อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 96 กินเมล็ดแตงดูละคร
เดิมทีสวีซานเหนียงอยากจัดการชายหนุ่มก่อน แล้วค่อยต่อกรกับกู้ชูหน่วน บังเอิญคำพูดจากปากของกู้ชูหน่วนไม่น่าฟัง นางหันกลับมาในพริบตา
“สาวน้อย ปากดีนักนะ เอากระดิ่งทลายวิญญาณออกมา ข้ายังจะเหลือศพเจ้าไว้ทั้งศพ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นน้ำเลือด”
“ข้าเป็นคนที่รับการข่มขู่ของผู้คนประเภทนั้นหรือ?” กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วถามกลับ
“เหอะ เด็กไม่รู้ความ”
เปล่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง สวีซานเหนียงปลายเท้าจรด ยื่นมือโลหิตออกไป โจมตีไปทางกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนพิงกำแพง มือสองข้างกอดอก อารมณ์จิตใจสบายคงที่ ราวกับว่าคิดไว้ว่าชายหนุ่มจะต้องช่วยนางเป็นแน่
เป็นดังคาด ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้ากับการรุมล้อมของยอดฝีมือมากมาย ยังคงเหาะขึ้นไปในอากาศเตะหม้อเหล็กหม้อหนึ่งของร้านตีเหล็กไปทางสวีซานเหนียง หยุดยั้งการโจมตีโลหิตมารนั้นของนาง
หม้อเหล็กสัมผัสโดนมือโลหิต ถูกละลายในพริบตา
เพียงพอให้ยอดฝีมือมากมายก็ตื่นตกใจยกใหญ่แล้ว
ช่างเป็นวิชาโลหิตมารที่แข็งแกร่งนัก
สามารถละลายเหล็กในเวลาชั่วพริบตาได้ นี่จะต้องมีกำลังภายในลึกล้ำมากเพียงใด?
ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มเคร่งขรึมทันที ราวกับคิดไม่ถึงว่าวิชาโลหิตปีมารของสวีซานเหนียงจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ เขาอยากไปช่วยกู้ชูหน่วน จนปัญญาถูกรุมล้อมไว้ เจี่ยนแคระก็ฝ่ามือหนึ่งต่อด้วยฝ่ามือหนึ่งโจมตีมาทางเขาไม่หยุด แทบอยากจะใช้ฝ่ามือใหญ่ๆตีเขาให้ตายทั้งเป็น
สวีซานเหนียงสะบัดมือ หัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าว “วันนี้ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้”
“ใช่หรือ? นู้น เจ้าดูเหล่าพี่น้องของเจ้าสิ”
สวีซานเหนียงหันหน้าเหลือบมองไป กลับเห็นใบไม้ร่วงลอยขึ้นในอากาศโดยรอบ เปลี่ยนรูปร่างเป็นมีดบางๆ ปล่อยไปทางบรรดาผู้คนทั่วทุกสารทิศ ใบไม้สีเขียวทุกใบดูเหมือนจะบรรจุไปด้วยกำลังภายในที่ไร้พลัง
พริบตานั้น ยอดฝีมือชุดดำหลายคนถูกใบไม้ใบหนึ่งปาดคอ ล้มลงกับพื้นลุกไม่ได้
แม้แต่เจี่ยนแคระก็ถูกฟันด้วยมีดนับพันหมื่นเล่ม สุดท้ายก็ถูกฝ่ามือหนึ่งของชายหนุ่มตบไปที่กระหม่อม เสียชีวิตทันที
ม่านตาของสวีซานเหนียงหดตัว อย่างไรก็ไม่เคยคิด แค่แบ่งความสนใจเช่นนี้ คนของนางก็ถูกฆ่าทั้งหมด แม้แต่น้องห้าของตัวเอง ก็ถูกสังหารแล้ว
เดือดดาล
เดือดดาลมาก
สวีซานเหนียงกัดฟันประกอบเป็นประโยคออกมาประโยคหนึ่ง “เจ้ารนหาที่ตาย”
“ปังปังปัง…….”
