อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่1238 งานแต่ง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่1238 งานแต่ง
“เจ้าว่าไงนะ? เวินเส้าหยีกับราชินีโหดจะแต่งงานกัน?” กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
“ใช่ พวกเขาควรจะแต่งงานกันนานแล้ว แต่เวินเส้าหยีป่วย ก็เลยยื้องานแต่งงานออกไปเรื่อยๆ แต่วันนี้……เห้อ……นายหญิง ท่านจะไปไหนน่ะ รอเสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ด้วย หมูย่างของข้าล่ะ……ท่านยังไม่ได้ย่างให้ข้าเลยนะ”
เสียงการต่อสู้นอกเมืองว่านจี เสียงคำราม การต่อสู้ และเสียงอาวุธที่ปะทะกัน กลิ่นเลือดอบอวลไปทั่วพื้นที่ และมีแขนขาขาดอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ในเมืองหลวงกลับเต็มไปด้วยเสียงเฮฮา ความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้คนพลุกพล่าน ทั่วทุกแห่งหนมีการตกแต่งด้วยกระดาษสีแดง ช่างแตกต่างจากเมืองว่านจีมาก
พวกชาวบ้านต่างก็แอบซุบซิบกัน
“ตอนนี้มีเหตุสงคราม อ๋องเสวี่ยสู้มาถึงเมืองว่านจีแล้ว ราชินียังมีใจมาจัดงานแต่งอีก แล้วที่น่าสงสัยคือ เงินที่จัดงานแต่งก็มาจากท้องพระคลังทั้งนั้น เก็บภาษีจากพวกเราไป เงินที่ข้าหามาได้หนึ่งปียังไม่พอจ่ายค่าภาษีเลย ทั้งครอบครัวจะเอาอะไรกินล่ะ”
“นั่นน่ะสิ เจ้าดูบรรยากาศนี้สิ แค่สินสอดก็ยกไปเป็นสิบถนนแล้ว จักรพรรดิองค์ก่อนของแคว้นน้ำแข็งยังไม่จัดอลังการขนาดนี้เลย”
“เจ้าว่า ราชินีคงไม่ได้เอาเงินทองทั้งหมดในท้องพระคลังมาเป็นสินสอดหรอกนะ ดังนั้นก็เลยมาเก็บภาษีจากพวกเราเพื่อไปจัดงานแต่ง”
“น่าจะไม่ใช่นะ ข้าได้ยินว่าราชินีให้ขุนนางทั้งหมดในแคว้นน้ำแข็ง ทุกคนบริจาคของมาสามอย่าง เพื่อเอามาเป็นสินสอด เงินภาษีที่ราชินีเก็บไป ก็ใช้เพื่อการสู้รบ”
“ถึงแม้จะให้ขุนนางบริจาค แต่พวกขุนนางก็ยังมารีดไถจากพวกเราอยู่ดี เอาไปเอามา ก็เป็นพวกเราที่ซวยแทน”
“ภาษีเยอะขนาดนั้น ราชินียังอารมณ์ขึ้นๆลงๆอีก ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่หยุด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราไม่โดนนางฆ่า ก็คงได้อดตายกันพอดี ข้าอยากให้อ๋องเสวี่ยฉินบุกเข้ามายึดครองเมืองหลวง และสู้กับราชินีได้ แบบนี้พวกเราก็จะได้มีอนาคต”
“ชวู่ เจ้าอยากตายหรือไง? กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร เดี๋ยวก็โดนโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรหรอก”
“คุณพระ ข้าพูดอะไรออกไปกันนะ ไม่มีใครได้ยินที่ข้าพูดใช่ไหม”
ชาวบ้านอีกคนพูดอย่างไม่พอใจ “ได้ยินอะไร ไม่ใช่แค่เจ้าที่พูดหรอก ทุกคนก็คิดกันแบบนี้หมด แต่น่าเสียดายที่แม่ทัพเสิ่นอยู่ อ๋องเสวี่ยอยากยึดครองเมืองหลวงคงจะยากมากขึ้น”
“แม่ทัพเสิ่นเป็นผู้ปกปักรักษาแคว้นน้ำแข็งของเรา ขอแค่มีเขาอยู่ ไม่ว่าใครก็รุกรานแคว้นน้ำแข็งของเราไม่ได้ เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่าเขาเป็นเทพ แต่ตอนนี้……เห้อ……”
“ได้ยินว่าเจ้าบ่าวเป็นนายท่านตระกูลเวิน หน้าต่างหล่อเหลามาก แถมยังเก่งกาจด้านการต่อสู้”
“หนึ่งในหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ตระกูลเวินเหรอ? ชายหนุ่มพรสวรรค์ที่ทะลุขั้นสูงสุดระดับห้าได้น่ะเหรอ?”
