อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 822 แตกหักกับเซียวหยู่เซวียน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 822 แตกหักกับเซียวหยู่เซวียน
จิตสังหารเซียวหยู่เซวียนพลุ่งพล่าน
ขอเพียงกู้ชูหน่วนหลีกทาง ทวนเงินของเขาก็จะแทงเลว่อิ่งตายทันที
ครั้นเห็นใบหน้าที่เหมือนกับเย่เฟิง เท้าของกู้ชูหน่วนก็ราวกับกรอกตะกั่ว อย่างไรก็ไม่ขยับ
“เขาเป็นพี่น้องแท้ๆ กับเย่เฟิง ข้าติดหนี้ชีวิตเย่เฟิง เขาก็เป็นแค่นักฆ่า เป็นนักฆ่าที่ถูกควบคุม ตัวการที่กวาดล้างจวนแม่ทัพไม่ใช่เขา…”
“เจ้าอยากพูดอะไร”
“ไว้ชีวิตเขาก่อน แล้วหาตัวบงการออกมา”
ทันใดนั้นเซียวหยู่เซวียนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขารู้จักกู้ชูหน่วนมานานขนาดนี้ เขานึกว่าตัวเองรู้จักนางดี
เขานึกว่าไม่ว่าเขามีเรื่องอะไร นางก็จะยืนอยู่เคียงข้างเขา ปกป้องเขา อยู่เป็นเพื่อนเขา
เขานึกว่าครอบครัวของเขาก็คือครอบครัวของนาง
หลักฐานการตายของบิดาเขาทั้งหมดชี้ไปที่นาง แต่เขาเชื่อนาง เชื่อนางอย่างไม่มีเงื่อนไข
เขาเชื่อว่านางจะไม่ฆ่าบิดาเขา เขาเชื่อว่าขอเพียงเป็นคนที่เขาห่วงใย ก็จะเป็นคนที่กู้ชูหน่วนห่วงใยด้วย
ที่แท้…
ผิดทุกอย่าง…
ทั้งหมดของทั้งหมดเป็นการคิดไปเองฝ่ายเดียวของเขา
ในใจของกู้ชูหน่วนเขาไม่มีความสำคัญใดๆ
เพราะหากเขาสำคัญ หลังจากเขาถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลแล้ว กู้ชูหน่วนจะไม่ยืนอยู่ข้างฆาตกรอำมหิตเลือดเย็นนั่นเด็ดขาด
เขากำลังยิ้ม แต่กลับยิ้มจนน้ำตาร่วง
รอยยิ้มชนิดนี้เสียดแทง ปวดใจและน่าเศร้าเหลือเกิน
กู้ชูหน่วนกระวนกระวายอย่างอดไม่อยู่
“เสี่ยวเซวียนเซวียน…”
“ข้าไว้ชีวิตเขา แล้วใครจะไว้ชีวิตจวนแม่ทัพทั้งสามร้อยยี่สิบสี่ชีวิตเล่า ไม่ สามร้อยยี่สิบห้า ในท้องพี่สาวข้ายังมีเด็กที่กำลังจะลืมตาดูโลก กู้ชูหน่วน เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”
“ติ๊ก…”
หยาดน้ำตากู้ชูหน่วนไหลออกมาตามสายฝน
นางจะไม่ปวดใจได้อย่างไร
ผู้คนในจวนแม่ทัพล้วนเป็นคนดี โดยเฉพาะเซียวหยู่โหลวกับเซียวหวั่นเอ๋อร์…
“เจ้าติดค้างเขาหนึ่งชีวิตแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าแค่รู้ว่าเขาพาคนมากวาดล้างตระกูลเซียว ฆ่าคนต้องชดใช้ เขาสมควรตาย สำหรับตัวการเบื้องหลังเขา ข้าจะสืบเอง ถ้าวันนี้เจ้าจะช่วยเขาให้ได้ เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้” คำว่า ‘สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้’ ช่างเอ่ยได้เย็นชาเด็ดขาดยิ่งนัก
กู้ชูหน่วนราวกับได้ยินเสียงความสัมพันธ์พลังทลายของพวกเขา
กล่าวถึงไมตรี เลว่อิ่งไม่สามารถเทียบเซียวหยู่เซวียนในใจนางได้เลย
เซียวหยู่เซวียน อี้เฉินเฟย เย่จิ่งหานและซือโม่เฟยเป็นคนที่นางให้ความสนใจมากที่สุดตั้งแต่ข้ามมิติมายังโลกนี้
ไฉนนางจะไม่อยู่ฝ่ายเซียวหยู่เซวียนเล่า
แต่…
เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของฮ่องเต้และฮองเฮาฉู่ ทั้งเป็นพี่น้องแท้ๆ ของเย่เฟิง
เย่เฟิงเสียชีวิตอย่างน่าสลดที่ภูเขาน้ำเต้าโลหิตไปแล้ว
