อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 831 โดนดูหมิ่นทุกทาง
หยางเสียวโก่วโมโห โบกมือให้ลูกน้องกรูเข้าไปทันที
คนของสวีชิงเห็นดังนั้น ก็รุมล้อมขึ้นไปทีละคน ต่อสู้กันแบบเป็นกลุ่ม
“ปังปังปัง……”
การต่อสู้แบบกลุ่มมีความดุเดือด คนทางฝั่งของสวีชิงอัดอั้นความโกรธไว้เต็มท้องมานานแล้ว จึงลงมืออย่างไร้ความปรานี แทบอยากจะระบายความโกรธเต็มท้องนั้นออกมาทั้งหมด
หยางเสียวโก่วและคนอื่นๆ อาศัยการสนับสนุนจากรองหัวหน้าเผ่า คุ้นชินกับการวางอำนาจระรานมาช้านาน จะรับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร แทบอยากจะกดฝ่ายตรงข้ามลงไปอย่างรุนแรง
ไม่ช้า ก็เห็นเลือดของทั้งสองฝั่งแล้ว ยิ่งสู้ยิ่งดุเดือด
ไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีถูกผู้คนรบกวนเข้าแล้วหรือไม่
คิ้วสีหมึกขมวดเล็กน้อย ยกฝีเท้าเบาๆ คิดไม่ถึงว่า…….จะออกไปจากสถานที่ที่เสียงดังเอะอะนี้อย่างช้าๆแล้ว
กู้ชูหน่วนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จากนิสัยของเวินเส้าหยี มีการต่อสู้กันหัวล้านข้างแตกอยู่ที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ไถ่ถามไม่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายหนึ่งในนั้นต่อสู้กับคนอื่นเขาขึ้นมาก็เพราะออกหน้าแทนเขา
การเดินทางที่เผ่าหยก ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไปแล้ว
“หยุด”
ทางด้านนอก ผู้อาวุโสผมขาวทั้งหัวหนวดเคราขาวโพลนพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห ทันทีที่เขายกมือ การต่อสู้ที่วุ่นวายในเดิมทีนั้นก็ถูกฝืนให้แยกกันทั้งหมด
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้ามาทะเลาะกันอยู่หน้าตำหนักเฉินอวี่? นี่เป็นสถานที่เช่นไร พวกเจ้าไม่รู้เช่นนั้นหรือ?”
ดวงตาทั้งคู่ของผู้อาวุโสโหลวเย็นชา อำนาจเฉียบขาด เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
เขากวาดตามองทุกคนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง สุดท้ายก็เอาสายตาไปไว้บนตัวของเวินเส้าหยีที่จากไปอย่างหงอยเหงา
“หัวหน้าเผ่าน้อย ท่านเป็นถึงหัวหน้าเผ่าน้อยที่สูงศักดิ์ เห็นพวกเขาทะเลาะกันแล้วไม่ห้าม บกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่เกินไปแล้วหรือไม่?”
เวินเส้าหยีไม่ตอบ และเดินหน้าต่อไป
ผู้อาวุโสโหลวเห็นดังนั้น ความโกรธก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ทันทีเขาโบกมือ ก็มีลูกศิษย์มาล้อมรอบเขาไว้
“หัวหน้าเผ่าน้อย ข้าเป็นผู้อาวุโสโหลวของห้องโถงพิจารณาคดีคนในเผ่าทำผิด ข้าไม่สนใจไม่ได้ แม้ว่าท่านจะเป็นหัวหน้าเผ่าน้อยก็ไม่มีข้อยกเว้น ฮ่องเต้ทำผิดก็ต้องได้รับโทษเหมือนประชาชน”
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสโหลวประจบประแจงเวินเส้าหยีมาตลอด
ตอนนี้เวินเส้าหยีตกที่นั่งลำบาก ผู้อาวุโสโหลวไม่ได้ประคับประคองไม่ว่า ยังจะรังแกเวินเส้าหยีร่วมกับคนของรองหัวหน้าเผ่าอีก
สวีชิงทนดูต่อไปไม่ได้
เขาเอ่ยเสียงดังว่า “บังอาจถามผู้อาวุโสโหลว หัวหน้าเผ่าน้อยทำผิดตรงไหนหรือ? เพราะไม่ได้ห้ามปรามที่พวกเราทะเลาะกันหรือ? ลูกศิษย์ในเผ่าตีกัน ควรจะเป็นความรับผิดชอบของผู้อาวุโสไม่ใช่หรือ ไม่ได้เป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ของผู้อาวุโสห้องโถงพิจารณาคดีหรอกหรือขอรับ?”
เวินเส้าหยีเป็นคนไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้าเพิกเฉยต่อเขาเช่นนี้อีก ทีแรกไฟโทสะในท้องของผู้อาวุโสโหลวก็มีเต็มท้อง กำลังหงุดหงิดหาคนลงด้วยไม่ได้อยู่
แต่สวีชิงกลับปะทะเข้ามาแล้ว
ความเย็นยะเยือกของผู้อาวุโสโหลวแฉลบผ่านมา เขาพูดแบบยิ้มเยาะว่า “ลูกศิษย์ในเผ่าทะเลาะกัน ต้องตัดสินความผิดอย่างไร?”
“ผู้กระทำความผิดเบาโบยหนักร้อยครั้ง ขังเข้าห้องต้องห้ามรับความทรมานหนึ่งเดือน และผู้ทำความผิดหนักก็ตีให้ตายทั้งเป็น เป็นตัวอย่างให้คนอื่นดู”
“ข้าไม่ยอม ทะเลาะกันเป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย ทำไมทำโทษพวกเราฝ่ายเดียว?” สวีชิงกล่าว
หยางเสียวโก่วลูบจมูกที่โดนตีจนเบี้ยวแล้วกล่าว “เพราะเจ้าลงมือทำร้ายคนก่อน พวกเราแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น หากว่าพวกเราไม่ตอบโต้ จะให้พวกเราโดยตีจนตายทั้งเป็นเช่นนั้นหรือ?”
“หากเจ้าไม่ทำตัวไร้มารยาทกับหัวหน้าเผ่าน้อย จะถึงขั้นที่พวกเราต้องลงมือทุบตีพวกเจ้าหรือ?”
“ลงมือทุบตีผู้อื่นก็คือผิด ยังไม่ลากไปตีให้ตายทั้งเป็นอีก” ผู้อาวุโสโหลวออกคำสั่งทันที ไม่แม้แต่จะให้โอกาสพวกเขาได้อธิบาย
เวินเส้าหยีหันกลับมา เสียงเสนาะหูอันอบอุ่นนุ่มนวลของเขาดังขึ้นช้าๆ
“แม้ว่า สวีชิงและคนอื่นๆจะทำความผิดต้องโดนประหารชีวิต ก็ควรจะเป็นหลังจากที่ผู้อาวุโสห้องโถงพิจารณาคดีตัดสินร่วมกันแล้ว จึงจะสามารถประหารชีวิตเขาได้ ผู้อาวุโสโหลวใจร้อนเกินไปหรือไม่? หรือว่า….ไม่ได้สนใจต่อกฎของเผ่าเทียนเฟิ่น คิดจะก่อกบฏยึดตำแหน่งของหัวหน้าเผ่า”