อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 953 ไม่มีเงิน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 953 ไม่มีเงิน
ไม่รอให้ผู้เฒ่าหนิงเปิดปาก คนรับใช้ข้างกายของพวกเขาก็กล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจมาหาเรื่องทะเลาะสินะ ชนเจ้าไม่ใช่แค่นายท่านของพวกข้าเท่านั้น อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะนายท่านของข้า เจ้าก็ล้มไปนานแล้ว”
“ก็จริงที่เขาไม่ได้ชนข้า แต่หากไม่ใช่เพราะเขามา แล้วจะเกิดเหตุการณ์ผลักกันชนกันขึ้นได้อย่างไรล่ะ?”
“เจ้าคือมู่หน่วน คนไร้ประโยชน์ของตระกูลมู่?” หนิงเทียนโย่วหลานชายของผู้เฒ่าหนิงกล่าวด้วยความประหลาดใจขึ้นอย่างฉับพลัน
ผู้เฒ่าหนิงสังเกตดูกู้ชูหน่วนด้วยความถี่ถ้วน
แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับมู่หน่วนมาก่อน แต่เรื่องที่เกี่ยวกับมู่หน่วน มากน้อยเขาก็รู้อยู่บ้าง
มู่หน่วนไม่ได้เพียงแต่ไร้ประโยชน์ แถมยังถูกหมั้นหมายกับซ่างกวนหมิงหลางที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ตั้งแต่ยังไม่ถือกำเนิดอีก
คนมากมายในพระนครล้วนรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อซ่างกวนหมิงหลาง คนไร้ประโยชน์แต่งงานกับผู้ที่มีพรสวรรค์ นั้นก็คือดอกไม้อันสดสวยงดงามดอกหนึ่งที่ปักอยู่บนขี้วัว เพียงแต่ดอกไม้ดอกนั้นไม่ใช่มู่หน่วน แต่เป็นซ่างกวนหมิงหลาง
แม้แต่ผู้อาวุโสไม่กี่ท่านของตระกูลซ่างกวนก็มาระบายกับเขาอยู่หลายครั้ง อยากจะยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้
แต่ทว่า……
ที่ได้พบในวันนี้ ผู้หญิงคนนี้บุคลิกดีมีความสามารถไร้ที่เปรียบ สุภาพอ่อนโยนเรียบร้อย ในดวงตาทั้งคู่นั่นก็ไม่ได้มีความขลาดแม้แต่น้อย กลับยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของคนหนุ่มสาว จะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับที่ตระกูลซ่างกวนบรรยายไว้
ผู้เฒ่าหนิงยิ้มแล้วกล่าว “อ๋อ…..เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าชดใช้อย่างไรล่ะ?”
“ไม่มีอะไรยาก ท่านพาข้าไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสองด้วยกันก็ได้แล้ว”
“บังอาจ ห้องส่วนตัวตระกูลหนิงของพวกเราหมาแมวที่ไหนอยากเข้าไปก็เข้าไปได้งั้นหรือ?” หนิงเทียนโย่วกล่าว
แต่ผู้เฒ่าหนิงกลับไม่ได้สนใจ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ก็ได้ เพียงแค่แม่นางไม่รังเกียจ เช่นนั้นข้าก็จะพาเจ้าขึ้นไปด้วยละกัน”
“ท่านปู่ ท่านมีเมตตาต่อนางมากเกินไปแล้วหรือไม่ขอรับ”
“ไม่เป็นไร ยังไงซะห้องส่วนตัวก็ใหญ่ มีนางอีกคนก็ไม่มาก ขาดนางไปคนหนึ่งก็ไม่น้อย”
กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากขึ้นยิ้มทันที เดินตามพวกเขาขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองอย่างไม่เกรงใจ
ในห้องส่วนตัว
หลังจากที่กู้ชูหน่วนเข้าไปก็หาที่นั่งที่สบายที่สุดแล้วนั่งลง หยิบชาที่เพิ่งจะจัดวางให้ด้านข้างขึ้นมาจิบคำหนึ่ง เปล่งเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจ
หนิงเทียนโย่วโกรธจนอยากจะโยนนางออกไป
ผู้หญิงคนนี้ยังจะเอาหน้าตาอีกหรือไม่
ขึ้นมาชั้นสองไม่ว่า คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ที่นั่งของท่านปู่ก็ยังจะกล้านั่ง
ผู้เฒ่าหนิงโบกมือ บอกใบ้หนิงเทียนโย่วหุบปาก เห็นแหวนมิติเป็นสำคัญ
หนิงเทียนโย่วจึงได้ไปยืนอยู่ข้างหลังผู้เฒ่าหนิงด้วยความโกรธเคือง
“ท่านปู่ มีคนประมูลแหวนมิติมากมายจริงๆ แม้ว่าพวกเราจะประมูลมาได้ เกรงว่าก็คงจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนไม่น้อย แหวนมิติวงนี้มีความสำคัญมากขนาดนั้นจริงหรือขอรับ?”
