อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 949 แหวนมิติของอี้เฉินเฟย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 949 แหวนมิติของอี้เฉินเฟย
กู้ชูหน่วนสงสัยว่ายาที่ตัวเองหลอมมีอะไรผิดปกติไปหรือไม่อย่างอดไม่ได้
ไม่เช่นนั้นกินติดต่อกันไปมากขนาดนี้แล้วทำไมถึงได้ไม่มีวี่แววของการบรรลุเลยสักนิด
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กล่าวอย่างช้าๆสบายๆ “ไม่ใช่ปัญหาของยา เป็นปัญหาของพื้นฐานสุขภาพร่างกาย”
“พื้นฐานสุขภาพร่างกายของเจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?”
“ร่างกายร่างนี้แปลกประหลาด ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาอะไร”
โดยปกติแล้วนายหญิงจะไม่กระทำการตามกฎเกณฑ์
พวกเขาปักหลักอยู่ที่นี่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เข้ามาเลื้อยเล่นอยู่บ่อยๆ ตอนที่มาท้องก็มักกลมดิกอยู่เสมอ ก็ไม่รู้ว่ามันหลอกกินของอร่อยๆของตระกูลไป๋หลี่ไปมากเพียงใด
เจ้าเสือน้อยเว้นสามวันห้าวันก็ไปขโมยของ ฉวยสิ่งของล้ำค่าทั้งหมดมาทุกชิ้น ที่สำคัญคือคนก็ยังจับไม่ได้ทุกครั้ง
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ แต่กลับไม่รู้ว่าด้านนอกได้เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว
สัตว์อสูรที่ตระกูลไป๋หลี่เก็บไว้มาหลายร้อยปีถูกปล่อยไปหมดแล้ว นี่ทำให้พวกเขาเสียหายหนักอย่างนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าแค้นนี้จะต้องไปล้างแค้นกับตระกูลซ่างกวน
เมื่อก่อนโดยผิวเผินแล้วทั้งสองตระกูลใหญ่ยังสามารถรักษาความสงบได้ ตอนนี้พวกเขาไม่ไว้หน้ากันนานแล้ว ทะเลาะกันอย่างหนักหน่วง
วันนี้ เจ้าเสือน้อยวิ่งโผล่หัวเข้ามา พูดจาจ้อกแจ้กจอแจ
“นายหญิงนายหญิง ได้ยินว่าพระนครมีงานประมูลใหญ่ ด้านในมีของดีมากมาย พวกเราไปดูกันดีหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนไม่มีความสนใจแม้สักนิด
แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองยังต้องช่วยชายสวมหน้ากากหาวิญญาณอีก และบางทีที่นั่นอาจจะมีประมูลของวิเศษอะไรอยู่ รวมทั้งนางก็อยากหลอมยาระดับสูง แต่ยังขาดสมุนไพรปรุงยาอยู่ไม่น้อย
นางลุกขึ้นยืน กัดฟันพูดว่า “ได้ พวกเราไปเปิดหูเปิดตาที่งานประมูลกัน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าก็ไปด้วยกัน”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หาวทีหนึ่ง ไม่มีความสนใจ
“ในนั้นมีแต่ของล้ำค่า ไม่มีของกินสักหน่อย ข้าจะไปที่นั่นทำไม”
“แน่นอนว่าไปช่วยข้าจ่ายเงินไงล่ะ”
“จ่ายเงิน? เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่มีเงินนี่นา”
มันไม่ได้มีความโลภเหมือนเจ้าเสือน้อยสักหน่อย เห็นอะไรก็คิดจะฉวยกลับมาหมด
กู้ชูหน่วนหัวเราะแฮะแฮะทันที มองจนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขนหัวลุก
นายหญิงต้องการหลอกคนอีกแล้ว
อีกทั้งยังยืมมืองูของมันหลอกคนอีกด้วย
งานประมูลในพระนครเป็นงานประมูลที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นน้ำแข็ง ผู้สนับสนุนที่เป็นเบื้องหลังในนั้นคือราชวงศ์ จึงไม่มีใครกล้าล่วงเกิน
ขณะที่กู้ชูหน่วนเข้ามา งานประมูลก็ดำเนินงานไปอย่างครึกครื้นแล้ว
ที่นี่มีผู้คนหนาแน่น การตกแต่งงดงามโอ่อ่า