คนหนึ่งใช้มือโลหิต คนหนึ่งดีดการโจมตีทางเสียงออกมา ในซอยเล็กๆของเมืองหลวง แรงสังหารคุกรุ่น ยังมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นอยู่บ่อยๆ
มือสองข้างของกู้ชูหน่วนยังคงกอดอก ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “ออกมาอยู่ด้านนอก ก็อย่าโอ้อวดว่าตัวเองเก่งกาจมากเพียงใด ไม่เช่นนั้นตายยังไงก็ยังไม่รู้ ดูพวกเขาสิ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”
“ฟู่ว…….”
ชายหนุ่มโดนไปหนึ่งฝ่ามือ มุมปากมีเลือดสดกระอักออกมา
บนร่างเจ็บปวดร้อนผ่าว
“วันนี้พวกเจ้าทั้งสองอย่าคิดจะมีชีวิตรอดออกไป”
วิทยายุทธของสวีซานเหนียง เทียบกับเจี่ยนแคระแล้วไม่รู้ว่าสูงกว่ามากน้อยกี่เท่า หนึ่งฝ่ามือต่อด้วยหนึ่งฝ่ามืออีก ไม่ให้โอกาสชายหนุ่มได้ดีดพิณ
เมื่อครู่ชายหนุ่มสิ้นเปลืองกำลังภายในไปปริมาณมาก ก็รับไม่ไหวในเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้จึงตกอยู่ในอันตราย
กู้ชูหน่วนหาสถานที่ที่เหมาะสม หยิบเมล็ดแตงออกมาจากหน้าอกห่อหนึ่ง ดูความคึกคักอย่างสบายอกสบายใจ แล้วพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นอยู่บ่อยๆ
“รีบเตะด้านล่างของนาง โอ๊ย ขาดไปก้าวเดียว ดูความช้าของเจ้าสิ”
“ระเบิดสมองของนาง ตีจนสมองนางไหลออกมาทุกทาง เร็วเร็วเร็ว เฮ้อ เจ้าทำยังไงเนี๊ย ขาดไปนิดเดียวอีกแล้ว”
“ระวัง นางจะระเบิดหัวของเจ้า ยังดีที่ข้าเตือนเจ้า ไม่งั้นเจ้าต้องโดนวิชาฝ่ามือโลหิตมารของนางเป็นแน่ ถึงเวลานั้นแม้แต่สมองของเจ้าก็คงถูกนางละลายไปแล้ว”
การกระทำนี้ ไม่เพียงทำให้ชายหนุ่มเกิดโทสะ สวีซานเหนียงก็เกิดโทสะแล้วเช่นกัน
พวกเขาต่อสู้กันจะแทบตายกันไปข้างหนึ่งอยู่ตรงนี้ กู้ชูหน่วนกลับกินเมล็ดแตงดูละครอยู่ตรงนั้น?
นี่นับว่าเป็นอะไร?
ทำเหมือนพวกเขาเป็นตัวตลกหรือ?
ที่โกรธยิ่งกว่าคือชายหนุ่ม เขาเพื่อที่จะช่วยนาง พยายามสู้ทุกอย่าง ทั้งยังถูกพวกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัสอีก นางกลับดี ไม่เพียงไม่ช่วย ยังทำท่าทางเหมือนละครน่าดูมากเช่นนั้นอีก
เห็นว่าสวีซานเหนียงเดือดดาล มือขวายกขึ้น ก็เป็นกระบวนท่ามือโลหิตมารโจมตีไปทางกู้ชูหน่วน
ชายหนุ่มพลิกพิณสีหมึกทันที ขวางกั้นมือโลหิตมารของสวีซานเหนียง เพราะการขวางกั้นนี้ พิณสีหมึกของเขาก็ถูกโจมตีจนแตกหักเป็นสี่ห้าเสี่ยง
กู้ชูหน่วนเห็นความปวดใจที่แวบผ่านในดวงตาของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน ดูออกว่าชายหนุ่มใส่ใจพิณสีหมึกอันนี้เป็นอย่างมาก