“แหวนมิติที่ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับหกเคยใช้ ทั้งยังมียันต์อักขระ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณขนาดนี้ แหวนมิติวงนี้จะต้องไม่ธรรมดา หากพอจะศึกษาเข้าใจยันต์อักขระในนั้นได้ บางทีตระกูลหนิงของพวกเราอาจจะกลับคืนไปสู่จุดสูงสุดได้ก็ไม่แน่”
ผู้คนรู้เพียงว่าในทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลหนิงค่อนข้างจะอ่อนแอ
แต่กลับไม่มีใครรู้ว่า ตอนนี้ตระกูลหนิงมีแต่ความว่างเปล่ามีแต่เปลือก แต่ไม่มีความจริง
ผู้แข็งแกร่งในตระกูลมีน้อยไม่ว่า แม้แต่เงินก็มีอยู่ไม่มาก
ครั้งนี้ที่เขามางานประมูลเดิมทีก็ไม่ได้อยากเข้าร่วมงานประมูล
แต่ได้ยินคนรับใช้มารายงาน เขาไม่มาไม่ได้ ไม่ประมูลก็ไม่ได้
จะพลิกตัวได้หรือไม่ บางทีอาจจะต้องดูที่แหวนวงนี้แล้ว
“เตรียมการประมูลให้ถึงที่สุด อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นเด็ดขาด โดยเฉพาะตระกูลอื่น”
“หนึ่งล้านห้าหมื่น” มีคนด้านล่างตะโกนอย่างสั่นเทา
ผู้เฒ่าหนิงยกป้าย กำลังจะตะโกนว่าหนึ่งล้านหกหมื่น
ตระกูลซ่างกวนก็ตะโกนกล่าวว่า “หนึ่งล้านห้าแสนตำลึง”
ผู้เฒ่าหนิงเดือดดาลทันที ตบหน้าขา “ตระกูลซ่างกวนทำบ้าอะไร เพิ่มไปทีเดียวหลายแสนตำลึง”
“ใช่ นี่คือการคิดจะผูกขาดโดยสมบูรณ์ ท่านปู่ แหวนแพงเกินไปแล้ว งั้นพวกเราไม่ประมูลแล้วละกันขอรับ”
“ประมูล จำเป็นต้องประมูล”
เขายกป้ายอีกครั้ง กำลังจะตะโกนว่าหนึ่งล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นตำลึง
ตระกูลไป๋หลี่กล่าวว่า “สองล้านตำลึง”
สีหน้าของเขาไม่ดี ยกป้ายขึ้น ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก
เย่จิ่งหานตะโกนกล่าว “สามล้านตำลึง”
ผู้เฒ่าหนิง “……”
กู้ชูหน่วนปิดปากหัวเราะเบาๆอย่างอดไม่ได้
หนิงเทียนโย่วกล่าวด้วยความโกรธ “ท่านปู่ พวกเขาจงใจจะมีปัญหากับพวกเราใช่หรือไม่ รู้ว่าพวกเราต้องการอยากได้แหวนวงนี้ ดังนั้นจึงได้ตั้งใจเสนอราคาเพิ่ม?”