“ใช่แล้ว ชายหนุ่มผู้มากความสามารถไม่คิดว่าจะแต่งงานกับราชินี ทั้งเมืองหลวง และหญิงสาวทั้งแคว้นน้ำแข็งคงจะเสียใจ แอบร้องไห้กันใหญ่”
“ถึงว่าราชินียอมใช้สมบัติมากมายเพื่อแต่งงานกับเขา ถ้าเป็นข้า ข้าคงคิดหาทางแต่งงานกับเขาให้ได้”
“ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิดไปไกลแล้ว ถ้ามีคนได้ยินเข้า พวกเราทุกคนคงได้ถูกจับไปประหารกันหมดแน่”
“ไม่พูดแล้วๆ เอาชีวิตให้รอดสำคัญสุด อย่างไรราชินีแต่งงานกับใครก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรานี่”
กู้ชูหน่วนยืนอยู่ในตรอกซอย นางได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาพูด
กู้ชูหน่วนมองดูขบวนแห่ขันหมาก
ยังไม่พูดเรื่องสินสอดของราชินี แต่สินสอดของเวินเส้าหยีเยอะจริงๆ ไม่รู้ว่ายกไปนานเท่าไหร่กว่าจะไปถึงวังหลวง
เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์เลื้อยไปบนตัวนาง ปากก็หายใจหอบไม่หยุด
“นายหญิง นายหญิง เมืองว่านจี……ยึดครองสำเร็จแล้ว อ๋องเสวี่ยกับอาโม่กำลังบุกมาทางเมืองหลวงแล้ว”
กู้ชูหน่วนตกตะลึง
เมืองว่านจีอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?
ยึดครองได้เร็วขนาดนั้นเชียว?
นางไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“แม่ทัพเสิ่นอยู่ที่เมืองว่านจีไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยึดครองง่ายขนาดนั้นล่ะ?”
“ไม่ง่ายเลย พวกเขาสู้อยู่ที่เมืองว่านจีเป็นเดือน นายหญิง ท่านรู้ไหมว่าใครไปที่เมืองว่านจี?”
“ใคร?” หรือว่าเซียวหยู่เซวียนจะหนีออกมาเองได้?
“คนในใจของท่านไง”
“เจ้ารู้เหรอว่าคนในใจของข้าคือใคร”
“รู้สิ อย่างไรก็ต้องเป็นเขาอยู่ดี”
กู้ชูหน่วนยกเสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ที่ยังหายใจหอบอยู่ขึ้นมา
“ท่านชอบเย่จิ่งหานขนาดนั้น งั้นข้าจะย่างเจ้าแล้วส่งให้เขานะ”
“เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์แค่อยากอยู่กับนายหญิง นายหญิง ข้าวิ่งไปวิ่งมา เหนื่อยแทบแย่ ยังช่วยท่านส่งข่าวสารอีก ท่านให้รางวัลข้าหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ได้สิ งั้นก็ย่างหมูเพิ่มแล้วกัน? ยี่สิบตัวเป็นไง?”
