อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 796 ข้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 796 ข้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่า
พิณหิมะเป็นสิ่งที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้เขาก่อนจะเสียชีวิต เขาเห็นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่ามาตลอด แม้ว่าเขาจะสู้ด้วยชีวิต ก็ไม่มีวันปล่อยให้พิณหิมะถูกทำลาย
เว้นเสียแต่……เขาเกิดเรื่องแล้ว……
แล้วมองดูส่วนที่หักแหว่งไปของพิณหิมะ เห็นได้ชัดว่าถูกยอดฝีมือระดับหกฝืนสะเทือนจนหัก
“ตอนนี้เขาเป็นแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้าเผ่าหยกใช้ศักยภาพของระดับหกมาต่อกรกับเขาที่เป็นแค่ระดับหนึ่ง ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว”
“เผ่าหยกไร้ยางอาย? เช่นนั้นพวกเจ้าเผ่าเทียนเฟิ่นไม่หน้าด้านหรือไงกัน? ข้าก็เป็นเพียงคนที่มีศักยภาพแค่ระดับสี่เท่านั้น แต่เจ้าคนที่เป็นขั้นสูงสุดระดับหกกลับตามไล่สังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ใครใช้ให้เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ใครใช้ให้เจ้ามีมุกมังกรเจ็ดเม็ดอยู่ในมือกันล่ะ”
“เช่นนั้นเวินเส้าหยีก็เป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่น และเป็นหัวหน้าเผ่าในอนาคตของเผ่าเทียนเฟิ่น ตามที่ท่านพูดมา พวกเราจัดการเขา หน้าไม่อายตรงไหนกัน?”
“เถียงข้างๆคูๆไร้เหตุผล เส้าหยีอยู่ที่ไหนกันแน่ รีบมอบตัวเขาออกมาซะเดี๋ยวนี้”
“คิดจะพาเวินเส้าหยีไปก็ได้ เห็นแก่ที่ท่านอายุปูนนี้แล้วยังต้องวิ่งลำบากตรากตรำอยู่อีก เพียงแค่ท่านยอมถอยออกไปจากเผ่าหยก ข้าก็จะคืนเวินเส้าหยีให้ท่าน”
“เป็นไปไม่ได้”
“เช่นนั้นระหว่างพวกเรายังจะมีอะไรให้คุยกันอีก?”
“แน่นอนว่ามี ฐานะของเจ้าสูงส่งมากกว่าเขา เพียงแค่จับเจ้าไว้ ข้าก็ไม่เชื่อไอ้แก่พวกนั้นของเผ่าหยกจะไม่ยอมมอบตัวเส้าหยีและมุกมังกรออกมาแต่โดยดี”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะทันที ใช้ดวงตาอันน่าเศร้ามองไปที่สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮย
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยขมวดคิ้ว
นี่เป็นสายตาอะไรกัน?
เย้ยหยัน?
หัวเราะเยาะ?
กู้ชูหน่วนทอดถอนใจอย่างสบายๆ ผายมือออก “ไม่รู้จริงๆว่าท่านมีอายุมาถึงปูนนี้แล้ว ทำไมสายตาถึงยังได้ย่ำแย่ขนาดนี้ ท่านดูท่าทางของข้า จุดไหนที่เหมือนหัวหน้าเผ่า?”
อั้นเฮยไม่พูดจา เพียงแค่สังเกตมองนางด้วยความเย็นชา
ราวกับกำลังรอว่านางอยากจะพูดอะไรอีก
“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ผู้อาวุโสของเผ่าหยกจะยอมให้ข้าออกมารับมือกับท่านที่เป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหกเพียงลำพังได้หรือ? หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า จะถูกเอามาเป็นเหยื่อ ล่อให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกมุมโลกมาไล่ฆ่า ทั้งยังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแย่งชิงมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดอยู่ภายนอกได้หรือ?”
“หากข้าเป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าหยกจะยอมให้ข้าแต่งงานกับเย่จิ่งหานงั้นหรือ? เผ่าหยกมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเย่จิ่งหาน คิดว่าผู้อาวุโสคงจะกระจ่างมากกว่าข้าสินะ”
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าเป็นคนเงางั้นรึ?”
“เดิมทีข้าเป็นคนเงา หากว่าข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ก็ไม่ต้องทนกับความขุ่นข้องหมองใจอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยงนานหลายปีขนาดนั้นแล้ว”
“…….”
หากคนอื่นพูดเรื่องเหล่านี้ บางทีสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยอาจจะยังเชื่อ แต่บังเอิญคำพูดเหล่านี้เป็นของกู้ชูหน่วน เขาจึงไม่ได้เชื่อเลยสักประโยคเดียว
“เจ้าพูดพร่ำมากมายก่ายกองอยู่ตรงนี้ เพราะคิดอยากจะถ่วงเวลาสินะ? ครั้งนี้เผ่าเทียนเฟิ่นมีผู้อาวุโสที่เป็นขั้นสูงสุดระดับหกมากันห้าคน ไม่มีทางที่เผ่าหยกจะต้านทานได้ แม้ว่าเจ้าจะถ่วงเวลาอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์”
“เห้อ ก็ยังถูกท่านมองทะลุอีกจนได้ ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดร้อนจริงๆ”
“นังหนู ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นหัวหน้าเผ่าจริงหรือว่าเป็นคนเงา ข้านับถึงสาม หากเจ้าไม่ส่งตัวเวินเส้าหยีและมุกมังกรออกมา ปีหน้าของวันนี้ก็จะเป็นวันไว้อาลัยของเจ้า”
“หนึ่ง…….”
“สอง…..”
“อย่าอย่าอย่า ข้าไม่รู้จริงๆว่ามุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่ข้ารู้ว่าเวินเส้าหยีอยู่ที่ไหน ข้าพาท่านไปหาเขาก็ได้แล้ว”
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยไม่พอใจกับวิธีการพูดเช่นนี้มาก แรงสังหารระเบิดออก
กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นและยอมจำนน “อารมณ์นิสัยของท่านอย่าได้ฉุนเฉียวมากนักเลย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามุกมังกรอยู่ที่ไหน แต่อย่างน้อยข้าก็อยู่ที่เผ่าหยกมาหลายปี ข้าสามารถพาท่านไปหาสุดยอดผู้อาวุโสได้ สุดยอดผู้อาวุโสจะต้องรู้เป็นแน่ว่ามุกมังกรอยู่ที่ไหน”
“ท่านจ้องข้าก็ไร้ประโยชน์ เวินเส้าหยีถูกขังอยู่ที่เหวลึกอนันต์ วิทยายุทธทั้งตัวสูญสิ้นแล้ว กระดูกสะบักก็ถูกดึงแล้ว เหวลึกอนันต์สถานที่แห่งนั้นเปรียบได้ดั่งขุมนรก อันตรายมากมาย หากท่านยังไม่ไปอีก เกรงว่าชีวิตน้อยๆของเขาก็คงถูกเล่นงานจนจบเห่แล้ว”