจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
“หากว่าเจ้าไม่ไป พี่เฉินเฟยก็จะนอนตายตาไม่หลับ”
กู้ชูหน่วนกอดเขาไว้ด้วยความจนปัญญาหมดหนทาง
นางจะไปได้อย่างไร…..
เขาป่วยหนักขนาดนั้น ไม่มีทางจะฝืนทนได้จนฟ้าสว่างแน่……
นางกลัวว่านางไปแล้ว ก็จะสูญเสียอี้เฉินเฟยไปโดยสมบูรณ์
“ทิ้ง…..ทิ้งจอมมารไว้กับข้าก็ได้แล้ว ศักยภาพของจอมมารเจ้ารู้ เขา….เขาสามารถช่วยให้ข้าแข็งใจยืนหยัดได้จนถึงฟ้าสว่าง”
กู้ชูหน่วนส่ายหน้า นอกจากกอดไว้แน่นยิ่งขึ้น ก็ไม่ได้จากไป
เห็นดังนั้น อี้เฉินเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ ใช้แรงที่มีเหลืออยู่ทั้งหมด ผลักนางออกไปอย่างรุนแรง กล่าวด้วยความดุดัน “ไป……”
ในความทรงจำของกู้ชูหน่วน นี่เป็นครั้งแรกที่อี้เฉินเฟยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้างเช่นนี้
และเป็นครั้งแรกที่เขาผลักนางออกไปจากอ้อมแขน
“หากเจ้าไม่ไป ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้”
อี้เฉินเฟยดึงปิ่นปักผมออก จ่อที่คอของตัวเอง ชำเลืองมองกู้ชูหน่วนด้วยความเย็นชา
ท่าทางอันแน่วแน่นั้น ไม่เหมือนการล้อเล่นสักนิด
แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็รู้สึกได้ เพียงแค่นางปฏิเสธ อี้เฉินเฟยจะต้องฆ่าตัวตายต่อหน้านางเป็นแน่
“ได้…..ข้าไป…..ท่านวางปิ่นลง……”
อี้เฉินเฟยไม่ปล่อย แต่กำลังระงับความเจ็บปวด มองดูกู้ชูหน่วนอย่างเย็นชา
กู้ชูหน่วนปาดน้ำตาตรงหางตา กล่าวอ้อนวอน “พี่เฉินเฟย ท่านรอข้า ข้าจะรีบกลับมาหาท่าน อาโม่ เจ้าอยู่ข้างๆพี่เฉินเฟยอย่าได้ห่างไปสักก้าว พยายาม…..อย่าให้เขาเจ็บปวดเกินไปนัก”
“ได้……”
กู้ชูหน่วนสูดหายใจเข้าลึกๆ มองอี้เฉินเฟยครั้งสุดท้ายอีกทีด้วยความอาลัยอาวรณ์ พาผู้อาวุโสไป๋เฉ่าพุ่งลงเขาไป
หลังจากที่กู้ชูหน่วนจากไป ยอดเขาก็กลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง ลมเย็นพัดผ่าน พัดโชยกลิ่นคาวเลือดมาเป็นระยะ
โดยไม่รู้ว่ากลิ่นเลือดนี้เป็นของอี้เฉินเฟย หรือของเหล่าประชาชนที่เชิงเขากันแน่
“ฟู่ว…..”
อี้เฉินเฟยทนไม่ไหวอีกต่อไป กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
จอมมารรีบพยุงเขาขึ้นมา “เจ้าจะตายไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะอยากตาย ก็ต้องรอจนกว่าพี่สาวจะกลับมา ไม่เช่นนั้นนางคงจะเสียใจมาก”
“จอมมารมียาคืนวิญญาณไม่ใช่หรือ? ให้ข้าสักเม็ดได้หรือไม่?”
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ ใช้วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้งก่อน แล้วใช้ยาคืนวิญญาณ เจ้าอยากจะตายไปเร็วๆขนาดนั้นให้ได้เชียวหรือ?”
“ไม่ว่าอย่างไร….ก็อยู่ไม่พ้นคืนนี้แล้ว ก็ควรจะทำ…..ทำอะไรเพื่อนางอีกครั้ง”
ร่างกายของจอมมารแข็งทื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าจะหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากหน้าอก ให้อี้เฉินเฟยกินลงไป
กล่าวด้วยความทอดถอนใจ “มิน่าล่ะพี่สาวถึงได้ชอบท่านขนาดนั้น ไม่ว่าด้านใด ท่านก็คู่ควรแก่การปฏิบัติที่จริงใจของนาง”
“ขอบ….ขอบใจ…..”
หลังจากกินยาคืนวิญญาณ จิตวิญญาณของอี้เฉินเฟยก็ดีขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่ยังคงไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่างกาย และมีสีหน้าซีดขาวเท่านั้น”
“ลำบากเจ้า….ประคองข้าไปที่ห้อง…..ห้องหลอมยาทีสิ”
“เจ้ามั่นใจว่าจะทำเช่นนี้หรือ?”
“อืม…..”
ไม่กี่วันก่อน เขาได้พบม้วนภาพวาดของบรรพบุรุษโดยบังเอิญ
ในม้วนภาพวาดบอกว่า คิดต้องการจะหลอมรวมมุกมังกร จำเป็นต้องมีคนที่ร่างกายเป็นหยางบริสุทธิ์และร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์ กระโดดลงในเตาหลอมยา จึงจะสามารถจุดไฟในเตาได้…….
วันนั้นที่อาหน่วนไม่สามารถหลอมรวมมุกมังกรได้ ก็เพราะว่าไม่มีร่างกายที่เป็นหยางบริสุทธิ์และร่างกายที่เป็นหยินบริสุทธิ์มาบูชา
และเขา…..
ก็คือร่างกายที่ป็นหยางบริสุทธิ์พอดี…….