“ได้”
กู้ชูหน่วนตอบอย่างรวดเร็ว เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์กลับหัวใจเต้นตึกตัก
“นายหญิง รอยยิ้มของท่านทำให้ข้ารู้สึกขนลุกซู่ตลอดเลย”
“ตัวเจ้ามีขนเหรอ?”
“ไม่มี”
“แล้วจะขนลุกได้อย่างไร?”
“เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์แค่เปรียบเปรยเท่านั้น”
“ใช้โอกาสที่ราชินีตัวปลอมนั่นแต่งงาน เจ้าเข้าไปดูว่าเซียวหยู่เซวียนอยู่ในวังไหม”
“นายหญิง ในวังมีแต่สงหวง พวกพ้องของข้าไม่กล้าเข้าไป เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ก็กลัวเหมือนกันนะ”
“เจ้าเป็นราชางูไม่ใช่หรือไง? ยังจะกลัวสงหวงอีก?”
“ไม่เหมือนกันนะ สงหวงพวกนั้นไม่รู้ว่าเพิ่มอะไรเข้าไป แรงมากกว่าเดิม ครั้งก่อนข้าเกือบตายอยู่ที่นั่นเลย ข้าให้กระทิงไฟไปลองดูดีไหม”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่ได้รีบเท่าไหร่ ราชินีปลอมรู้ว่าข้าสั่งการสัตว์ได้ จะยอมปล่อยให้พวกเจ้าเข้าไปง่ายๆได้อย่างไร สัตว์ของพวกเรามาถึงครบหรือยัง?”
“วางใจได้นายหญิง อสูรฝีมือระดับสูงมารวมตัวกันแล้ว รอแค่คำสั่งของนายหญิง พวกเขาก็พร้อมฆ่าศัตรูทั้งหมดทันที”
ฆ่าศัตรูทั้งหมด?
เหอะ……
“ข้าเข้าวังก่อน เจ้าอยู่คุมสถานการณ์ก่อน”
“นายหญิง ท่านจะเข้าไปคนเดียวเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
“ราชินีโหดแกร่งมาก ในวังมีแต่คนของนาง ถ้าเกิด……”
“วางใจได้ นางไม่ตายง่ายๆหรอก”
“เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ไม่ได้เป็นห่วงว่าท่านจะตาย เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์แค่อยากบอกว่า ให้คนอื่นไปได้ไหม เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์อยากินหมูย่าง”
กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก ตอบอย่างไม่พอใจ “เอาแต่กินอยู่นั่น ระวังจะกินจนมีสิบหัวนะ”
“ถ้ามีสิบหัวก็ดีน่ะสิ ราชางูเก้าหัวมรกตถ้ากลายเป็นคนได้ ก็จะมีหัวเพิ่มอีก”
“……”
“นายหญิง ท่านย่างหมูสองตัวก่อนได้หรือไม่ แล้วค่อยย่างหมูที่เหลือวันหลัง เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์หิวจะตายอยู่แล้ว”
เห็นเสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ขวางทาง กู้ชูหน่วนก็จิ้มไปที่ท้องกลมโตของมันอย่างไม่เกรงใจ “ท้องของเจ้าป่องจนจะแตกอยู่แล้วนะ”
“ไม่ใช่นะ แบนจะตาย ดูสิ มันกำลังร้องเลย”
“ครั้งนี้ทำงานดีๆ ขอแค่ฆ่าราชินีตัวปลอมได้ ช่วยเวินเส้าหยีกับเซียวหยู่เซวียนออกมา แล้วค่อยตามหาวิญญาณ ข้าจะย่างหมูสิบตัวให้เจ้ากินทันที เด็กดีนะ”
เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ยังอยากขวางทางนาง แต่พอได้ยินเรื่องวิญญาณก็เงียบทันที จึงต้องตั้งสติและช่วยกู้ชูหน่วนตามหาวิญญาณกลับมาให้ได้
ในงานพิธี
ราชินีเดินเข้างานพิธีพร้อมกับเวินเส้าหยี