อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 90 ยันต์อักขระขยับได้
เซียวหยู่เซวียนถูหมัดด้วยความพร้อมอย่างเต็มที่ เหมือนกับตื่นเต้นมากเช่นกัน “แคว้นเย่ของพวกเรามีภูเขาสืบมังกรแห่งหนึ่ง ด้านในมีของศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำและระดับกลางมากมาย หากโชคดี ก็สามารถได้รับของศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอีกด้วย ไข่มุกอุ่นจิตของอาจารย์ใหญ่ก็หามาได้จากภูเขาสืบมังกร”
“จากนั้นล่ะ?”
“เพียงแค่คนที่เข้าไปด้านในหาสมบัติอะไรได้ สมบัติชิ้นนั้นก็เป็นของเขาแล้ว แต่ว่าคิดจะได้รับสิทธิ์เพื่อเข้าสู่ภูเขาสืบมังกร นั้นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แน่นอน คนในราชวิทยาลัยของพวกเรามีสิทธิ์ก่อน สามารถให้จำนวนรายชื่อเป็นสิทธิพิเศษเข้าไปได้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีคนมากมายอยากเข้ามาในราชวิทยาลัยอีกเหตุผลหนึ่ง”
แม้ว่าจะเป็นประโยคสั้นๆของเซียวหยู่เซวียน ในใจของกู้ชูหน่วนก็เข้าใจโดยประมาณแล้ว เกรงเพียงแค่งานชุมนุมสืบมังกรนี้จะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ผู้ใดได้สมบัติ สมบัติก็เป็นของเขา?
เช่นนั้นก็จะต้องออกมาจากงานชุมนุมสืบมังกรด้วยความปลอดภัยระดับไหนจึงจะนับได้
เรื่องการฆ่าคนแย่งชีวิตเพื่อชิงสมบัติ เห็นได้ทั่วไป
ของศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงหรือ?
กู้ชูหน่วนลูบคาง แล้วเกิดความน่าสนใจขึ้นมาสองสามอย่าง
เพียงแค่สามารถหาสมบัติที่เหมือนกับไข่มุกอุ่นจิตได้ ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ก็สามารถกระตุ้นการรักษาได้ ก็เหมือนจะไม่เลว
หลังจากเลิกเรียน ทุกคนล้วนจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงกู้ชูหน่วนและเซียวหยู่เซวียนที่ยังคงวิ่งรอบราชวิทยาลัยอยู่
เพิ่งจะวิ่งสองรอบ เซียวหยู่เซวียนก็เหนื่อยจนเหงื่อไหลเปียกโชก หายใจไม่ทัน กระทั่งเอวก็ยืดตรงขึ้นมาไม่ได้แล้ว
แล้วมองดูกู้ชูหน่วนที่วิ่งไปพลาง ขบคิดเรื่องหยกเสี้ยวจันทร์ไปพลาง คนทั้งคนสติอารมณ์สงบนิ่ง ผ่อนคลายอิสระ แม้แต่ลมหายใจก็ไม่ได้มีการหอบสักน้อย
เซียวหยู่เซวียนตะลึงแล้ว “ยัยขี้เหร่ วิ่งตั้งนานแล้ว เจ้าไม่เหนื่อยหรือ?”
“หากว่าเจ้าเหนื่อยก็พักผ่อนได้ครู่หนึ่ง ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ได้มีเงื่อนไขว่าเจ้าจะต้องวิ่งให้ครบภายในเวลามากเท่าไหร่”
“เจ้าไม่ได้มีความคิดแปลกๆมากที่สุดหรือ? คิดหน่อยได้หรือไม่ว่าจะหนีการทำโทษครั้งนี้ไปได้อย่างไร”
“ไม่ใช่แค่สิบรอบหรือไง ข้าขี้เกียจใช้สมอง” กู้ชูหน่วนวิ่งไปพลาง ศึกษาร่องรอยบนหยกเสี้ยวจันทร์ไปพลาง
“ไม่ใช่แค่สิบรอบหรือไง? ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าราชวิทยาลัยใหญ่แค่ไหน ข้าไม่สน ยังไงซะเจ้าก็ต้องดูแลข้า ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว”
เซียวหยู่เซวียนเหนื่อยจนหมดสภาพ จึงหาที่ใกล้นั่งลง หยิบพัดในหน้าอกขึ้นมา ผึบเสียงหนึ่งเปิดออก สนใจแค่ตัวเองแล้วกวัดแกว่งขึ้นมา
กู้ชูหน่วนอยู่ใกล้กับเขา ลมที่พัดโบกออกมาพัดโดนร่างของนาง
ร่องรอยบนหยกเสี้ยวจันทร์ขยับเล็กน้อยอย่างฉับพลัน
นางตะลึงทันที ก็หยุดตามลงมาแล้ว “เหมือนว่าร่องรอยบนหยกจะขยับได้”
“มีหรือ? ทำไมข้าถึงมองไม่เห็น เจ้าคงไม่ได้ตาลายหรอกนะ”
กู้ชูหน่วนแย่งพัดของเขา ปลายเท้าจรด ร่างกายเหมือนดั่งลมเบาๆสายหนึ่งหายตัวไปตรงสุดขอบเขตของวิทยาลัย
เซียวหยู่เซวียนขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก
เขาคงไม่ได้เจอผีแล้วหรอกนะ?
ความรวดเร็วของยัยขี้เหร่ทำไมถึงได้รวดเร็วเพียงนี้?
นี่นางมีวิชาตัวเบาที่ดีมากเพียงใดกันนะ? เทียบกับพี่ใหญ่ของเขาก็มีเพียงแต่จะล้ำหน้ากว่าสินะ
“นี่ ยัยขี้เหร่ เจ้าแย่งพัดของข้าไปทำอะไร นั่นเป็นพัดที่ข้าชอบที่สุด เจ้าคืนให้ข้านะ”
เซียวหยู่เซวียนวิ่งไล่ตาม ด้านหน้ายังจะมีเงาคนของกู้ชูหน่วนอีกที่ไหน มีเพียงเสียงด่าทอด้วยความโกรธเคือง
ในห้องหนึ่งห้องที่เปล่าเปลี่ยวที่สุดของราชวิทยาลัย
กู้ชูหน่วนลองใช้พัดพัดลมให้หยกเสี้ยวจันทร์ ร่องรอยบนหยกเสี้ยวจันทร์กลับไม่มีการขยับแม้แต่น้อย
หยกชิ้นนี้นอกจากจะสัมผัสมือแล้วอุ่น ก็ไม่มีอะไรพิเศษอื่นแล้ว
“น่าแปลก เมื่อครู่ข้าเห็นได้ชัดเจนว่ามันเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย”
กู้ชูหน่วนหยิบกล่องไม้จันทน์สีดำกล่องหนึ่งออกมาจากในหน้าอก ในกล่องไม้บรรจุกระดิ่งทลายวิญญาณ
กระดิ่งอันหนึ่ง หยกเสี้ยวจันทร์อันหนึ่ง ระหว่างสองอันนี้แทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวโยงกัน
นางเท้าคาง ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่เป็นเวลานานก็จัดการเหตุผลอะไรออกมาไม่ได้
กู้ชูหน่วนค่อนข้างไม่ยอมแพ้ หยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง ทุบลงไปที่กระดิ่งทลายวิญญาณอย่างรุนแรง