อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่1231 แผนการ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่1231 แผนการ
แม่ทัพเฝ้าประตูมองอย่างเย็นชา พวกทหารก็ตัวสั่นเทาอย่างเกรงกลัว ต่างก็ก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ราชินีมีคำสั่ง ห้ามปล่อยผู้ต้องสงสัยเข้าไปสักคน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นโรคฝีดาษก็ตาม”
กู้ชูหน่วนกับเย่จิ่งหานถูกจับตาโดยพวกทหาร
ระหว่างนั้นก็มีหมอมาไม่น้อย ต่างก็วินิจฉัยว่าพวกเขาเป็นโรคฝีดาษ ทุกคนตกใจจนไม่กล้าเข้าใกล้
แม่ทัพเฝ้าประตูจับตัวพวกเขาไปที่พื้นที่ร้าง ฆ่าพวกเขาเงียบๆ เพื่อไม่ให้โรคฝีดาษแพร่กระจายออกไป
พื้นที่รกร้างในกลางดึก เย่จิ่งหานเหลือบมองกู้ชูหน่วน เขาคิดไม่ออกเลยว่า นางคิดจะทำอะไรกันแน่
นอกจากวิชาการแพทย์ของนางจะยอดเยี่ยมแล้ว รูปแบบการแสดงอื่น ๆ นั้นวิปริตเกินไป
นางขัดสมาธิหลับตา ภายนอกเหมือนกำลังหลับอยู่ แต่ความจริงกำลังหมุนเวียนกำลังภายใน ขนาดบนหัวยังมีควันสีขาวขึ้นมาอ่อนๆ เห็นไดชัดเลยนางกำลังฝึกวิชาอยู่
ตลอดทางขอแค่มีเวลา นางก็จะฝึกฝนตลอด
ตั้งแต่ตระกูลมู่ถูกสังหารหมู่แล้ว ภายนอกของนางดูเรียบเฉย ใบหน้าร่าเริง แต่นัยน์ตาของนางกลับมีความโศกเศร้าแอบเเฝงอยู่
ดูออกว่าการสังหารหมู่ของตระกูลมู่เป็นปมในใจของนางอย่างมาก
“ตึกๆๆ……”
แม่ทัพเฝ้าประตูพาทหารสองนายมาเอง
เขายืนอยู่ข้างหน้า เย่จิ่งหานกับกู้ชูหน่วนนั่งลง แต่ทันใดนั้น แม่ทัพเฝ้าประตูก็รู้สึกขาอ่อน ร่างกายเหมือนถูกกดทับเอาไว้
หนักจนเขาอดไม่ได้ร้องออกมา และความรู้สึกกดดันนี้ก็มาจากเย่จิ่งหาน
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?” แม่ทัพเฝ้าประตูโหลหลินเอ่ยถาม
ถึงแม้ทั้งสองจะแปลงโฉมมา แต่บุคลิกความสูงศักดิ์ของชายผู้นั้นก็ปกปิดไว้ไม่ได้อยู่ดี
เขาไม่มีทางเป็นนายพรานธรรมดาแน่ แต่เหมือนกับยอดฝีมือท่านหนึ่งมากกว่า
กู้ชูหน่วนพ้นลมหายใจออกมา สายตาเย็นชา มองไปยังโหลหลิน กระตุกยิ้มมุมปาก
“เจ้าไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร ยังกล้าปล่อยพวกเราเข้าเมืองมาอีก ยังกล้าร่วมมือกับพวกเราด้วย เจ้านี่มันใจกล้าจริงๆเลยนะ”
“ให้พวกเจ้าเข้าเมืองก็แค่ไม่อยากปล่อยผู้ต้องสงสัยทุกคนไป ส่วนเรื่องการร่วมมือ ข้าเคยบอกว่าจะร่วมมือกับพวกเจ้าเหรอ?”
“ไม่ร่วมมือกับพวกเรา เจ้าจะมาเองทำไม? หรือเพื่อมาฆ่าพวกเราเองงั้นเหรอ?”
