อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 830 สุนัขกัดกัน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 830 สุนัขกัดกัน
กู้ชูหน่วนยกอาหารขึ้นแล้วเดินกะเผลกออกจากห้องครัว นางไม่ทราบว่าเวินเส้าหยีพักอยู่ที่ใดกันแน่
แต่เนื่องจากนางยกอาหารเหล่านี้ คนของเผ่าเทียนเฟิ่นจึงคล้ายทราบว่านี่คืออาหารที่จะส่งไปให้เวินเส้าหยี จึงไม่ได้ขัดขวางหรือสอบถามอะไรนาง
มีเพียงคนจำนวนน้อยที่หัวเราะเยาะกล่าว “เฮอะ หัวหน้าเผ่าน้อยมีอนาคตยาวไกลแล้วอย่างไร ของกินยังสู้คนระดับล่างไม่ได้เลย”
“พวกเจ้าว่า ถ้าหัวหน้าเผ่าน้อยถูกปลดแล้วใครจะขึ้นมาแทนที่เขาได้อีก?”
“พูดยาก แต่ท่านรองหัวหน้าเผ่าเป็นที่ยกย่องของคนในเผ่า หากหัวหน้าเผ่าลงจากตำแหน่งแล้ว ท่านรองหัวหน้าเผ่าก็คงจะดำรงตำแหน่งนั้นต่อกระมัง”
“นี่ยังต้องให้พูดอีกหรือ นอกจากท่านรองหัวหน้าเผ่าแล้ว ยังจะมีผู้ใดมีสิทธิ์ได้รับเกียรติขึ้นแท่นนั้นอีก พวกเจ้าลืมตามองดูให้ชัด ทางที่ดีก็ควรรู้ว่าตัวเองควรอยู่ฝ่ายใด หากอยู่ผิดฝ่าย เหอะ…”
“มิกล้า มิกล้า พวกเราทราบแล้ว”
“ถือว่าพวกเจ้ารู้จักมองการณ์ไกล ไป บอกคนอื่นๆ ว่าพวกเราจะอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านรองหัวหน้าเผ่าถึงที่สุด”
“ขอรับๆๆ”
กู้ชูหน่วนทำดวงตาเคร่งเครียด
ดูท่าศึกภายในของเผ่าเทียนเฟิ่นจะเริ่มขึ้นแล้ว และยังดุเดือดกว่าที่นางคิดไว้ด้วย
นางเดินไปก็จดจำลักษณะพื้นที่ของเผ่าเทียนเฟิ่นไป
ครั้นเดินต่อ กู้ชูหน่วนก็เริ่มหลงทาง แต่นางกลับเห็นเวินเส้าหยีอยู่ที่ตำหนักหลังหนึ่ง
เวินเส้าหยีในชุดขาวปลอด สายลมพัดโชย พัดชุดขาวของเขาเกิดเป็นเสียง เส้นผมดำหมึกสยายพลิ้ว ขับเน้นความงามสง่าพ้นโลกีย์ดั่งเทพเซียน
ครั้นเขายืนอยู่หน้าตำหนักก็ราวกับรูปแกะสลักที่ยืนยงมาแต่โบราณ นิ่งสงบ และไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คลองจักษุกู้ชูหน่วนมองไปเห็นแผ่นหลังของเวินเส้าหยีได้พอดิบพอดี
แผ่นหลังของเขาโรยรา อ่อนแรงเล็กน้อย คล้ายผู้สูงวัยอายุเจ็บสิบ ผ่านร้อนหนาวสุดจะคณานับ
แผ่นหลังของเขาน่าเศร้ามาก พาลให้ตำหนักทั้งหลังดูเศร้าหมองไปด้วยอย่างแปลกประหลาด และไม่ทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เห็นเขาเอาแต่จดจ้องตำหนักที่อยู่ด้านหน้าตนเอง
ตำหนักเฉินอวี่…
นี่คือตำหนักอะไร?
ตำหนักนอนของเขา?
ตำหนักนี้หรูหราโอ่อ่ามาก ขื่อแกะสลักวาดภาพสวย ไม่น่าจะเป็นตำหนักที่พัก อีกทั้งยังไม่เข้ากับบุคลิกของเวินเส้าหยี
แต่กลับเหมือนห้องโถงประชุมมากกว่า
กู้ชูหน่วนไม่เอ่ยปาก
เวินเส้าหยีก็ด้วย
ภาพบรรยากาศหยุดชะงัก
คนของเผ่าเทียนเฟิ่นที่กำลังลาดตระเวนอยู่ด้านนอกทนดูไม่ได้ จึงเดินมาอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วน เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ดูแลหลิวหาคนอย่างไรกัน ให้ยัยแก่ที่ทั้งขี้เหร่ทั้งพิการมาส่งอาหารยังพอว่า ยังมาเป็นคนโง่เสียอีก เจ้าโยนอาหารลงพื้นแล้วก็รีบไสหัวไปเสีย มาทางไหนก็ไสหัวไปทางนั้น”
โยนลงพื้น?
ที่นี่เป็นตำหนักโล่ง โต๊ะสักตัวก็ไม่มี วางไว้กับพื้นแล้วเวินเส้าหยีจะกินอย่างไร?
บุรุษผู้งามสง่าดั่งเทพเซียนไม่มีผู้ใดเทียบเทียมเช่นเขา ไม่มีทางที่จะเก็บอาหารพวกนี้จากพื้นเป็นอันขาด
หรือว่าหลังจากกลับเผ่าเทียนเฟิ่น เขาจะหิวอย่างนี้มาตลอด?
คนรับใช้พวกนี้กล้าละเลยเวินเส้าหยีเยี่ยงนี้ ไม่เคารพสักนิด คาดว่าอยู่ในเผ่าเวินเส้าหยีคงไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว
ขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังส่งอาหารลงแล้วจะทำธุระเรื่องหลักก่อน
จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มเดินมุ่งมาแต่ไกล
สวีชิงที่นำมาออกหมัดใส่คนผู้นั้นอย่างแรง ก่นด่าด้วยความโมโห
“หยางเสียวโก่ว อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนของรองหัวหน้าเผ่าแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ เจ้าจงลืมตาสุนัขของเจ้ามองให้ชัด เขาเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นเชียวนะ อย่าว่าแต่ตอนนี้ยังไม่ถูกปลดจากตำแหน่ง ต่อให้ถูกปลด เขาก็ยังเป็นลูกชายของท่านหัวหน้าเผ่า”
“สวีชิง เจ้านับเป็นตัวอะไร ถึงกลับกล้าชกข้า?”
“ชกเจ้าแล้วจะอย่างไร ข้าทนกับเจ้ามานานแล้ว”
“ตุบ…”
สวีชิงออกหมัดหนักซ้ำสอง ชกจนหยางเสียวโก่วกระอักเลือดออกมาจากปาก