อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 902 จุดสิ้นสุด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 902 จุดสิ้นสุด
เย่จิ่งหานกัดฟัน รวบรวมพลังทั้งหมด เตรียมที่จะผลักจอมมารออกไป เพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้
มาถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาสองคนต่างก็เข้าใจ พวกเขาสูญเสียพลังอย่างรุนแรง ยังถูกพลังของตนเองย้อนกลับมาทำร้าย คนที่อยู่ต่อยังไงก็ไม่สามารถมีชีวิตรอด
“เจ้าเป็นเพื่อนที่อาหน่วนรักมากที่สุด หากเจ้าตายไป ตลอดชั่วชีวิตของอาหน่วนก็จะไม่มีความสุข”
ไม่รอให้เย่จิ่งหานลงมือ จอมมารก็แย่งลงมือก่อน ผลักเย่จิ่งหานกระเด็นออกไป
“ต้องยอมรับว่า ภายในใจพี่สาว เจ้าสำคัญกว่าข้า หากเจ้าตายไป ต่อให้พี่สาวมีชีวิตคืนกลับมา ก็ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น ข้าไม่มีทางมองดูเจ้าตายอยู่ที่นี่ต่อหน้าต่อตา พี่สาวของข้า ข้าสามารถช่วยเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาช่วย”
“พัฟ…..”
เย่จิ่งหานอยากต่อต้าน แต่จอมมารกลับใช้วิชาดอกไม้ผลิบานอีกครั้ง รวบรวมพลังจนถึงระดับเจ็ดที่สูงสุด
สามารถไปถึงระดับเจ็ดก็เหลือเชื่อแล้ว แต่เขากลับไปถึงระดับเจ็ดสูงสุด
เย่จิ่งหานบาดเจ็บสาหัส ลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมมาร
เขาถูกผลักออกมา กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ พลังของร่างกายเหมือนอย่างลูกบอลไม่มีลม ทำยังไงก็ไม่สามารถรวบรวมขึ้นมาได้ หายใจอยู่อย่างรวยระริน
“ท่านอ๋อง……”
“อาหาน……”
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียกับซูมู่ต่างวิ่งมาหา ซูมู่สะกดจุดบนร่างกายเขาไว้ แล้วก็ส่งพลังของตนเองไปให้เขา จึงพอรักษาชีพจรของเขาไว้ได้
เย่จิ่งหานพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโหว่า “ซือโม่เฟย เจ้าไม่…..”
มุมปากจอมมารเผยรอยยิ้มแย้มมีความสุข ดวงตามีเสน่ห์คู่นั้นจ้องมองดูกู้ชูหน่วนอย่างเต็มล้นไปด้วยความรักและก็ไม่เสียใจ
ดอกลำโพงแต่ละดอกเริ่มเบ่งบาน แล้วก็เหี่ยวเฉาลงทีละดอก
เส้นผมดำสลวยของจอมมาร กลายเปลี่ยนเป็นสีขาวดั่งหิมะอย่างรวดเร็วภายในพริบตา
ผิวหนังบนร่างกายของเขาก็เหมือนอย่างดอกลำโพง ค่อยๆเหี่ยวแห้ง
จากอายุยี่สิบ ถึงสามสิบ ถึงห้าสิบ แล้วก็ถึงเจ็ดสิบ พริบตาเดียวใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น กลายเป็นคนชรา
จอมมารที่เป็นหนุ่มหล่อรูปงาม มีวิทยายุทธเหนือสุดในใต้หล้าคนหนึ่ง กลายเป็นคนชราคนหนึ่งไปแล้ว
ผิวที่เนียนเรียบของเขากลายเป็นเหี่ยวแห้งไปแล้ว น้ำในร่างกายก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนมา ผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก
เส้นผมที่ขาวและใบหน้าเหี่ยวย่นทำให้ทุกคนเจ็บปวดใจ
คนเผ่าหยกต่างคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นอย่างเจ็บปวดว่า “จอมมาร…….”