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็คนที่ราชินีพวกเจ้าสั่งให้ตามหาไง”
พวกทหารล้อมตัวพวกเขาไว้ พร้อมจะฆ่าพวกเขาทุกเมื่อ
โหลหลินกลับไม่คิดจะฆ่าพวกเขาเลย แค่ถามอย่างระมัดระวังว่า “งั้นโรคฝีดาษของพวกเจ้าล่ะ……ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
“แค่ทายานิดหน่อย มีอาการคันเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็หลอกหมอพวกนั้นได้” ว่าแล้ว กู้ชูหน่วนก็เอาผ้ามาเช็ดจุดสีแดงพวกนั้นออกไป
ทุกคนตกตะลึงกันมาก
นี่มันคือยาอะไรกัน กลับหลอกหมอทุกคนได้? วิเศษจริงๆเลย
กู้ชูหน่วนไม่อยากเสียเวลา นางเช็ดไปด้วยแล้วพูดไปด้วยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนสนิทของอ๋องเสวี่ยฉิน หลายปีมานี้พวกเจ้าก็ไม่พอใจกับราชินีมาก ครั้งนี้ราชินีกล้าต่อกรกับอ๋องเสวี่ยฉินต่อหน้า พวกเจ้าคิดก่อกบฏนานแล้วล่ะสิ”
โหลหลินพวกเขาต่างก็ชักดาบออกมา หนึ่งในทหารก็ตะคอกด่าว่า “เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรกัน พวกเราภักดีต่อองค์ราชินี จะคิดก่อกบฏได้อย่างไร นี่เป็นโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรเชียวนะ เจ้า……”
“ที่นี่เป็นสถานที่รกร้าง ไม่มีคนนอก เจ้าจะกลัวอะไร? ข้าไม่มีเวลามาคุยเล่นกับพวกเจ้าหรอกนะ”
“ในเมื่อแม่หญิงรู้แล้ว พวกเราก็ไม่ปิดบังแล้วกัน พวกเราไม่พอใจต่อองค์ราชินีนานแล้ว หลายปีมานี้องค์ราชินีกวาดล้างขุนนางผู้ภักดีหลายคน ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ปกครองโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนในแคว้นน้ำแข็งต้องทุกข์ทรมานอย่างมาก ผู้คนลำบากยากเข็ญ อดตายกันหมด ผู้บริสุทธิ์ในแคว้นน้ำแข็ง ต่างก็อยากเปลี่ยนองค์ราชินี แต่ว่า……”
“แต่ว่า ถึงแม้แคว้นน้ำแข็งจะมีกองทัพก่อกบฏมากมาย แต่ไม่ได้เป็นดั้งเดิม พวกเจ้ารับเงินเดือนจากราชสำนัก ภักดีต่อราชสำนัก แค่อยากปกป้องผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์ เจ้าต้องการจะสนับสนุนอ๋องเสวี่ยฉิน แต่อ๋องเสวี่ยฉินกลับไม่มีใจอยากเป็นจักรพรรดิ ตอนนี้ชีวิตและความตายมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ดังนั้นพวกเจ้าก็เลยลำบากใจใช่หรือไม่?”
โหลหลินแปลกใจมาก นางรู้เยอะขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
“ถึงข้าบอกพวกเจ้าว่าอ๋องเสวี่ยฉินยังไม่ตาย อยู่ที่เมืองหยุนโจว เจ้าจะเชื่อไหม?”
“อ๋องเสวี่ยยังไม่ตาย ตอนนี้อยู่ที่เมืองหยุนโจว เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าก็ต้องมีช่องทางข่าวสารอยู่แล้ว”
ไม่เพียงแต่พวกโหลหลินที่แปลกใจ
เย่จิ่งหานก็แปลกใจเหมือนกัน
ช่วงนี้เขาอยู่กับมู่หน่วนตลอด ทำไมถึงไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนรู้ข่าวเยอะขนาดนี้
มองดูงูที่ขาของกู้ชูหน่วน เย่จิ่งหานก็เข้าใจทั้งหมดแล้วล่ะ
นางเชื่อมสัตว์ได้ และยังฟังสัตว์พูดรู้เรื่องด้วย มีสัตว์กลุ่มหนึ่งที่รับใช้นาง นางจะไม่ได้ข่าวได้อย่างไรล่ะ
กำราบสัตว์ได้ทุกชนิด งั้นขอให้สัตว์ของนางช่วยตามหาวิญญาณที่เหลือของอาหน่วนได้ไหม?
