อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 801 วังวนฝนฟ้าคะนอง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 801 วังวนฝนฟ้าคะนอง
เมื่อฉีกหน้ากันแล้ว ระหว่างกู้ชูหน่วนและสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยจึงมีกลิ่นดินปืนคลุกรุ่น
กู้ชูหน่วนไม่กล้าชะล่าใจ แม้เขาจะบาดเจ็บหนัก สูญเสียกำลังภายในไปมากยิ่ง แต่อย่างไรผู้เยี่ยมยุทธ์ย่อมแข็งแกร่งตัวเล็กกระจ้อยร่อย
กู้ชูหน่วนตั้งกระบวนท่าพิฆาต ตวัดดาบอ่อนเป็นดาบบุปผาแปดดอก พลันฟันแนวขวางตรงหัวใจและจุดพิฆาตทั้งเจ็ดตำแหน่งของสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮย
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง เดือดดาลยิ่ง
เพียงแค่ระดับสี่ขั้นต้นก็ริอาจท้าทายเขาแล้ว เห็นเขาเป็นพยัคฆ์สิ้นลายหรือไร?
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยรวบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือขวา ก่อนจะแปลงพลังที่ฝ่ามือเป็นเม็ดฝน พุ่งไปทางกู้ชูหน่วนเหมือนห่าฝนเข็มดอกหลีฮวา (*ดอกสาลี่)
ทว่าห่าฝนของเขากลับสามารถกัดกร่อนได้ แม้นสัมผัสถูกเพียงนิดเดียวก็จะเน่าเปื่อยในบัดดล
พายุฝนแน่นขนัดทั่วเวหา แผ่ซ่านไปยังเหวลึกอนันต์ชั้นที่สิบเจ็ด
กู้ชูหน่วนมิอาจหลบพ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือห่าฝนเหล่านี้คล้ายมีดวงตา ตามนางไปติดๆ
อั้นเฮยเกี่ยวมุมปากเป็นรอยยิ้มได้ใจในที่ลับ
นางประสงค์เผด็จศึกโดยไว เช่นนั้นเขาก็ทำให้นางสมปรารถนา
พลังระดับสี่ไม่อาจสลายกระบวนท่านี้ของเขาที่กำลังเผชิญอยู่ได้เลย
แต่สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยกลับต้องตะลึงงัน
ครั้นกู้ชูหน่วนตวัดดาบบุปผาทีหนึ่ง ก็ก่อเกิดเป็นเกราะกำบังแสง ถึงกับตวัดดาบบุปผาเป็นวงแสงสกัดห่าพิรุณของเขาให้อยู่ด้านนอกได้
เขารู้แจ้งกว่าผู้ใดว่าอานุภาพแห่งห่าพิรุณของเขาทรงพลังขนาดไหน ทว่ากู้ชูหน่วนในระดับสี่กลับสามารถใช้ดาบบุปผาตวัดเป็นวงแสงสกัดกั้นภยันตรายมิให้กล้ำกราย
ไม่เพียงเท่านี้ การโจมตีของนางยังคงเดิม ดาบบุปผาบังเกิดการเปลี่ยนแปลง เลี้ยวแล้วก็แทงทางขวางตรงหัวใจของเขาเป็นเสียงฉับหนึ่งตามใจประสงค์
ฝีเท้าสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยขยับไปด้านข้าง ประทับฝ่ามือฮุ่นเทียนเคลื่อนตำแหน่งกาย ก่อนจะใช้ความเร็วสูงสุดคว้าดาบอ่อนของกู้ชูหน่วนไว้
ฉับทีหนึ่ง เขาต้องการหักดาบอ่อนของกู้ชูหน่วน ทำลายอาวุธของนางเสีย
แต่สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยกลับต้องตะลึงอีกครั้ง ทั้งที่เขายึดดาบอ่อนของนางไว้ได้แล้ว ทว่ายังระเบิดพลานุภาพออกมาได้อีก ทำให้เขาสะเทือนถอยไปหลายก้าวทั้งอย่างนั้น
“ฉับๆๆ…”
กู้ชูหน่วนใช้ความไวต่อสู้กับเร็ว ใช้ความหนักหน่วงต่อสู้กับความหนักหน่วง พ่น เฉือน จี้ ผ่า งัดทุกกลยุทธ์ออกมาใช้จนหมดสิ้น แต่ละกระบวนล้วนออกแรงสุดกำลัง ต้องการสยบเขาลงให้ได้
“นังหนู ด้วยกำลังยุทธ์นี้ของเจ้า ความสามารถเจ้าเกินกว่าระดับสี่ขั้นต้นในรุ่นเดียวกันไปนานแล้ว”
เขากล่าวคำชมเชยประโยคนี้จากใจจริง
ใต้หล้าในยามนี้ ระดับสี่ที่มีความสามารถขั้นนั้น กลัวว่าจะมีแต่เส้าหยีของเขาแล้ว
เส้าหยีของเขาถึงระดับหกตั้งแต่อายุอานามยังน้อย
สวนนาง หากสอนสั่งให้ดี การถึงระดับหกก็เป็นเพียงเรื่องช้าเร็วเท่านั้น
นางคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว จะเก็บไว้ไม่ได้เป็นอันขาด
มิเช่นนั้น ภายภาคหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นจะต้องมีคู่ต่อสู้ตัวฉกาจเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
กู้ชูหน่วนหัวเราะด้วยความเย็นชาเสียงหนึ่ง “ระดับสี่อ่อนด้อยเกินไป อย่างน้อยต้องขั้นสุดระดับหก”
“วาจาสามหาวนัก ข้าก็อยากดูสิว่าเจ้ายังจะโอหังได้ถึงเมื่อไร”
สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยพลันแวบจิตสังหาร
ในมือทำมุทรา พายุฝนทวีรุนแรงขึ้น ท้องนภามีเสียงอสนีบาตดังครืนๆ ส่งมาไม่ขาดสาย สายฟ้าแลบฟาดผ่าลงมาทำให้ค่ำคืนอันมืดมิดส่องสว่างดังทิวากาล
สายพิรุณตกกระหน่ำ ฝนพรำในเมื่อครู่ทวีความรุนแรงเป็นฝนปานกลาง ฝนตกหนักกระทั่งพายุฝน
ทุกหยาดฝนก่อตัวเป็นวังวน หมุนวนอยู่เนืองแน่น ครอบกู้ชูหน่วนอยู่ในนั้นด้วยวงกลมขนาดใหญ่
หากที่นี่มีคนอื่น กลัวว่าทุกคนต้องตกใจตื่นแน่
นี่เป็นถึงกระบวนท่าแข็งแกร่งของระดับหกชั้นสูง หากถูกวงวันพิรุณโจมตี ยังมิต้องตายในทันที ไม่เหลือกระทั่งซากหรือ
กู้ชูหน่วนใช้ดาบบุปผาคุ้มกายตนเองอยู่ตลอด พายุฝนโหมกระหน่ำภายนอกยังโจมตีนางไม่ได้ชั่วคราว
สายตานางเย็นเยียบ เผชิญกับกระบวนท่าแข็งแกร่งของระดับหกชั้นสูงกลับไม่มีทีท่าหวั่นเกรงสักนิด เพียงกัดฟันแน่นแล้วชูดาบอ่อนของตนขึ้นฟ้าเท่านั้น