ฮ่องเต้และฮองเฮาฉู่เหลือเพียงบุตรชายคนเดียวเท่านั้น
พวกเขาเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนานถึงตามหาบุตรชายแท้ๆ ของตัวเองพบ
หาก…
หากเลว่อิ่งเป็นอะไรไปอีกคน
เกรงว่าฮ่องเต้และฮองเฮาฉู่จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
เขารับปากเย่เฟิงว่าจะดูแลบุพการีเขาอย่างดี…
จริงอยู่ที่เลว่อิ่งสมควรตาย เขาคร่าชีวิตคนมากมายขนาดนั้น
แต่หาดคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง เขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ถูกบ่มเพาะให้เป็นเพชรฆาตฆ่าคนแต่ยังเยาว์
ผู้ที่วางแผนฆ่าล้างจวนแม่ทัพสิถึงสมควรตายจริง
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าใจเย็นลงก่อน เลว่อิ่งบาดเจ็บหนัก เขาหนีไปไหนไม่ได้หรอก พวกเราหาตัวการให้ได้ก่อนดีไหม”
“ใจเย็น? ฮ่าๆๆ…ถ้าครอบครัวเจ้า พี่น้องเจ้าถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมอย่างนี้บ้างล่ะ เจ้ายังจะใจเย็นได้หรือไม่? ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หลีกทางไปเดี๋ยวนี้”
“เลว่อิ่งจะตายไม่ได้”
“ฉะนั้น เพื่อเขา เจ้าจะแตกหักกับข้าหรือ?” เซียวหยู่เซวียนสะอื้น ทว่าใบหน้ายังคงแน่วแน่ดังเดิม และจนตอนนี้จิตสังหารก็ยังไม่แผ่วลง
เลว่อิ่งที่นอนอยู่กับพื้นมองกู้ชูหน่วนด้วยดวงตาพร่ามัว
นัยน์ตาที่เย็นชาในแต่เดิมคู่นั้น เกิดความซับซ้อนในเวลานี้
คล้ายไม่เข้าใจความหมายในการสนทนาของพวกเขา
และไม่เข้าใจว่าทำไมกู้ชูหน่วนต้องผิดใจกับสหายที่ดีที่สุดเพื่อเขาซึ่งเป็นฆาตกรอำมหิตไร้หัวใจ
เซียวหยู่เซวียนพลันควงทวนเงินพุ่งมาทางเลว่อิ่งอยากรวดเร็วและแม่นยำ
เส้นทางมือสังหารหลายสิบปีทำให้เลว่อิ่งเคยชินแล้ว ไม่ว่าจะพบกับความทรมานอย่างไรก็ต้องพยายามให้ตัวเองรอดไปให้ได้
แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด คราวนี้กลับไม่อยากมีชีวิตแล้ว
เลว่อิ่งผ่อนคลายร่างกายที่แข็งเกร็งแล้วหลับตาลง รอความตายที่จะมาถึง
“ฉับ…”
เมื่อนั้นก็มีเสียงกระทบของศัสตราวุธดังขึ้นที่ข้างใบหู
ทวงยาวเล่มนั้นยังไม่แทงเข้าร่างกายเขา
เลว่อิ่งลืมตาขึ้น เห็นกู้ชูหน่วนบังอยู่ตรงหน้าเขาหนแล้วหนเล่า ไม่ยอมให้เซียวหยู่เซวียนทำร้ายเขาสักนิด
เซียวหยู่เซวียนโกรธจัด ลงมือกับกู้ชูหน่วน
ทั้งสองประหัตประหารหวาดเสียว
แต่ต่างฝ่ายต่างยั้งไมตรี จงใจให้การต่อสู้ดูเหมือนน่ากลัว แต่จริงๆ กลับไม่มีอันตราย
“ฉับ…”
เซียวหยู่เซวียนจดจ่ออยู่กับเลว่อิ่งมิใช่กู้ชูหน่วน แต่กู้ชูหน่วนกลับเอาแต่สกัดกั้นเขา ไม่ยอมให้เขาสังหารเลว่อิ่ง
ดังนั้นเขาจึงตวัดอาวุธของกู้ชูหน่วนปลิว แล้วจ่อทวนตรงลำคอนาง
“อย่าบีบคั้นข้า”
“เขาเป็นพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกันกับเย่เฟิง เจ้าลืมไปแล้วหรือ เจ้ากับเย่เฟิงก็เป็นสหายที่รู้ใจ เป็นเพื่อนที่จริงใจต่อกัน”
ซี้ด…
นัยน์ตามืดมนของเลว่อิ่งเป็นประกายในทันใด เขาตะลึงมองกู้ชูหน่วน
คำพูดนั้น เขาเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันกับเย่เฟิงวนเวียนอยู่ตรงหูของเขา
เขา…เป็นพี่น้องแท้ๆ กับเย่เฟิงหรือ?