“ไม่เชื่อใช่ไหม นี่ไง”
กู้ชูหน่วนยื่นที่คาดเอวเปื้อนเลือดให้โหลหลิน
โหลหลินตกใจ “นี่เป็นของที่กองทัพเจิ้นเป่ยส่งให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่เคยเอาห่างจากตัวเลย เจ้าไปได้มาจากไหน”
“นอกจากท่านอ๋องพวกเจ้าให้ข้าแล้ว ข้าจะได้มาจากไหนอีกล่ะ”
โหลหลินมองนางอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่
กู้ชูหน่วนยิ้ม “อย่ามองข้าเป็นศัตรูสิ ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่า ท่านอ๋องของเจ้าอยู่ที่หลิงหลี่โพของเมืองหยุนโจว เขาบาดเจ็บสาหัส พวกเจ้าคิดหาทางไปช่วยเขาเถอะ ไม่งั้นถึงองค์ราชินีจะตามหาเขาไม่เจอ เขาก็คงบาดเจ็บจนตายหรือไม่ก็โดนสัตว์ร้ายกัดกินจนตายแล้วล่ะ”
หลิงหลี่โพ นั่นเป็นภูเขาสูงชันที่มีสัตว์อันตรายอยู่มากมาย
โหลหลินรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่หลอกพวกเขาแน่นอน และไม่มีเหตุผลหลอกพวกเขาด้วย
เขารีบกล่าวขอบคุณ แล้วนำกำลังคนจากไปอย่างรวดเร็ว
กู้ชูหน่วนเตือนอยู่ด้านหลังว่า “ระวังองค์ราชินีด้วยล่ะ”
“ทราบแล้ว ขอบคุณแม่นางมาก ถ้ามีโอกาส โหลหลินจะตอบแทนแม่นางอย่างดี”
พวกเขาออกไปไกลเรื่อยๆ เย่จิ่งหานไม่รู้ว่าจัดการของที่ขาเมื่อไหร่ เผยให้เห็นขาที่เป็นปกติ
เขาพูดอย่างเรียบเฉยว่า “หลิงหลี่โพ สัตว์ป่าอันตราย? เหอะ……สัตว์พวกนั้นฟังคำสั่งของเจ้า เจ้ากลับตั้งใจให้เขาไปช่วยอ๋องเสวี่ยฉิน เจ้าอยากกบฏหรือไง”
“ข้าจำเป็นต้องกบฏด้วยเหรอ?”
ตำแหน่งราชินีเป็นของนางอยู่แล้ว
นางอยากเอากลับมา สามารถเอากลับมาได้ทุกเมื่อ
แต่นางแค่ไม่อยากแย่งก็เท่านั้น
กู้ชูหน่วนกอดอก เหลือบตามองเย่จิ่งหาน แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือเจ้าเห็นว่าราชินีแต่งงานกับเวินเส้าหยี เจ้าหึง ก็เลยอยากแต่งงานกับราชินีเหรอ”
เย่จิ่งหานกระตุกมุมปาก
นางคิดได้อย่างไรกัน เขาเนี่ยนะอยากแต่งงานกับราชินี?
อย่างไรเขาก็เป็นถึงอ๋อง มีแต่คนอยากแต่งงานกับเขาต่างหากล่ะ
ถึงแม้โหลหลินจะเป็นแค่ทหารเฝ้าประตูเล็กๆ แต่เบื้องหลังของเขากลับเป็นกองทัพเจิ้นเป่ย รวมไปถึงพวกที่อยากกบฏต่อราชินีตัวปลอมนั้น
ใช้พวกเขาก่อเรื่อง ให้ราชินีไม่มีเวลามาสนใจพวกเขาก็ดีเหมือนกัน
กู้ชูหน่วนลากรถอีกครั้ง พาเย่จิ่งหานเดินไปอย่างยากลำบาก ปากก็บ่นไม่หยุด “โหลหลินก็จริงเลย อย่างไรข้าก็บอกข่าวเขาไปแล้ว เขาน่าจะเหลือคนมาช่วยข้าลากเจ้าด้วยสิ”
“……”
“เย่จิ่งหาน เจ้าควรจะลดน้ำหนักแล้วนะ เจ้าหนักขนาดนี้ ต่อไปใครจะกล้าแต่งงานกับเจ้าอีก”
“ไม่ต้องกังวลหรอก ข้ามีภรรยาแล้ว”
“ถ้าข้าเป็นภรรยาของเจ้า ข้าจะคงจะเลิกกับเจ้า ทั้งหนักทั้งโง่ทั้งกินเก่งขนาดนี้”