สุดยอดผู้อาวุโสก็เอามือกุมหน้าอกของตนเองไว้ อยากที่จะทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดแทนจอมมาร
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เป็นคนที่มีวิทยายุทธ พวกเขาล้วนรู้ว่า ชีวิตของจอมมารกำลังค่อยๆแก่ลง
เพื่อสามารถรักษาวิญญาณของกู้ชูหน่วนไว้ เขายอมที่จะเสียสละชีวิตของตนทำจริงๆ
พวกชิงเฟิงเจี่ยงเสวียต่างโศกเศร้าเสียใจ
ศพของกู้ชูหน่วนไม่ปิดกั้นพลังอีกต่อไป วิญญาณก็ค่อยๆหลุดออกมา
เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ขอเพียงนำวิญญาณของนางเข้าไปในไหกักวิญญาณก็เสร็จสิ้นแล้ว
จอมมารโล่งอก มองดูดวงวิญญาณพวกนั้นด้วยสายตาไม่กะพริบ เพิ่มพลังเข้าไปอีกเพื่อนำวิญญาณเข้าไปในไหกักวิญญาณ
จากนั้น……
จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
วิญญาณของกู้ชูหน่วนนั้นแข็งแกร่งมาก จอมมารชักนำไม่ได้ แล้วก็โน้มน้าวไม่ได้
ดวงวิญญาณที่ถูกนำออกมาแบ่งออกเป็นสามจิต-เจ็ดวิญญาณ ล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ทุกคนตกตะลึง
สุดยอดผู้อาวุโสตะโกนพูดขึ้นว่า “เร็วเข้า ตั้งค่ายกล ห้ามให้วิญญาณของหัวหน้าเผ่าล่องลอยออกไป ไม่อย่างนั้นก็จะช่วยหัวหน้าเผ่าไม่ได้แล้ว”
ซวาซวาซวา……..
ในขณะที่สุดยอดผู้อาวุโสพูดออกมา ทุกคนในเผ่าหยกร่วมแรงร่วมใจกันตั้งค่ายกล
เซียวหยู่เซวียนที่อยู่ด้านนอกก็ตั้งค่ายกลใหญ่ เพื่อไม่ให้วิญญาณในห้องหลอมยาล่องลอยออกมา
พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก
วิญญาณของกู้ชูหน่วนยิ่งวิ่งเร็ว หนึ่งในดวงวิญญาณหลุดออกไปแล้ว
เสียงฟู่จากภายนอกยังคงดังขึ้นมาให้ได้ยิน
สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นงูตัวหนึ่ง
เป็นราชางูเก้าหัวมรกตตัวหนึ่ง
เป็นสัตว์เลี้ยงของกู้ชูหน่วน
มันมาถึงก็มองเห็นดวงวิญญาณดวงนั้นวิ่งออกไป รีบแปลงร่างเป็นงูตัวโตแล้วก็ไล่ตามดวงวิญญาณนั้นไปอย่างไม่ครุ่นคิด
คนที่อยู่ภายในเบ้าหลอมยา กลัวว่าวิญญาณของกู้ชูหน่วนจะวิ่งออกไปอีก จึงรีบรวบรวมดวงวิญญาณของนางที่เหลือก่อน
“สุดยอดผู้อาวุโส ดวงวิญญาณดวงหนึ่งของอาหน่วนวิ่งออกไปแล้ว จะเป็นอะไรไหม?”
“ขอเพียงเก็บดวงวิญญาณดวงอื่นของนางไว้ ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณดวงอื่น ที่สูญหายไปดวงนั้น”
พลังทั้งหมดของจอมมาร ถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว แต่เขาก็ยังกัดฟันพูด
ไม่อยากที่จะล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้าย
จากนั้น เขาใช้พลังทั้งหมดของตนเองที่ยังมีอยู่ บีบบังคับเอาวิญญาณทั้งหมดของกู้ชูหน่วนใส่เข้าไปในไหกักวิญญาณ แล้วปิดฝาไหกักวิญญาณไว้
เมื่อทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว จอมมารก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ล้มลงนอนจมกองเลือด