ตระกูลสูงศักดิ์รวมทั้งสำนักใหญ่ๆไม่น้อยที่ไม่มีแม้แต่ที่นั่ง ทำได้เพียงยืนอยู่ในห้องโถง
กู้ชูหน่วนไม่มีฐานะตัวตนใดๆ ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่มีที่นั่งเช่นกัน
ตรงชั้นสองมีห้องส่วนตัว ที่นั่งอยู่ล้วนเป็นคนของทั้งสี่ตระกูลใหญ่รวมทั้งเหล่าเชื้อพระวงศ์และคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงหน้าตาต่างๆ
กู้ชูหน่วนหาที่ที่คนน้อย พิงหลัง แทะเมล็ดแตงโม มองดูพิธีกรพูดจาเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีอย่างเกียจคร้าน
“ชิ้นต่อไปดอกบัวทะเลโลหิต ทุกคนรู้ดีว่า ดอกบัวทะเลโลหิตเปรียบได้กับยาขั้นกลางระดับหนึ่ง เพียงแค่กินลงไปวิทยายุทธก็จะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก และดอกไม้นี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ กินได้ทุกคน ที่สำคัญที่สุดคือ ราคาของมันถูกกว่ายาขั้นกลางระดับหนึ่งหลายเท่า”
“ดอกบัวทะเลโลหิต? นี่เป็นของดีเชียวนะเนี่ย ท่านพ่อ ข้าอยากได้ หมู่นี้ข้าติดอยู่ที่คอขวดมาตลอด มีมันแล้วบางทีข้าอาจจะสามารถบรรลุได้”
“วางใจเถอะ พ่อจะประมูลมาให้เจ้า”
“ราคาประมูลเริ่มต้นที่เท่าไหร่ เจ้าพูดมาตรงๆเถอะ”
ผู้คนด้านล่างต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ ผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจกับดอกบัวทะเลโลหิตเป็นอย่างมาก
พิธีกรก็ไม่ได้พูดสร้างความสนใจอีก กล่าวโดยตรงว่า “เริ่มประมูลที่ หนึ่งพันตำลึง”
“หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึง”
“หนึ่งพันห้าร้อยตำลึง”
“หนึ่งพันแปดร้อยตำลึง”
“สองพันห้าร้อยตำลึง”
“…….”
พริบตาเดียว ดอกบัวทะเลโลหิตดอกเล็กๆก็ถูกเสนอราคาเป็นเงินถึงห้าพันตำลึงแล้ว
กู้ชูหน่วนส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ
การประมูลนี่ช่างร้อนแรงเกินไปแล้วล่ะมั้ง
หากว่านางเปิดงานประมูลแห่งหนึ่งเหมือนกัน จะไม่ได้กำไรอย่างล้นทะลักเลยหรือ
เจ้าเสือน้อยชะโงกออกมาจากหน้าอกของนาง ดวงตาเสืออันว่องไวจับจ้องอยู่ที่ดอกบัวทะเลโลหิต “นายหญิง ข้าไปฉวยมันกลับมา”
“พอเลย ดอกไม้ระดับต่ำดอกหนึ่งก็ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรน่าแย่งชิง”
บนเวที พิธีกรกล่าวด้วยความดีใจ “ห้าพันตำลึงครั้งที่หนึ่ง ห้าพันตำลึงครั้งที่สอง ห้าพันตำลึงครั้งที่สาม ยินดีกับผู้ประมูลในครั้งนี้ด้วยขอรับ ที่ได้รับดอกบัวทะเลโลหิตไป”
กู้ชูหน่วนพ่นเมล็ดแตงโมในปากออกมา
สินค้าประมูลด้านหลังอีกสองสามชิ้น นางก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนถึง……
“สินค้าประมูลชิ้นต่อไปเป็นสินค้าที่สำคัญที่สุดในการประมูลครั้งนี้ของพวกเรา แหวนมิติระดับสุดยอด และเป็นแหวนที่มีพื้นที่ถึงหนึ่งร้อยตารางเมตรเต็มๆ”
เมื่อแหวนปรากฏออกมา คนทั้งงานที่ก็สูดหายใจด้วยความตกใจ
ท่าทางการแทะเมล็ดแตงโมของกู้ชูหน่วนก็แข็งทื่อไปโดยสมบูรณ์ เหลือบมองดูแหวนบนเวทีวงนั้นอยู่นิ่งๆ
ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับแหวนวงนี้นัก?
นางลูบนิ้วกลางของตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก มักจะรู้สึกว่านิ้วกลางของตัวเองโล่งๆ ก็คือขาดแหวนวงนี้ไป
ในสมองยังมีเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นอย่างรางๆอีกด้วย “ยัยเด็กโง่ แม้ว่าพี่ชายจะตายไปแล้ว วิญญาณก็จะคุ้มครองเจ้าตลอดไป”