เช่นนั้นทำไมเขาถึงถูกทอดทิ้งแต่เล็ก ถูกคนเก็บไปเลี้ยงเป็นนักฆ่าเล่า?
พ่อแม่ของเขาก็คือฮ่องเต้และฮองเฮาแคว้นฉู่หรือ?
ครั้นนึกถึงที่ฮ่องเต้และฮองเฮาแคว้นฉู่ดีกับเขาแล้ว หัวใจอันเย็นเยียบของเลว่อิ่งก็อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
เซียวหยู่เซวียนตะคอก “เขาไม่ใช่เย่เฟิง เย่เฟิงจิตใจดี ไม่ว่าเขาจะเจอกับเรื่องอยุติธรรมอะไรก็ไม่เคยคิดทำร้ายคนอื่น เขารับกับภัยพิบัติและความเจ็บปวดนั้นไว้เอง แล้วเขาล่ะ เขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนไม่กะพริบตา เขาลงมือได้กระทั่งคนแก่ไม้ใกล้ฝั่ง ผู้หญิงอ่อนแอกับหญิงตั้งครรภ์ อย่าว่าแต่พวกเขาไม่แน่ว่าจะใช่พี่น้องกันจริงๆ เลย ต่อให้ใช่ แล้วจะทำไม?”
กู้ชูหน่วนหลับตาด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตานางก็มีประกายแห่งความมุ่งมั่นแล่นผ่าน
“เสี่ยวเซวียนเซวียน ข้ารู้ว่าเขาทำผิดมหันต์ไม่อาจให้อภัย แต่ต้องขอโทษด้วย ข้าจะทนดูเจ้าฆ่าเขาต่อหน้าต่อตาไม่ได้”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน…เฮอะ…ช่างน่าขัน เจ้าไม่คู่ควรเรียกข้าเช่นนี้ ยัยขี้เหร่ของข้าตายไปนานแล้ว ถ้านางยังอยู่ จะไม่ยอมให้คนอื่นรังแกข้าแน่”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน…”
“หลีกไป…”
“หากจะฆ่าเขา นอกเสียจากข้ามศพข้า”
คำพูดนี้ของกู้ชูหน่วนทำร้ายเซียวหยู่เซวียนเข้าแล้วจริงๆ
เขาถอยหลังสองสามก้าว แล้วมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาแปลกหน้าเป็นที่สุด
ทั้งตระกูลสามร้อยกว่าชีวิต รวมถึงตำแหน่งเขาในใจนางกลับเทียบไม่ได้กับปีศาจร้ายฆ่าคน…
เฮอะ…
เซียวหยู่เซวียนพยายามกลั้นน้ำตาในดวงตาของตัวเอง
เขามองกู้ชูหน่วน
ราวกับอยากทราบว่ากู้ชูหน่วนล้อเล่นกับเขาใช่หรือไม่
แต่กู้ชูหน่วนยังคงบังอยู่หน้าเลว่อิ่ง ดวงตานางเป็นความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเลว่อิ่ง
ความมุ่งมั่นเช่นนี้เขาเคยเห็นมาแล้ว นั่นคือการที่กู้ชูหน่วนปกป้องเขาโดยไม่คิดถึงสิ่งใด
แต่น่าเสียดาย…
คนที่นางปกป้องในเวลานี้ไม่ใช่เขาอีกต่อไป
เซียวหยู่เซวียนฉีกชายเสื้อออกมาผืนหนึ่งดังแควก แล้วโยนขึ้นบนฟ้าก่อนจะขยับทวนเงิน
เป็นเสียงแควกอีกครั้ง ผ้าขาดเป็นสองส่วน ล่องลอยตกลงมาจากกลางอากาศ
“นับแต่นี้ ข้าเซียวหยู่เซวียนกับเจ้ากู้ชูหน่วนจะเป็นดั่งผ้าผืนนี้ ไม่เหลือเยื่อใย ไม่เกี่ยวข้องกันอีก หากวันหน้าพานพบ เจ้ากับข้าจะเป็นศัตรูมิใช่มิตรสหาย”