อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 749 เขามีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 749 เขามีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์
จอมมารประคองอี้เฉินเฟยเดินไปทางห้องหลอมยา เพราะว่าเขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป ไม่สามารถเดินได้โดยสิ้นเชิง จึงต้องแบกเขาเดินไป
ยาคืนวิญญาณสามารถระงับคำสาปโลหิตของเขาได้ชั่วคราว แต่อย่างมากก็ได้เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หลังจากหนึ่งชั่วยามเขาก็จะตายโดยไร้ข้อกังขา
ทว่าเดิมทีเขาก็เป็นคนใกล้ตายอยู่แล้ว จะใช้ยาคืนวิญญาณหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
“ทั้งตัวของเจ้าสกปรกซะจน……ทำเสื้อผ้าของข้าเปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว ทำให้เลือดไหลน้อยหน่อยไม่ได้หรือ?”
อี้เฉินเฟยไม่ได้พูดจา ไม่รู้ว่ากำลังเก็บแรงไว้หรือว่าเหนื่อยล้าเกินไป
“นี่……ผมของข้าก็เปื้อนเลือดของเจ้าไปหมดแล้ว ข้าเพิ่งจะทำผมเมื่อวานนี้เอง”
“เตาหลอมยาเดินไปทางไหน?”
“ทางซ้ายเดินตรงไปก็ถึงแล้ว”
“ก็ได้……”
บรรยากาศนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
จอมมารไม่พูด อี้เฉินเฟยก็ไม่พูดเช่นกัน
สุดท้ายก็เป็นจอมมารที่อดกลั้นต่อไปไม่ได้ เริ่มหาหัวข้อสนทนาขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าจะอุทิศตัวบูชาตอนนี้ทันที หรือว่ารอให้พี่สาวมาแล้วค่อยอุทิศตัวบูชา”
“ถูกนางเห็นเข้า นางก็จะยิ่งเสียใจ” เสียงเบาๆอันหนักหน่วงอัดอั้นใจของอี้เฉินเฟยดังขึ้น ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกใจสลาย
“แต่ไม่ได้รับปากนางว่า จะรอนางกลับมาหรือ?”
“หลังจากที่ข้าตาย เจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนนางตลอดใช่หรือไม่?”
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว ตราบใดที่ข้าซือโม่เฟยยังมีลมหายใจ ชั่วชีวิตนี้ชาตินี้ก็จะอยู่เป็นเพื่อนนาง”
“นางมีเจ้าเป็นเพื่อน เป็นบุญวาสนาของนาง หลังจากนี้ก็ฝากอาหน่วนกับเจ้าด้วย”
จอมมารได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
เสียงทุ้มต่ำแสบแก้วหูดังขึ้น “ดังนั้น เจ้าก็ต้องการจะกระโดดลงไปในเตาหลอมยาโดยตรงหรือ?”
“อืม”
“งั้นถ้านางถามขึ้นมา ข้าจะตอบอย่างไร?”
“หาข้ออ้างส่งๆสักอย่างละกัน”
“ข้าหาข้ออ้างไม่ได้ เจ้าช่วยข้าแต่งอย่างหนึ่งสิ”
“ก็บอกว่าข้ากินยาพิษลงไป ยาพิษนั่นมีฤทธิ์กัดกร่อน ร่างกายของข้าถูกกัดกร่อนไปจนหมด”
“พี่สาวเป็นหมอเทวดา หากนางถามว่าเป็นยาพิษอะไรล่ะ? ข้ารู้สึกว่าข้าโกหกนางไม่ได้”
วันนี้อี้เฉินเฟยเพิ่งจะสังเกตได้ว่า จอมมารไร้เดียงสามากกว่า……ที่คิดไว้ซะอีก…….
เหตุผลประเภทนี้พูดไปเรื่อยเปื่อยก็มีมากมายก่ายกอง มีอะไรให้โกหกไม่ได้
เขากลัวว่าจะไม่สามารถยืนหยัดได้ถึงตอนอุทิศตัวบูชา จึงไม่อยากพูดจามากความ หลับตาเพื่อสงบจิตใจต่อ
ใครจะรู้ว่าจอมมารจะพูดพร่ำบลาๆๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
“เจ้าคือคนที่มีร่างกายที่เป็นหยางบริสุทธิ์ แล้วคนที่เป็นร่างกายที่เป็นหยินบริสุทธิ์หาเจอแล้วหรือ?”
“ไม่รู้……”
“จะไม่รู้ได้อย่างไรกันล่ะ ไม่มีร่างกายที่เป็นหยินบริสุทธิ์ก็หลอมรวมมุกมังกรไม่ได้เหมือนเดิมไม่ใช่หรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ที่เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ได้ไปเสาะหาร่างกายที่เป็นหยินบริสุทธิ์มา นางน่าก็จะอยู่ในเผ่าหยก”
ไม่เหนือความคาดหมาย ก็น่าจะเป็นคนของเผ่าน้ำแข็ง…..
เขาสงสัยว่าเหตุผลที่เผ่าหยกได้ปราบเผ่าน้ำแข็งจนอยู่หมัด ก็เพื่อจะทำให้พวกนางกระโดดลงเตาหลอมยาเพื่ออุทิศตัวบูชา
จอมมารนิ่งเงียบแล้ว
เขาไม่รู้ว่าคนในเผ่าหยกรู้ว่าเขามีร่างกายที่เป็นหยินบริสุทธิ์หรือไม่ จึงได้ให้เขาเข้ามาที่เผ่าหยก
และเขาก็ไม่อยากกระโดดลงไปในเตาหลอมยาเช่นกัน……
แต่……
หากว่าวันไหนที่ถึงช่วงนาทีแห่งความเป็นความตายของพี่สาวจริงๆ…..
บางทีเขาอาจจะกระโดดลงไป
เห็นชะตาชีวิตของอี้เฉินเฟยแล้ว จอมมารก็กังวลขึ้นมาว่าชะตาชีวิตของตัวเองจะเป็นเหมือนเขาหรือไม่
“ถึงเตาหลอมยาแล้ว”
ฉับพลันนั้น อี้เฉินเฟยได้เปิดปากเอ่ยขึ้น
จอมมารเงยหน้า เบื้องหน้าตัวอักษรใหญ่ๆสามตัวว่าห้องหลอมยาปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลัน
เนื่องจากอี้เฉินเฟยมีป้ายประกาศิต พวกเขาจึงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย