อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 927 จิตวิญญาณล่องลอยสลายไป
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 927 จิตวิญญาณล่องลอยสลายไป
ซี๊ด……
อากาศหยุดนิ่งทันที
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียอ้าปากค้าง ตกตะลึงจนแทบกลืนไข่ไก่ลงไปได้
แววตาเย่จิ่งหานหรี่ลง นิ่งอึ้งจ้องมองดูไหกักวิญญาณกับฝาที่อยู่บนพื้น
ฝาเปิดออก ดวงจิตในนั้นต่างล่องลอยออกมา โอบล้อมอยู่บนหัวกู้ชูหน่วนหลายรอบ
เป็นเวลากว่าหนึ่งนาที ดวงจิตเริ่มกระจัดกระจาย ล่องลอยไปทั่วทิศ พริบตาเดียวก็สูญหายไปจนหมด
วินาทีที่ดวงจิตล่องลอยออกมา กู้ชูหน่วนเหมือนถูกดึงดูดด้วยพลังบางอย่าง
มีบางอย่างผุดขึ้นในสมอง ติมเต็มดวงจิตของนาง
ความรู้สึกราวกับไฟฟ้าช็อตนี้ นางไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางรู้สึกเหมือนแสงอะไรบางอย่างพยายามกลืนกินนางให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ทำให้สมองของนางเจ็บปวดขึ้นมาเป็นระลอก
นางตกตะลึง
ปิดกั้นด้วยสัญชาตญาณ แต่ดวงจิตวิญญาณของนางอดไม่ได้ที่จะไปตามจุดแห่งแสงนั้น
โชคดีคือ
จุดแสงพวกนั้นเพียงล้อมรอบนางครู่เดียว แล้วก็ล่องลอยกระจายไป
“ไม่…ไม่ได้…..อาหน่วน”
เย่จิ่งหานพูดขึ้นมาอย่างตกตะลึง
อุบัติเหตุครั้งใหญ่ ร่างกายที่มึนชาของเขากลับสามารถขยับได้ มือทั้งคู่ดันพื้น ลุกขึ้นมานั่ง อยากจับจุดแสงพวกนั้นไว้
แม้จะดิ้นรนคลานไล่ตามไป กลับตามไม่ได้อะไรเลย
ดวงจิตของกู้ชูหน่วนแบ่งออกเป็นหลายดวงจิต แต่ละดวงจิตล่องลอยไปตามทิศทางต่างๆ
แม้เขาจะอยู่ในสภาพปกติ ก็ไม่สามารถที่จะตามหาสองจิต-เจ็ดวิญญาณของกู้ชูหน่วนกลับมาได้
กู้ชูหน่วนยกมือกุมหัว
เจ็บปวด
ทำไมหัวสมองของนางถึงได้เจ็บปวดขนาดนั้น
อาหน่วน……
เขากำลังเรียกใคร?
กำลังเรียกนางหรือ?
ทำไมคำว่าอาหน่วน นางฟังแล้วถึงทรมานใจขนาดนั้น?
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนได้สติกลับมา เย่จิ่งหานบีบคอของนางไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าปล่อยดวงจิตวิญญาณของนางออกไปแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าดวงจิตวิญญาณล่องลอยออกไปแล้วยากที่จะตามกลับมา”
“ซี๊ด….ปล่อยมือ เจ้ารีบปล่อยข้า….”
“ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า…..”
เย่จิ่งหานคำรามออกมา
ลักษณะอะไร
ท่วงทีอะไร
สูญหายจนหมดสิ้นไปพร้อมกับตอนที่ดวงจิตวิญญาณของกู้ชูหน่วนล่องลอยกระจายไป
เขากลายเป็นเหมือนอย่างมารซาตาน ดวงตาแดงก่ ร่างกายปกคลุมเต็มไปด้วยความอาฆาต บีบคอกู้ชูหน่วนไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย อยากที่จะบีบคอกู้ชูหน่วนให้ตายคามือ
“แค่กๆ….หากเจ้ายังไม่ปล่อย อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
แย่ที่สุด ถูกพิษกลิ่นจุ้ยหยินแล้ว ทำไมเขายังมีแรงมากมายขนาดนี้
กู้ชูหน่วนดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังถูกเขาบีบคอจนหน้าแดงไปหมด หายใจไม่ออก
มือของชายผู้คนนี้เปรียบเสมือนกำแพงเหล็ก ไม่ว่านางจะต่อต้านยังไงก็ไม่ได้ผล
บวกกับรอบตัวเขาเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความอาฆาตและความโกรธเกรี้ยว เป็นครั้งแรกที่กู้ชูหน่วนรู้สึกหวาดกลัว
อากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งน้อยลง หนังตากู้ชูหน่วนหนักอึ้งขึ้นมาแล้ว
นางกัดฟัน มือทั้งคู่ปล่อยวาง และเริ่มถอดกางเกงของเขา
วิธีนี้ใช้ได้ผล
เย่จิ่งหานเอามืออีกข้างหนึ่งไปปกปิดไว้ด้วยสัญชาตญาณ
กู้ชูหน่วนฉวยโอกาส ใช้แรงทั้งหมดที่มี แกะมือของเขาที่บีบคอตนเองออก แล้วหนีห่างออกมาจากเย่จิ่งหาน
นางยังไม่ทันได้สูดดมอากาศบริสุทธิ์ เย่จิ่งหานก็มาบีบอีก
กู้ชูหน่วนก็โกรธ ต่อสู้กับเขาขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เสือไม่ออกฤทธิ์ เจ้าคิดว่าข้าเป็นแมวหรือ”
กู้ชูหน่วนสู้แรงเย่จิ่งหานไม่ได้
เย่จิ่งหานถูกพิษ มึนชาไปทั้งร่างกาย หากไม่ใช่เพราะความโกรธ เขาก็ไม่สามารถขยับได้ ดังนั้นทั้งสองคนจึงพอๆกัน
พวกเขาต่อสู้กันอย่างอบอุ่น
เดี๋ยวนางเป็นคนนอนทับเขา
เดี๋ยวเขาเป็นคนนอนทับนาง
ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียมองดูอย่างนิ่งอึ้ง