อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 946 ลงไม้ลงมือ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 946 ลงไม้ลงมือ
คนรับใช้ตระกูลไป๋หลี่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการย่างหมู
ไม่ง่ายกว่าพวกเขาจะย่างเสร็จหนึ่งตัว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กินเกลี้ยงไปในคำเดียวแล้ว
ทุกคนตกตะลึงตาค้าง
จ้องมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินเข้าไปตัวละหนึ่งคำด้วยความเอร็ดอร่อยอย่างอึ้งๆ
ในพริบตาก็กินไปหลายร้อยตัวแล้ว
แต่มันไม่ได้มีวี่แววว่าจะหยุด และไม่ได้มีแววว่าจะอิ่มด้วย
ทุกคนกลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก
ท้องนี้…….
ช่างใหญ่เกินไปแล้วรึเปล่า
หากยังกินลงไปอีก ปากถ้ำคงถูกมันค้ำยันจนแตกทะลุแล้ว
หากว่ามันกินอยู่เช่นนี้ตลอดไป แม้ว่ามันจะทำข้อตกลงความสัมพันธ์ ก็……ก็เลี้ยงไม่ไหวหรอกนะ
“ห้า……ห้าร้อยตัวย่าง……ย่างเสร็จแล้ว”
คนรับใช้เหนื่อยจนพูดไม่คล่องแล้ว
หลังจากสิ้นคำพูดของคนรับใช้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กลืนหมูย่างตัวสุดท้ายเข้าไปในท้องแล้ว ส่งเสียงร้องฟ่อฟ่อด้วยความพอใจ
ไป๋หลี่หยุนเยว่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ให้…… ให้มันออกไปจากปากถ้ำก่อนละกัน พวกเราเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว”
นักควบคุมสัตว์กล่าว “มัน……มันบอกว่า กินอิ่มมากเกินไป เดินไม่ไหว…….”
“…….”
เมื่อครู่หิวจนเดินไม่ไหว
ตอนนี้ก็อิ่มจนเดินไม่ไหว?
มันไม่ได้จงใจใช่หรือไม่?
หรือว่าหัวขโมยนั่นก็คือมัน?
แต่……
หากว่าเป็นมันขโมยก็คงขโมยไปนานแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้ทำไม?
มันเป็นงูตัวหนึ่ง ขโมยของเหล่านั้นไปก็ไม่มีประโยชน์นี่
แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังไม่พอใจ ประโยคหนึ่งของนักควบคุมสัตว์ ก็ทำให้อารมณ์ของพวกเขาดีขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“ราชางูเหลือบอกว่า มันกินอิ่มจุกจนขยับไม่ได้ แต่พวกเจ้าสามารถให้คนมาเลื่อนมันไปได้”
สัตว์ตัวใหญ่มหึมาขนาดนี้จะเคลื่อนย้ายยังไง?
ไป๋หลี่เจิ้นเป็นห่วงเรื่องยา ให้คนไปเคลื่อนย้ายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โดยไม่พูดพร่ำ หวังจะพยุงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปตรงที่โล่งกว้าง
ลูกศิษย์หนุ่มร่างกายกำยำหลายสิบคนพยายามอย่างสุดกำลัง คิดไม่ถึงว่าจะเคลื่อนไม่ได้แม้สักนิด
ตระกูลไป๋หลี่เพิ่มคนเข้าไปอีกหลายสิบคน หนึ่งร้อยคน…..สุดท้ายหนึ่งร้อยคนหามงูหนึ่งตัว ก็ยังแบกไม่ไหว กลับยังเล่นซะจนพวกเขาเหงื่อแตกพลั่กอีกด้วย
“งูตัวนี้จงใจที่จะไม่เคลื่อนไหวหรือไม่? คนมากมายขนาดนี้ทำไมยังขยับไม่ได้อีกล่ะ?”
“มันบอกว่า เพราะพวกเจ้าแรงน้อยเกินไป โทษมันไม่ได้ มันก็อยากขยับตัวเช่นกัน ลดความอ้วน”
“ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรทุกตัวสามารถย่อส่วนได้หรือ? ท่านให้มันย่อส่วนสิ”
“มันบอกว่า กินจุกเกินไป หดลงไม่ได้แล้ว ท้องหนักจนไม่สบายตัว”
“…….”
หมดคำจะพูด
ในเมื่อรู้ว่ากินเยอะขนาดนั้นจะจุกจนทรมาน แล้วยังจะกินเยอะขนาดนั้นทำไม?
“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร?”
“รอมันย่อยสักหน่อย มันก็จะออกไปเอง หรือพวกเจ้าจะเคลื่อนย้ายต่อ เอามันเคลื่อนที่ออกไป”
หมูย่างห้าร้อยตัวเต็มๆนะ จะต้องย่อยไปถึงเมื่อไหร่
หากว่ามันไม่ใช่สัตว์อสูรระดับห้า พวกเขาจะอยากสยบมันหรือ คนในตระกูลไป๋หลี่ล้วนคิดอยากจะสับมันไปโดยตรงแล้ว
ตรงนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว อีกทางก็เขม่าควันคุกรุ่น
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเคืองดังเข้ามารางๆ
“ข้าไปขโมยของตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าตอนไหน ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้ามีอะไรคุ้มค่าให้พวกเราขโมยกัน? อีกอย่าง พวกเจ้ามีหลักฐานอะไรพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนขโมย”
“เช่นนั้นเจ้าไม่ได้มาที่ตระกูลไป๋หลี่นับหลายสิบปี แล้ววันนี้จู่ๆเจ้ามาทำอะไรที่ตระกูลไป๋หลี่?”
“ทำอะไร? ข้าสงสัยว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าฆ่าคนขโมยของ แย่งชิงยาชั้นสูงระดับสองของตระกูลซ่างกวนของเราไปสองเม็ด”
“สารเลว เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเราขโมยไป?”
“บังเอิญไงล่ะ ถูกสัตว์อสูรที่บ้านพวกข้าเห็นเข้าให้แล้ว”
“สัตว์อสูรตัวไหนเห็น ให้มันออกมาเป็นพยานต่อหน้า”
“แล้วสัตว์อสูรตัวใดในตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าที่เห็นว่าข้าขโมยของ ก็ให้มันออกมาเป็นพยานต่อหน้าด้วยสิ”
“ครืน…..”
พื้นดินของตระกูลไป๋หลี่อันใหญ่โตล้วนกำลังสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่า ตรงนั้นมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ไป๋หลี่หยุนเยว่กล่าว “ฉางชิง เจ้าส่งคนส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือผู้อาวุโสไป๋หลี่เฉิง”
“ขอรับ”